บทที่ 8
แล้วผู้ใดเป็นอาหาร
ตึก ตึก ตึก..
เสียงรบกวนดังเข้าสู่โสตประสาทมาสักพักใหญ่ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนเป็นปมด้วยความรำคาญ สวี่ลี่เซียนเพิ่งหลับลงไปได้ไม่นาน กว่าจะข่มตาหลับท่ามกลางอากาศหนาวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเสียงยังดังไม่หยุดคนตัวเล็กจึงหาที่หลบเสียงโดยการมุดลงไปใต้ผ้าขดตัวกลมยิ่งกว่าเก่าโดยไม่รู้ตัว
“งึม..”
“...”
บุรุษร่างสูงผู้ครอบครองใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาสีอำพันคู่สวยหลบตามองต่ำ อวี้เหิงยืนกอดอกถอนลมหายใจเหนือสตรีร่างเล็กมองสวี่ลี่เซียนอย่างพิจารณา ว่านางอยู่ในท่ากอดเข่าขดตัวกลมจนดูคล้ายก้อนขนมชนิดหนึ่ง เขายืนอยู่ตรงนี้ได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่อีกคนกลับไม่รับรู้ถึงการมาของเขายังคงนอนหลับสบายใจ หากเขาตั้งใจสังหารนาง นางคงตายไปทั้งที่ยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด
ลำพองใจน่าดู
“คิกคิก”
“!! อะไรของนาง..
คาดไม่ถึงคนที่นอนหลับอยู่คงกำลังฝันหวาน จู่ ๆ ก็อ้าปากยิ้มกว้างน้ำลายไหลลงขอบปากพลางหัวเรอะคิกคัก.. อวี้เหิงถึงกับเบ้ปากรังเกียจ
ด้านนอกปากถ้ำมีเสี่ยวเหยียนและองค์หญิงหลันหูหลีที่ตามเข้ามาด้วย เสี่ยวเหยียนยืนอยู่หน้าปากถ้ำด้วยอาการเหม่อลอย.. ครุ่นคิดถึงเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน หลังจากถูกไล่ให้ไปค้นหาคำว่าโจ๊ยที่หอตำรา ไม่ถึงสามชั่วยาม ท่านประมุขก็เดินเข้ามาพร้อมกับบอกเขาให้นำหมอหลวงมาด้วย
‘หมอหลวงอยู่ที่ไหน ตามหมอหลวงมาให้ข้า’
‘ท่านหมอจื่อ ออกจากหอยาไปเก็บสมุนไพรที่หุบเขาขอรับ ท่านประมุขก็รู้ว่าเขาชื่นชอบสมุนไพรเพียงใด ห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่ฟัง กว่าจะกลับมาก็ร่วมเดือน’
อวี้เหิงสีหน้าครุ่นคิด ถึงสีหน้าจะไม่บ่งบอกอารมณ์ใดแต่เสี่ยวเหยียนรับใช้ข้างกายท่านประมุขมานาน มองปราดเดียวก็ดูออกว่ากังวล และสาเหตุจะเป็นสิ่งใดไปได้นอกเสียจาก
‘ฮุ่ยซิ่วนางบาดเจ็บอีกแล้วหรือขอรับ’
‘ไม่ใช่ฮุ่ยซิ่ว’
คำตอบผิดแผกทำเอาเสี่ยวเหยียนถึงกับหูผึงตาเหลือกโต ถอยหลังไปหนึ่งก้าวนำมือทาบอก อวี้เหิงที่เห็นก็สะบัดหน้าหนีไปอีกทางพลางถอนหายใจเหนื่อยหน่ายให้กับท่าทางคนสนิท กับแค่เขาถามถึงหมอหลวงจำเป็นต้องเกี่ยวกับเรื่องฮุ่ยซิ่วทุกรอบหรืออย่างไร
‘หมอหลวงไม่อยู่ ก็ตามผู้อื่นมา’
‘ท่านประมุขอย่าบอกนะว่า..’ เสี่ยวเหยียนยังสงสัยไม่เลิก หรี่ตามองท่านประมุขอย่างตั้งใจ ‘เพราะฮูหยินหรือ’
‘ตอนนี้นางยังตายไม่ได้ รีบไปตามมา’
‘ตายไม่ได้.. ท่านประมุขจะใช้นางเป็นเครื่องต่อรองกับแม่ทัพใหญ่เว่ยหรือ’
‘ไม่ใช่เว่ยอู่ฉาง เจ้าลองคิดดู หากนางตายไปไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ไท่หวงเทียนจวินต้องส่งองค์หญิงที่น่าเอ็นดูผู้นั้นมาแทน เราอาจหมดข้อต่อรอง ร้ายแรงที่สุดเราต้องฉีกสัญญาทำสงครามกับเทียนหยูชิงหนังสือชะตา หากเป็นไปได้ข้าก็ไม่อยากผิดคำสัตย์สาบานต่อนาง’
นางในที่นี้เสี่ยวเหยียนรู้ดีว่าท่านประมุขหมายถึงผู้ใด
‘ท่านประมุข.. ท่านยังตามหาท่านอาจารย์อยู่อีกหรือ’
‘...’
การที่อวี้เหิงเงียบ เสี่ยวเหยียนก็พอคาดเดาได้ว่าท่านประมุขไม่อยากพูดถึงเรื่องอดีตประมุขอีก และเขาก็ไม่อยากตอกย้ำให้อีกฝ่ายหนักใจ จึงตั้งใจเปลี่ยนเรื่องคุย
‘ท่านพบนางแล้วหรือ ธิดาไห่หวงเทียนจวิน’
อวี้เหิงถอนหายใจสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะตอบ ‘พบแล้ว’
‘งดงามหรือไม่ ได้ยินมาว่าความงามของนางเป็นที่สุดในสามโลกแล้ว ข้าเองก็อยากยลโฉมองค์หญิงสักครั้งหนึ่ง’
ดวงตาสีอำพันกรอกตาไปมาดั่งใช้ความคิด จู่ ๆ ภาพใบหน้าสตรีผู้มีด้วยตากลมโตสีดำขลับแววตาสั่นราวกับลูกแมวหลงทางหวาดกลัว กลับมีรอยยิ้มไร้พิษสงบนดวงหน้างดงามทุกครั้งที่พบหน้าเขาโผล่ขึ้นมาในความคิด อวี้เหิงชะงักไป แล้วจึงตอบกับเสี่ยวเหยียนว่า
‘..ธรรมดาทั่วไป’
‘ทะ..ท่านประมุขล้อข้อเล่นหรือ!’ หากองค์หญิงแห่งเทียนหยูธรรมดาแล้ว แล้วผู้ใดจะนับว่างดงามในสายตาท่านประมุขอีกกัน!
‘เจ้านี่มันช่างพูดมากเสียจริง ข้าให้เวลาเจ้าเพียงครึ่งเค่อเท่านั้น หากเจ้ามีเวลาให้ชักช้าสงสัยว่าต้องเพิ่มงานให้สักหน่อยแล้วกระมัง’
อวี้เหิงข่มตาดับอารมณ์ที่เริ่มจะฉุนเฉียวด้วยนิสัยเสี่ยวเหยียนที่ชอบซักไซร้ถามมากความ ไม่นานก็ผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อนึกถึงร่างเล็กที่นอนแน่นิ่งไปจนเป็นเหตุให้เขาต้องรีบตามหมอหลวง คาดไม่ถึงว่านางจะอ่อนแอขนาดนี้
สุดท้ายต้องเป็นเสี่ยวเหยียนที่ร้อนรนหาคน โชคดีได้แม่นางหลันรับปากจะตามมาด้วย หากเป็นแม่นางหลันก็วางใจนางเป็นถึงศิษย์ลำดับที่หนึ่งในด้านปรุงโอสถ แต่ท่านประมุขเนี่ยสิ เข้าไปก็นานแล้วเหตุใดถึงต้องเขาไว้กลางอากาศหนาวเช่นนี้ด้วย!! ไม่พอยังทิ้งแม่นางหลันไว้ตามลำพัง หากไม่ใช่เขาที่ต้องแบ่งพลังปกป้องนาง นางคงต้านอากาศที่นี่ไม่ไหวแน่
“ท่านที่ปรึกษา สีหน้าท่านไม่ดีเลย มีเรื่องร้อนใจอันใดหรือไม่”
เสี่ยวเหยียนหันหน้าไปทางสตรีที่พูดได้ว่างดงามโดดเด่นไม่แพ้ใคร ใบหน้าสวยคมเข้ม หางตาเฉี่ยวทำให้ดูดุไปบ้าง แต่กลับมีเสน่ห์น่าหลงใหลได้อย่างเหลือเชื่อ “ผิดแล้วแม่นางเหยียน ไม่ใช่ข้าที่ร้อนใจ” เขามองไปด้านในถ้ำก่อนส่ายหน้าไปมา “ท่านประมุขต่างหากเป็นฝ่ายร้อนใจ”
“ท่านที่ปรึกษาหมายความว่าเช่นไร”
หลันหูหลีถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ นางรู้มาอยู่บ้างว่าท่านประมุขสั่งขังฮูหยินตั้งแต่วันแรก แต่ไม่รู้มาก่อนว่าสตรีที่เพิ่งพบกันครั้งแรกสามารถทำให้ท่านประมุขร้อนใจ แม้แต่กับฮุ่ยซิ่วเองเขายังไม่ร้อนใจเพียงนี้
“แม่นางหลันอยู่แต่ที่หอโอสถคงไม่รู้ แต่ท่านประมุขเองก็หาใช่คนที่โหดร้ายมาก่อนไม่ ตั้งแต่อดีตประมุขจากไป เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวน แต่พื้นเดิมท่านประมุขมิใช่คนโหดร้าย อีกอย่างเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดฮูหยิน ท่านประมุขคงเห็นใจนางอยู่บ้าง และหากแม่นางได้เห็นฮูหยินกับตาเองล่ะก็ต้องเข้าใจแน่ ” หลันหูหลีเพียงพยักหน้าตามไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ หางตาปรายไปยังด้านในถ่ำมีความหมายแฝงบางอย่าง..
ขณะเดียวกันนั้นด้านใน อวี้เหิงปลดแขนที่กอดอกไว้ลงก่อนย่อตัวนั่งยองลงข้างกายคนที่นอนหลับตาพริ้มพลางเอามือเขี่ย ๆ จิ้ม ๆ เสื้อคลุมที่นางสวมราวกับว่าหากแตะต้องนางโดยตรงแล้วนิ้วเขาจะติดโรคร้ายมาอย่างไรอย่างนั้น ระหว่างสำรวจร่างเล็ก นัยน์ตาคมเปรยมองรอยช้ำบนหน้าผากขาวนิ่ง ๆ มือขยับไปคล้ายจะแตะแล้วก็ชะงักลง หันกลับมาจิ้มแก้มนุ่มนิ่มไร้เลือดฝาดแทน
“เจ้า... ที่นี่คงสบายมากทีเดียว ถึงทำให้เจ้าหลับลงได้ไม่สนใจผู้ใดขนาดนี้”
“..งืม”
หญิงสาวยังไม่รู้สึกตัว แต่กลับได้กลิ่นหอมแปลก ๆ จมูกเล็กขยับฟุดฟิดดมกลิ่น มันเป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายหวานคล้ายนุ่มบอกไม่ถูก เพียงแต่สวี่ลี่เซียนรู้สึกมันน่าอร่อยมาก ในความฝันนางเห็นเหมือนเป็นแท่งขนมลอยไปลอยมายั่วตายั่วใจ ตอนนี้นางหิวจนท้องร้องดังโครกคราก ซึ่งอวี้เหิงก็ได้ยิน แต่คิดว่าเป็นเสียงคำรามของสัตว์ในเขตป่า
คิ้วหนาขมวดไม่มากแต่แววตามีความสงสัย เพราะเห็นยังไม่ใช่เวลาที่พวกมันจะออกหากิน “แปลกจริง ต้องให้เสี่ยวเหยียนไปดูสั-”
งั้ม!
“เห้ย!!”
ท่านประมุขถึงกับร้องขวัญเสีย เมื่อจู่ ๆ คนที่นอนหลับอยู่ก็อ้าปากงับกัดเต็มแรงลงนิ้วของเขา!! มากกว่านั้นยังกัดจริงจังแล้วเคี้ยว แต่พอกัดไม่ขาดใบหน้าหญิงสาวก็ขมวดมุ่ยเหมือนขัดใจ
สำหรับอวี้เหิง ตำแหน่งประมุขมารหาใช่ผู้ใดก็สามารถขึ้นมาเป็นได้ ทุกวินาทีส่งผลต่อชีวิตหากละสายตาจากศัตรูไปแม้แต่กะพริบตาเดียวนั่นหมายถึงความตาย ทว่า..ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดผิดพลาด กับสตรีอ่อนแอปวกเปียกเช่นนาง นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาถูกทำร้ายร่างกาย!!
“ทะ..ท่านประมุขเกิดอะไรขึ้นขอรับ!!”
“หยุด!! อย่าเข้ามา!!”
เสี่ยวเหยียนบอกให้หลันหูหรีรอด้านนอกก่อน แล้วจึงรีบวิ่งเข้ามาแต่ต่ต้องชะงักเมื่อท่านประมุขกล่าวห้ามเสียงดัง “ท่านประมุขข้าได้ยินเสียงท่านตะโกนร้อง” เสี่ยวเหยียนชะลอฝีเท้า เห็นแผ่นหลังท่านประมุขอยู่ไกล ๆ แะเห็นว่าประมุขของเขานั่งย่อตัวลงอยู่บนพื้นข้างกายมีก้อนผ้าขดกลมอยู่ คนในก้อนผ้าดิ้นขลุกขลัก มือใหญ่พยายามดันหน้าสวี่ลี่เซียนออก ไม่น่าเชื่อว่านางจะหิวขนาดนี้นอกจากจะสลัดนางไม่หลุดแล้วนางยังกัดอีกรอบเพราะคิดว่าขนมชิ้นนี้ทำไมมันเหนียวนัก..
“อึก!!” อวี้เหิงกัดฟัน ใช้มืออีกค้างง้างปากนางขึ้น ทำไมนางกัดไม่ปล่อยขนาดนี้ นั่นนางฝันถึงอะไรอยู่!
“ท่านประมุข”
“ข้าบอกว่าอย่าเข้ามา!!”
เสี่ยวเหยียนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หันซ้ายหันขวาทำตัวไม่ถูก เกิดอันตรายกับท่านประมุขหรือ! แต่ใครทำ เขาไม่เห็นใครนอกจากฮูหยินที่นอนอยู่บนพื้นเลย!! สถานการณ์ชลมุนวุ่นวายเมื่ออีกคนก็เป็นห่วงจะเดินเข้ามา ส่วนอีกคนก็อายเสียเหลือเกิน เกินกว่าจะให้ใครได้เห็นว่าเขาถูกสตรีกัดนิ้ว! และอีกคนต่อให้เสียงดังอึกครึมโครมเพียงใดก็ยังไม่ยอมตื่น!
...ไม่ถึงครึ่งเค่อถัดมา
“....” เสี่ยวเหยียน
“....” อวี้เหิงยืนกอดอกแทบจะได้ยินเสียงฮึ่ม ๆ ออกมา
“....”
และคนสุดท้ายที่ตื่นเต็มตา.. ใบหน้างดงามหลุบตาลงต่ำสีหน้าหงอย ๆ ทั้งมือและเท้าขยับไม่ได้เพราะถูกจับม้วนไว้ในผ้าให้เหลือแค่หัว! สวี่ลี่เซียนไม่กล้าโวยวายด้วยรู้ว่าตัวเองน่าจะทำสิ่งใดผิด และก็ได้รู้เมื่อเห็นรอยฟันเป็นซี่ ๆ ลอบนิ้วพ่อตัวร้าย
จบเห่แล้ว..
สิ่งที่นางคิดว่าเป็นแท่งเนื้อแท่งขนมในฝันความจริงเป็นนิ้วเขาหรอกหรอเนี่ย ให้ตายเถอะ! สวี่ลี่เซียนทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ โดยมีเสี่ยวเหยียนเฝ้ามองทั้งคู่ สงสัยนักว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทั้งสองคน แล้วทำไมท่านประมุขถึงมีรอยกัด?
“ท่านเลิกจ้องข้าได้แล้ว เพราะใครกันเล่าทรมานให้ข้าหิว ไม่มีอะไรตกถึงท้อง..” ในที่สุดสวี่ลี่เซียนก็เป็นฝ่ายนไม่ไหวเปิดบทสนทนาขึ้นก่อน แล้วใครใช้ให้เขานำนิ้วมาแกว่ง ๆ ตรงหน้านางกันเล่า!
“เจ้าเห็นข้าเป็นอาหารเจ้ารึ”
“มะ..ไม่ใช่แน่นอนเจ้าค่ะ ผู้น้อยไม่อาจมองท่านประมุขเป็นอาหารเจ้าค่ะ”
หางตาที่ปราดมองลงมาทำร่างกายนางสั่นสะท้าน บ้าไปแล้ว ใครจะคิดว่าเขาเป็นอาหารกันนางแค่ละเมอหรอก!
แต่แล้วสวี่ลี่เซียนต้องชะงักกระโดดโหยง ๆ ถอยหลังกรูดชิดผนัง ด้วยไม่รู้ว่าอีกคนนึกคิดอะไรอยู่ถึงเดินเข้ามาหา อวี้เหิงย่อตัวลงจนใบหน้างดงามอยู่ในระดับสายตา มือใหญ่เชยคางมนให้เงยขึ้นมองหน้าเห็นแววตาสั่นไหว ได้เห็นร่างเล็กตรงหน้าสั่นกลัวเหมือนลูกแมวหลงทางแล้วยิ่งอยากแกล้ง
“หึ แล้วผู้ใดที่เป็นอาหาร”
“อึก...”
หญิงสาวอมลมกลั้นหายใจจนแก้มป่อง เพราะใบหน้าหล่อเหลาของอวี้เหิงนั้นอยู่ห่างนางเพียงหนึ่งคืบ! ทั้งนัยน์ตาสีอำพันคู่สวยจ้องมองมาเหมือนจะจับนางกินทั้งตัว แล้วไหนน้ำเสียงทุ้มต่ำฟังแล้วสยิวใจอย่างบอกไม่ถูกนั่นอีก!
เขาตั้งใจจะทำอะไร!