บทที่ 3 นางไม่ได้ต้องการพระเอกหรอกนะ

3460 คำ
บทที่ 3 นางไม่ได้ต้องการพระเอกหรอกนะ “เรามาถึงแล้วเจ้าค่ะ” “...” อาเหลียงถอยหน้าออกมาจากหน้าต่างบนเล็ก เมื่อรถม้าเริ่มชะลอจนหยุดลงในที่สุด อาเหลียงเหลือบมองสวี่ลี่เซียนเล็กน้อย และเห็นว่าท่านหญิงยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับแม้จะถึงเวลาพร้อมส่งตัวเจ้าสาวแล้วก็ตาม ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ ไห่หวงตี้จวินคล้ายโปรดปรานท่านหญิงอยู่มาก วันนี้ไม่ได้ลงมาส่งด้วยตัวพระองค์เองนางคงรู้สึกผิดหวังและช้ำใจที่ถูกทอดทิ้ง “ท่านหญิง.. เสียงแผ่วเบาแฝงไว้ด้วยความเห็นใจเอ่ยขึ้นเรียกสตรีดวงหน้างดงามในอาภรณ์มงคงสีแดงที่กำลังก้มหน้าไม่พูดจา เห็นมือเรียวบีบเข้าหากันไปมาเหมือนกำลังมีเรื่องทุกข์ใจ ไหล่เล็กห่อตัวกำลังสั่นไหวดูน่าเวทนาอย่างยิ่ง ตอนนี้ความหวาดกลัวของอาเหลียงที่มีต่อนางลดลงไปถึงสามส่วน อาเหลียงจึงตัดสินใจขยับตัวตั้งใจเอื้อมมือขึ้นเพื่อปลอบใจสตรีข้าง ๆ “ข้าอาจไม่มีสิทธิ์ปลอบใจท่าน แต่ว่า..อย่า” ทว่ายังไม่ทันให้อาเหลียงได้พูดจบประโยค.. ไหล่ที่กำลังสั่นอยู่นั้นเคลื่อนไหวรุนแรงยิ่งขึ้น และมันมาพร้อมกับเสียงหัวเราะกดต่ำดูน่ากลัวลอดออกมาจากสตรีร่างเล็กข้างกายนาง “หึหึหึ ฮ่าๆๆๆ” “ทะ..ท่านหญิง เป็นอะไรหรือเจ้าคะ” อาเหลียงขมวดคิ้วเริ่มเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเสียงหัวเราะแสนจะสะใจเท่าที่นางเคยได้ยินมา “หึหึหึ ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าวันนี้เขาจะไม่มาหน่ะ!!! หากเป็นไปตามนิยาย ตอนนี้เขาคงวุ่นอยู่กับการตามหาฮุ่ยซิ่วที่หายตัวออกไปจากตำหนักอยู่เป็นแน่ เขาไม่มีเวลามาสนใจข้าหรอก ทีนี้ข้าจะได้เลิกกังวลเสียที!” “!” อาเหลียงถึงกับสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ ใบหน้าที่กำลังก้มอยู่ในคราแรกเงยขึ้นมาฉับพลันและสะบัดหน้าหันกลับมามองนาง ดวงตากลมโตของท่านหญิงเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสไหลอาบสองแก้ม รูปปากได้รูปเม้มเป็นเส้นตรง น้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ดูน่าสงสารหากไม่ติดว่าใบหน้ากำลังยิ้มกว้างจนดวงตาคู่สวยเกือบถูกแก้มดันจนปิด ซึ่งอาเหลียงไม่เข้าใจว่าท่านหญิงกำลังพูดสิ่งใด นิยายอะไร .. ใครจะไม่มา.. หากหมายถึงประมุขมารอวี้เหิงล่ะก็ การไม่มาเข้าพิธีแต่งงานจะไม่เป็นการหยามเกียรติท่านหญิงเองหรือ ด้านสวี่ลี่เซียไม่คิดถึงเรื่องหยุมหยิมพรรณนั้น การไม่พบหน้าพ่อตัวร้ายให้เสียวสันหลังเล่นเป็นเรื่องที่ดีแบบตะโกน!! นางเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าการดีใจถึงขั้นร้องไห้ออกมาเป็นเช่นไร! ตามนิยายแล้ว ในช่วงเวลานี้ฮุ่ยซิ่วผู้เป็นสาวใช้คนโปรดได้หายตัวไป และได้พบเข้ากับพระรองของเรื่องผู้เป็นองค์ชายจากเผ่าปีศาจที่แฝงตัวมาเป็นองครักษ์ หากจำไม่ผิดพระรองที่มีชะตาจะอาภัพรักผู้นี้ชื่อ ฉีกวนอี่ เขาตั้งใจลอบเข้ามาขโมยน้ำผลเถาเจียว ว่ากันว่าเพียงน้ำหนึ่งหยดมีค่าดั่งมหาสมุทร ฉีกวนอี่ต้องการน้ำวิเศษนี้เพื่อฟื้นฟูพละกำลังให้ทันเข้าต่อสู้ในการประลองชิงตำแหน่งประมุขกับพี่น้องอีกสามคนในอีกสองเดือนข้างหน้า แต่แล้วอย่างไรล่ะ..ไม่ใช่เรื่องของนางเสียหน่อย เดี๋ยวแม่นางเอกแอ๊บแบ๊วนั่นก็หาทางช่วยเองแหละ แสนดีถึงเพียงนั้น เหอะ! หากเป็นเพียงผู้อ่านนางเองก็ชื่นชอบตัวละครน่ารักสดใสจิตใจบริสุทธิ์เหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้อย่างนางเอกอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์มาชื่นชมใคร ออกจะหมั่นไส้ด้วยซ้ำที่บทของนางเอกถูกโรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบและนางต้องเป็นฝ่ายตายอย่างโง่เง่า ฮึ่ม!! ทำไมไม่ส่งนางมาเป็นนางเอกนะ!! “จิ๊” จากรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงด้วยความหมั่นไส้เต็มสิบ! สวี่ลี่เซียนเบะปากมองบนส่งเสียงขัดใจลำคอ ทำเอาอาเหลียงตามอารมณ์นายหญิงตัวเองไม่ทัน ในช่วงเวลานั้น ด้านนอกเองกำลังรออย่างใจจดใจจ่อเพื่อพบหน้าว่าที่ฮูหยิน เว่ยอู่ฉางผู้คุมหัวขบวนส่งเกี้ยวเจ้าสาวแลเห็นความดื้อรั้นจากศิษย์ผู้นี้ จึงอาสาไปเชิญนางลงจากเกี้ยวแทน ด้วยรู้ว่าหากเป็นเขาแล้วสวี่ลี่เซียนย่อมทำตาม ไม่อิดออด “นางอยู่ในวัยต่อต้านแล้วสินะ..” เว่ยอู่ฉางพึมพำราวกระซิบ ได้เห็นนางแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาในวันงานเลี้ยงฉลอง ทำให้ไห่หวงเทียนจวินไม่พอพระทัยอย่างมาก ถึงขั้นไล่นางออกจากงานและกักบริเวณ สวี่ลี่เซียนไม่เป็นตัวของตัวเองตั้งแต่ได้รับราชโองการอภิเษกนางเองก็ดูหม่นหมองลงอย่างมาก แต่ถึงไม่พอใจอย่างไรก็ไม่สมควรแสดงกิริยาเช่นนั้น และด้วยความเป็นห่วงเขาจึงตั้งใจไปพบนางกลับไม่เห็นว่านางอยู่ที่ตำหนัก.. ซึ่งตั้งแต่คืนงานวันนั้นเขาก็ไม่พบนางอีกเลย คิดได้ดังนั้น ร่างสูงสง่าสวมชุดเกราะสีทองลวดลายมังกรกระโดดลงจากหลังม้า โดยมีหลายคู่สายตาจับจ้องไปยังเว่ยอู่ฉางไม่วางตา เดิมทีแม่ทัพใหญ่สวรรค์เว่ยอู่ฉางมีรูปโฉมองอาจหล่อเหลา ยิ่งเมื่อสวมชุดเกราะนักรบที่เคยอาบเลือดศัตรูมานับไม่ถ้วน กลิ่นอายเข่นฆ่าบางเบาแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย แม้จะทำให้ดูน่ากลัวอยู่บ้าง แต่ไม่อาจปฏิเสธว่าความเก่งกาจและรูปโฉมสะกดสายตาทำให้สาวน้อยใหญ่ต่างต้องการจับจองให้เป็นของตน เว่ยอู่ฉางเดินตรงไปยังเกี้ยวม้ากลางขบวน ทุกท่วงท่าการเดินเหินก็มั่นคงหนักแน่น เพียงแค่เดินผ่านก็ทำเอาสตรีที่มองตามต้องเป็นฝ่ายเขินอายเสียเอง “เปิดประตู” เว่ยอู่ฉางเดินมาถึงหน้าเกี้ยวม้า ด้วยสถานะของสวี่ลี่เซียนในตอนนี้ตัวเว่ยอู่ฉางไม่อาจแสดงท่าทีห่วงใยได้มากนัก จึงต้องคงท่าทีเอาไว้ก่อนเรียกให้พลขับรถม้าลงมา "ขอรับ!" ด้วยท่าทางและน้ำเสียงทรงอำนาจดั่งนักรบชาญศึกทำให้พลขับม้าต้องรีบกุลีกุจอลงมาเปิดประตูให้ เมื่อประตูแง้มออก เว่ยอู่ฉางก็เรียกหาสตรีด้านในทันทีแต่คงท่าทีนิ่งเฉยไว้แม้ภายในใจจะห่วงนางมากก็ตาม “ลี่เซียน..ข้าเอง” “!!” น้ำเสียงนุ่มละมุนน่าฟังเรียกให้คนตัวเล็กหันไปมอง และนางก็ต้องตกตะลึงไป เหมือนกับว่านางเห็นแสงแยงเข้าลูกตา เมื่อความหล่อตรงหน้ามันสว่างจ้าเสียเหลือเกิน!! “คารวะท่านแม่ทัพใหญ่เว่ย” อาเหลียงตื่นตัวทันทีโน้มตัวลงประสานมือทำความเคารพตามความเคยชิน ผิดกับอีกคนที่นั่งนิ่งอ้าปากค้างกะพริบตาปริบ ๆ ได้อย่างน่าชัง สวี่ลี่เซียนผู้ไม่เคยพบเจอบุรุษโคตรหล่อเหลามาก่อน ตอนนี้ได้พบกับบุรุษหล่อกระตุกจิตกระชากใจถึงสองคนภายในเวลาอันสั้น บอกได้คำเดียวว่า จะวูบเจ้าค่ะ!! “ลี่เซียน.. ไม่พบเพียงสามวัน ลืมหน้าอาจารย์เจ้าแล้วหรือ ถึงได้จ้องเอาเป็นเอาตายขนาดนี้” เว่ยอู่ฉางพลัประหม่าขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เมื่อสายตาของนางมองสำรวจเสียทั่วใบหน้าของเขา ทั้งยังจริงจังมากจนเขาเห็นดวงตาของนางมีประกายวิบวับราวกับเด็กอยู่ภายในนั้น มันยังคงเป็นดวงตาคู่สวยคู่เดิมที่มองมา แตกต่างเพียงแต่ว่าวันนี้เขากลับไม่รู้สึกอึดอัดเช่นเคย.. “..ท่านแม่ทัพใหญ่นี่เอง ขออภัยเจ้าค่ะ เสียมารยาทต่อท่านแล้ว” สวี่ลี่เซียนรีบดึงสติ มือเล็กจิกลงฝ่ามือเสียแน่น เก็บกลั้นความตื่นเต้นจนขาเกือบสั่น! จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร! หากคนผู้นี้คือแม่ทัพใหญ่สวรรค์แล้วล่ะก็ ประกอบกับใบหน้าคุ้นเคยในความทรงจำ บุรุษผู้นี้จะต้องเป็นเว่ยอู่ฉางพระเอกของเรื่องเป็นแน่! และตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมสวี่ลี่เซียนถึงหลงพระเอกผู้นี้นัก หากเป็นนางเองต้องอยู่ด้วยกัน เห็นหน้าหล่อๆ นี่ทุกวัน ก็คงต้านทานไม่ไหวเหมือนกัน งือออ “เห็นเจ้าไม่ลงมาข้าจึงมาดู เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” รอยเปื้อนน้ำตาที่เพิ่งแห้งไปของนางทำให้เว่ยอู่ฉางอดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงน่าฟังทำเอานางเกือบยิ้ม แต่ต้องรั้งมุมปากตัวเองไว้ก่อน เพราะตามบทบาทเดิมสวี่ลี่เซียนต้องโผเข้ากอดพ่อพระเอกตั้งแต่พบหน้า ทั้งร้องห่มร้องไห้ แต่ด้วยเหตุใดไม่รู้นางร้ายปลายแถวผู้นี้ถึงถูกพ่อพระเอกผลักเสียกระเด็นติดผนังเกี้ยวอย่างน่าอนาถ อึ่ย! แอบโหดร้ายเบา ๆ และแน่นอนว่าตัวนางตอนนี้จะไม่ทำเช่นนั้น ในเมื่อนางรู้แล้วว่าอีกไม่กี่บทข้างหน้าพ่อพระเอกสุดหล่อนี้จะแปลงร่างเป็นเจ้าหมาตัวใหญ่ตามนางเอกต้อย ๆ แล้วนางจะเหลืออะไรให้ต้องใส่ใจในตัวบุรุษผู้นี้เล่า! หล่อแล้วไงแต่ช่วยให้นางรอดไม่ได้แถมอาจพาความตายมาประเคนใส่นางอีก เพราะงั้น เว่ยอู่ฉาง ท่านไม่ได้ไปต่อเจ้าค่ะ ติ๊ด! ยกมือกากากบาท! “ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ข้านี่แย่จริงเชียว ทำให้แม่ทัพใหญ่ต้องเป็นกังวลแล้ว งานมงคลครั้งนี้ท่านแม่ทัพใหญ่วางใจได้ ข้าจะไม่ทำเรื่องสิ้นคิดให้พวกท่านทั้งหลายรวมถึงไห่หวงเทียนจวินต้องเดือดร้อนและเสื่อมเสีย น้ำตานี้ถือเป็นน้ำตาส่งลาก็แล้วกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวแสร้งบีบน้ำตาเสียดูน่าสงสาร แต่ภายในใจนั้นชื่นชมตัวเองอยู่มากที่บีบน้ำตาเก่งประหนึ่งนางเอกละครช่องเจ็ด ฮุๆๆ เว่ยอู่ฉางไม่เท่าทันมารยาสตรี ถ้อยคำตัดพ้อไม่สมเป็นนางทำเอาเว่ยอู่ฉางต้องแปลกใจและรู้สึกผิด อีกทั้ง..หนึ่งคำก็แม่ทัพใหญ่สองคำก็แม่ทัพใหญ่ เป็นถ้ยคำเดิม ๆ แต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกราวกับว่ามันห่างเหินเช่นนี้.. "ข้าช้าแล้ว ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" หญิงสาวพูดขึ้น เตรียมรวบชายกระโปรงที่นางคิดว่าโคตรจะเกะกะขึ้นโดยมีอาเหลียงช่วยด้วยอีกแรง ด้านเว่ยอู่ฉางยืนนิ่งจมอยู่ในห้วงความคิดหลายอึดใจ กระทั่งเห็นร่างเล็กเริ่มเคลื่อนไหวเจ้าตัวจึงเริ่มขยับตาม ยื่นมือส่งให้สวี่ลี่เซียนหวังให้นางใช้เป็นหลักยึด “จับมือข้า ชุดของเจ้ารุ่มร่ามเดินไม่ระวังอาจหกล้มเอาได้” “...” เว่ยอู่ฉางยืนค้างท่ายื่นมืออยู่นาน แต่ไม่มีท่าทีว่าสตรีตรงหน้าจะรับไมตรี แต่ความเป็นจริงแล้ว ที่สวี่ลี่เซียนเงียบไม่ใช่เพราะไม่ต้องการรับไมตรีเขา แต่นางเกือบจะคว้ามือนั่นมาจับไว้แล้วต่างหาก! กรี๊ด ตั้งสติหน่อยตัวเรา จะหลวมตัวเพราะผู้ชายหล่อไม่ด๊าย!! เว่ยอู่ฉางเองคงไม่อาจคาดเดา แท้จริงแล้วภายนอกนิ่งเงียบปานรูปปั้นหินทว่าภายในนั้นแดดิ้นกำลังจะตายอยู่รอมร่อ! “ลี่เซียน วันนี้ให้ข้าได้ส่งเจ้าสักหน่อยเถอะ” “เอ่อ..” คนตัวเล็กย่นคิ้วจนผูกเป็นปม ปกติไม่เห็นจะคอยตื้อนาง เป็นคนพูดคำไหนคำนั้นเสียด้วยซ้ำ ในเมื่อนางเลือกที่จะเงียบท่านแม่ทัพใหญ่ก็น่าจะรู้แล้วว่านางไม่ยินดีที่จะจับมือ แม้ในใจจะอยากจับมากมายก็เถอะ.. กระนั้น เมื่อผู้ชายขอร้อง เราก็ต้อง.. สวี่ลี่เซียนเผลอกระหยิ่มยิ้มย่องใจพองโต กำลังจะเอื้อมมือเข้าจับฝ่ามือหนาและใหญ่หยาบกร้านจากการรบดูกร้าวใจ “จะ..เจ้าค่ะ” แสร้งทำตัวไม่ถูกสักหน่อยให้เขารู้ว่านางไม่ได้เรียกร้องนะ.. แต่!!! เหมือนสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งไม่ให้นางได้มีโอกาสแอ้มบุรุษสักนิด! ระหว่างที่ปลายนิ้วเรียวใกล้แตะลงบนฝ่ามือใหญ่ อีกเล็กน้อยก็จะได้จับมือหนากร้าวใจนั่นแล้ว มันดันมีเสียงมารขัดขวางทำเอานางสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับแทบไม่ทัน! “สวี่ลี่เซียน วันนี้เจ้าแต่งให้ข้า เจ้าบ่าวเช่นข้าควรเป็นผู้พาเจ้าเดินผ่านผ้าแพรมงคลกราบไหว้ฟ้าดิน ไฉนเจ้าจะให้ชายอื่นทำหน้าที่แทนข้าเสียแล้วเล่า” “ประมุขมารอวี้เหิง” “!!” เสียงนี้มัน.. ดวงตากลมโตตวัดหันขวับมองทางผู้มาใหม่ตาถลน หน้าตาเหลอหลาอ้าปากค้าง หน้าหล่อ ๆ ของอวี้เหิงชะโงกแทรกผ่านหน้าเว่ยอู่ฉางเข้ามาภายในเกี้ยวทำเหมือนแม่ทัพใหญ่สวรรค์เป็นเพียงธาตุอากาศ อาภรณ์ที่สวมใส่หาใช่อาภรณ์สวมในพิธีแต่งไม่ กลับเป็นเครื่องแต่งกายสีดำสนิท แถมใบหน้ายังเย็นชาไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ใด ..หากสวี่ลี่เซียนเกรงแต่ว่าเขาจะอยู่ในอารมณ์อยากฆ่านางเสียมากกว่า ไอลูกหมานี่มาได้ยังไงกันล่ะเนี่ย!! “แปลกใจที่เห็นข้าหรือ หรือแท้จริงเจ้าอยากให้เป็นเขาที่พาเจ้าเข้าเรือนหอ” อวี้เหิงเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นสีหน้าราวกับเห็นผีของนาง ไม่พอยังแวะมาแขวะนางได้อีก ในขณะที่เว่ยอู่ฉางจำต้องถอยหลังหลีกให้ประมุขมารอวี้เหิงเดินเข้าไปหาสวี่ลี่เซียน ความรู้สึกแปลกประหลาดสายหนึ่งผ่านเข้ามาก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว ครั้นได้ยินวาจาดูหมิ่นศิษย์ต่อหน้า เว่ยอู่ฉางไม่ลีลอเดินขึ้นมาประกบด้านข้างพร้อมประสานมือ “ขออภัยท่านประมุข เรื่องท่านทั้งสองตัวข้าไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย แต่คำพูดเมื่อสักครู่ข้ามั่นใจว่าท่านหมายถึงข้าแน่ จึงอยากยืนยันให้ท่านประมุขวางใจ ลี่เซียนไม่มีทางคิดเช่นนั้น และหวังว่าท่านจะไตร่ตรองเสียใหม่” “หึ เจ้าคงเป็นแม่ทัพใหญ่สวรรค์เว่ยอู่ฉาง ดี ๆ" อวี้เหิงแสยะยิ้มหัวเราะ มองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า สวี่ลี่เซียนเห็นการกระทำดังกล่าวยังเผลอนำมือทาบอกคิดว่า อื้อหือ มองเหยียดมาก! ส่วนอวี้เหิงนำมือไขว่หลังมองเว่ยอู่ฉางนิ่งแล้วพูดต่อ "เช่นนั้น แม่ทัพใหญ่เช่นท่านผู้มีสายตาหลักแหลม จะกล่าวหาว่าประมุขเช่นข้าพูดจาเหลวไหลรึ” น้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ดูคล้ายกดต่ำลงลอดไรฟัน ทั้งดวงตายิ่งแข็งกร้าวขึ้นกว่าเก่า สวี่ลี่เซียนแม้อ่านนิยายมาเพียงสิบบท แต่รู้ฤทธิ์พ่อตัวร้ายขี้หัวร้อนผู้นี้ดี ในใจอวี้เหิงเวลานี้คงเดือดปุด ๆ เป็นฟืนเป็นไฟ ดูนั่นสิ หน้าแข็งตาแข็งโป๊กเลยพ่อคุณ “ความคิดของท่าน ตัวข้าไม่สามารถห้ามได้ เพียงแต่ว่า ประมุขเช่นท่านจะใช้อารมณ์เหนือเหตุผลคงไม่สมควรนัก สิ่งใดที่ทำให้ท่านไม่พอใจก็สมควรโทษสิ่งนั้น ใช่มาลงกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง” นั่น..แล้วพ่อจะตอบโต้เพื่อ!! สวี่ลี่เซียนกัดฟันร้องภายในใจ เดิมทีเว่ยอู่ฉางหาใช่ผู้ที่ยอมคนเสียเมื่อไหร่ อวี้เหิงยิ่งแล้วใหญ่รายนี้ใครพูดขัดหูเป็นไม่ได้ต้องใส่เดี่ยวไปเสียหมด! และเมื่อโดนตอกหน้ากลับมาเช่นนี้ พ่อตัวร้ายของเรายิ่งแผ่กลิ่นอายเข่นฆ่า จิตสังหารก่อตัวเป็นไอพลังสีดำเจือจางรอบตัวอวี้เหิง ไม่ต่างจากเว่ยอู่ฉางที่แผ่จิตสังหารออกมารอบกายอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่าทั้งสองยังไม่ขยับเขยื้อนคล้ายคงดูท่าทีอีกฝ่าย และแน่นอนว่าบุรุษเช่นอวี้เหิงมีหรือจะไม่ตอบโต้ ต้องตอบโต้อยู่แล้วสิเจ้าคะ! “รู้ด้วยหรือว่าข้าไม่พอใจสิ่งใด หากแม่ทัพใหญ่รู้ แจ้งแก่ข้าให้ชื่นใจหน่อยได้หรือไม่” “...” “เจ้าเงียบ? หรือแท้จริงเจ้าไม่กล้าพูดกัน ว่าผู้ที่ข้าไม่พอใจจะเป็นไอ้แก่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ชอบนั่งบนแท่งเหล็กใกล้พัง โอ้อวดว่าอยู่เหนือค้ำฟ้าบนแดนเทียนหยูนั่นหน่ะ ฮ่า ๆ แต่ก็อย่างว่า สุนัขซื่อสัตย์เช่นเจ้าจะกล้าพูดได้อย่างไร ถึงแม้จะเป็นความจริงก็ตาม” “!!” “!!” ทั้งเว่ยอู่ฉางและคนที่อยู่ในระยะการได้ยินถึงกับอึ้งกันถ้วนหน้าไม่เว้นแม้แต่นาง สวี่ลี่เซียนเผลอยกมือขึ้นปิดปากเมื่อได้ยินคำตอกกับแสนร้ายกาจจากอวี้เหิง อื้อหืออออ.. พูดซะไม่เกรงใจตำแหน่งเทียนจวินเลย.. ตอนนี้บุรุษทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศรอบกายเริ่มกดดันขึ้นเรื่อย ๆ เหล่าพลทหารทั้งสองฝ่ายสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ พวกเขาต่างวางมือไว้บนอาวุธคู่กายเตรียมปะทะหากผู้บัญชาการทั้งสองต้องการเปิดศึกกัน แน่นอนว่าหากเป็นชีวิตก่อนได้เห็นฉากพระเอกและตัวร้ายหันดาบปล่อยพลังเข้าสู้กันในซีรีย์จีนย้อนยุค สวี่ลี่เซียนคงเตรียมหาของว่างมานั่งชมโรงละครบทตระการตานี้ไปแล้ว ติดเสียว่า..ตอนนี้นางกำลังนั่งอยู่ตรงหน้า ตรงหน้าจริง ๆ!! ไม่ใช่แค่ตรงหน้าแบบจับต้องได้ แต่เป็นด้านหน้าระหว่างกลางพวกเขาเลยต่างหากล่ะเว้ย!! หากมยิงพลังใส่กันตรงนี้คนที่จะโบกมือลาโลกไปก่อนหน่ะคือนางคนแรกเลยต่างหาก กรีดร้อง!! ด้วยเหตุนี้ชะนีผู้ที่เหมือนจะเป็นเหตุต้นเรื่องเช่นนางจะอยู่เฉยได้อย่างไร! เพื่อความอยู่รอดนางต้องสงบศึกนี้ให้ได้โดยไว แต่จะทำอย่างไรล่ะ.. หรือนางควรพูดอะไรสักอย่าง.. แต่พวกเขาจะหันมาสนใจนางหรือ ไม่แน่ว่าแค่อ้าปากอวี้เหิงคงสะบัดมือฆ่านางข้อหาน่ารำคาญแล้ว! ฮืออออ และในระหว่างที่นางใช้ความคิด ดูเหมือนว่าบุรุษใจร้อนทั้งสองจะไม่ยอมรอให้สวี่ลี่เซียนได้คิดหาวิธีรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองเลยสักนิด! ทั้งคู่เริ่มง้างมือขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน เหล่าทหารทั้งหมดเตรียมหยิบอาวุธคู่กายออกมา มันกลายเป็นภาพช้าสำหรับสวี่ลี่เซียนในยามนี้.. เมื่อสถานที่ที่ควรเป็นงานมงคลกำลังจะเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรบตั้งแต่เริ่มปฐมนิยาย บทเริ่มต้นเปลี่ยนไปราวกับมีตัวแปรทำให้บทพลิกผันจากย่ำแย่อยู่แล้วให้มันย่ำแย่ขึ้นไปอีก! และตัวแปรที่ว่าไม่ใช่ใครอื่น คือสตรีร่างเล็กที่นั่งหัวโด่ ซึ่งไม่ได้มีโอกาสได้พูดกับเขาสักคำ! ถึงแม้ตัวแปรที่ว่าจะอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้ปริปากพูดแต่มันก็สามารถทำให้เกิดความฉิบหายได้!! ความอัดอั้นตันใจ ความโกรธเกรี้ยว ความหวาดกลัว กลัวตายทุกอย่างผสมปนเปจนนางต้องร้องไห้ออกมาพร้อมกับตะโกนดัง ๆ ในใจว่า “ไอพวกบัดซ๊บบบเอ๊ย!!!!!” “!” “!!!” ภายในหนึ่งลมหายใจที่มาพร้อมกับเสียงหวานสบถดังสะเทือนหู..ทุกสรรพสิ่งได้หยุดนิ่ง สองบุรุษที่กำลังตั้งท่าต่อยตีกันชะงักในท่าง้างหมัดเช่นนั้นและหันกลับมามองสตรีในเกี้ยวม้าพร้อมเพียง ไม่เว้นแม้แต่เหล่าทหารต่างพร้อมใจชะโงกหน้ามองยังต้นเสียงหวานที่ตะโกนด้วยเสียงอันดังระดับะเทือนฟ้าสะเทือนฝนภายในเกี้ยวม้า และอาเหลียงที่อ้าปากค้างหันมามองผู้เป็นนายด้วยตาอันเหลือกโต.. “....” ด้านคนที่คิดว่าสบถในใจไม่ได้ยินเสียงการปะทะกันอย่างที่ควรจะเป็นรีบเงยหน้าขึ้นมาแทบจะทันที หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ ปรับสมองสักครู่ แต่ยังเห็นภาพอวี้เหิงและเว่ยอู่ฉางมองมาที่นางนิ่ง สวี่ลี่เซียนจึงสะบัดหัวอีกสักรอบ นางอาจจะกำลังฝันอยู่.. "...." "...." ชัดเจน.. ทั้งสองคนยังคงจ้องมองนางอยู่ โอเค ไม่ใช่ฝันแล้วล่ะ.. สวี่ลี่เซียนที่กำลังน้ำตาคลอเบ้าจำต้องสูดน้ำมูกน้ำตาที่กำลังไหลให้กลับเข้าที่ เพราะเพิ่งรู้ตัวเองในตอนนี้ว่า.. นางไม่ได้คิดในใจนี่หว่า เวรแล้วไง กรี๊ดดดดด!!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม