หลังจากถูกเขม่นด้วยสายตาจากนางเอกชื่อดังแล้ว ผมก็มองนางเปลี่ยนไปไม่คิดจะญาติดีด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาคิดอะไรมากเพราะต้องออกไปเดินแบบแล้ว แขกของงานวันนี้มีแต่พวกคุณหญิงคุณนายและไฮโซทั้งนั้น แน่นอนว่าคุณนายวิมลต้องบังคับให้ลูกชายมาด้วย ไม่สิ! หากจะบอกว่าบังคับก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเขาเองก็คงอยากจะมาให้กำลังใจแฟนสาวด้วย
รอบแรกของการเดินแบบผ่านไปด้วยดี การเดินของวันนี้จะเดินเป็นคู่ชายหญิง คู่ของผมเป็นนางแบบอาชีพที่มีสกิลการเดินค่อนข้างดีมาก ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจที่มีคู่เดินซึ่งมีประสบการณ์มาก่อน พวกเราเข้ามาเปลี่ยนชุดอย่างเร่งรีบ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมด ชุดที่สองสำหรับงานในวันนี้เป็นชุดผ้าไหมที่ออกแบบตัดเย็บให้ดูทันสมัย ทุกครั้งที่ผมเข้ามาเปลี่ยนชุดซอนย่าก็ออกไปเดินบนเวที โชคดีที่เราไม่ได้เดินพร้อมกันมิเช่นนั้นคงเกิดซีนขัดแข้งขัดขาเหมือนในละครเป็นแน่
“อีกรอบเดียวก็เสร็จแล้ว เอาวะไอ้บิว”
กล่าวกับตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกกำลังใจแล้วปั้นหน้ายิ้มเพื่อจะเดินออกไปหน้าเวที หากทว่ามีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสียก่อน
“น้องบิวคะ”
คนที่เข้ามาทักคือผู้จัดงานวันนี้นั่นเองครับ
“ว่าไงครับพี่”
“รอบสุดท้ายน้องต้องมาเดินคู่กับน้องซอนย่านะคะ”
“อ้าว! ทำไมล่ะครับ”
“มันเป็นความต้องการของคุณซอนย่าค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ ใกล้จะถึงคิวแล้ว”
“ครับ ๆ”
แม้ไม่ชอบใจแต่ต้องยอมเพราะมันเป็นช่วงเวลาคับขัน ผมอยากให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ชุดก็ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งที่ใส่เรียบร้อยแล้ว ในระหว่างแต่งตัวนั้นซอนย่ามองมายังผมพร้อมยิ้มมุมปากเหมือนมีแผนร้ายในใจ ผมเองก็จ้องมองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เหมือนเป็นการประกาศสงครามย่อม ๆ
ในที่สุดเราก็เดินออกมาพร้อมกันในชุดฟินาเล่ เสียงปรบมือดังสนั่นทั่วทั้งฮอลล์เมื่อเราทั้งคู่ปรากฏตัวในชุดผ้าไหมดีไซน์งดงาม มีความอลังการกว่าทุกชุด เราต่างก็ยิ้มทำให้หน้าที่ให้ดีที่สุด หากทว่ากำลังจะถึงปลายรันเวย์ซอนย่ากลับเล่นสกปรกขัดขาผมจนล้มลงไม่เป็นท่า
เสียงฮือฮาดังขึ้นไปทั่วทั้งฮอลล์ หลายคนยืนขึ้นมองพร้อมถ่ายรูป บางคนถ่ายวิดีโอเอาไว้ ผมผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์อย่างนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องแก้สถานการณ์ยังไง ตั้งใจจะลุกขึ้นหากทว่ากลับรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า ซอนย่าทำทีจะช่วยพยุงขึ้นทว่าเธอกลับส่งเสียงเบา ๆ ให้เพียงผมได้ยินคนเดียว
“เจียมตัวซะบ้างก็ดี เธอมันก็แค่เด็กเศษสวะไร้ค่า” นางกล่าวในขณะที่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม ผมปัดมือเธอออกไปจะลุกขึ้นเองแต่มันเจ็บเหลือเกิน
ทันใดนั้นมีใครบางคนปีนรันเวย์ขึ้นมาช่วยผมให้ลุกขึ้นจนสำเร็จ จากนั้นก็พาผมเดินลงมาจากเวที ทิ้งให้ยัยซอนย่าเดินเฉิดฉายอยู่บนนั้นต่อไป ในที่สุดนางก็ทำสำเร็จ เขี่ยผมลงมาข้างล่างส่วนตัวเองได้โดดเด่นอยู่บนในนั้นชุดฟินาเล่เพียงคนเดียว
“ไหวไหมครับ”
“พอไหวครับ ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ พอดีว่าผมเป็นช่างภาพอยู่ตรงนั้นพอดี เลยช่วยได้ทันเวลา”
“ถ้าไม่มีคุณผมก็คงจะขายขี้หน้าไปมากกว่านี้แน่ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ไว้มีโอกาสผมขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหม”
“ยินดีครับ นี่นามบัตรผมนะครับ”
เขาคนนั้นยื่นนามบัตรให้กับผม รับมาแล้วก็เงยขึ้นมายิ้มให้
“ผมอั๋นนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ผมบิวครับ ยินดีเช่นกัน”
ในระหว่างกำลังยืนคุยกันคุณนายวิมลก็เดินเข้ามาพร้อมกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน สีหน้าของท่านดูตื่นตกใจมากเมื่อเห็นผมเกิดอุบัติเหตุบนเวที หากทว่าสีหน้าของคุณนาธานไม่ได้แยแสอะไรผมเลย แต่ก็แอบมีเหล่ตามองคุณอั๋นบ้างเล็กน้อย คล้ายกับอยากจะไล่ออกไปจากตรงนี้
“เป็นยังไงบ้างหนูบิว”
“เจ็บข้อเท้านิดหน่อยครับคุณแม่”
“ฉันขอโทษที่ให้หนูมาเดินแบบวันนี้ เลยต้องโดนยัยนั่นกลั่นแกล้งจนถึงขั้นเจ็บตัวอย่างนี้”
“ซอนย่าไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับคุณแม่” แหนะ! ยังมีหน้ามาแก้ต่างแทนยัยนั่นอีก ผมเกลียดขี้หน้าสองคนนี้เข้าไส้ซะเหลือเกิน
“เมียแกเจ็บขนาดนี้ยังจะมีหน้ามาแก้ต่างแทนแม่นั่น เป็นผัวประสาอะไรกันหา! รีบเข้าไปช่วยพยุงหนูบิวสิ”
“ผมกับบิวเรายังไม่ได้แต่งงานกันนะครับ เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดกันไปหรอก” คนอื่นที่ว่านั่นคือคุณอั๋น
“เข้าใจผิดยังไงในเมื่อนี่เมียแก อีกไม่นานก็จะได้แต่งงานกันอยู่ดี” เอ็ดให้ลูกชายแล้วหันไปเอ่ยกับคุณอั๋นต่อ “ขอบใจนะพ่อหนุ่มที่ช่วยเหลือลูกสะใภ้ฉันได้ทันเวลา”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ”
คุณอั๋นยกมือไหว้คุณนายวิมล หันมายิ้มให้ผมแล้วเดินไปจากตรงนั้น ผมยืนถือนามบัตรเอาไว้แน่นรอฟังว่าคุณนายวิมลจะเอายังไงต่อ เพราะตอนแรกบอกว่าจะพาผมไปแนะนำให้เพื่อนได้รู้จัก
“งั้นให้นาธานไปส่งที่บ้านก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะกลับพร้อมคนขับรถ”
“คือผมไม่ว่างครับคุณแม่ ให้คนขับรถไปส่งบิวก่อนแล้วค่อยกลับมารับคุณแม่ดีกว่าไหม”
“ไม่ได้! แกจะต้องไปส่งเมียแก ถ้าไม่ไปฉันจะถือว่าแกไม่ใช่ลูก แค่นี้ทำไม่ได้เชียวรึ”
สายตาของคุณนายวิมลน่ากลัวมาก มีหรือที่ลูกชายคนโปรดจะไม่ยอมรับปาก ผมยกมือไหว้ท่านแล้วเดินตามหลังคุณนาธานออกมาจากงาน ในระหว่างทางบังเอิญเจอกับซอนย่า สายตาที่เธอมองมายังผมคล้ายกับกำลังจะฆ่าจะแกงกันเสียอย่างนั้น ผมเองก็มองแรงใส่นางไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“นาธานจะไปไหนคะ เรามีนัดกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“พอดีว่าผมจะไปส่งบิวก่อนน่ะ คุณแม่บังคับให้ไปส่ง” สีหน้าของเขามีความอึดอัดไม่น้อยเมื่อเห็นสีหน้าของแฟนสาว คงกลัวว่าจะเข้าใจผิดล่ะสิท่า ทั้งที่รู้ว่าผมเป็นแค่ตัวหลอก
“วุ่นวายไม่เข้าเรื่อง เจ็บนิดเดียวทำเป็นสำออย”
“เพราะใครกันล่ะที่ทำผม ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีกเหรอ”
“แกกล้าต่อปากต่อคำกับฉันเหรอ”
“มากกว่านี้ก็กล้า!” ผมทนไม่ไหวกำหมัดจะชกหน้าผู้หญิงคนนั้น ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยฟิวส์ขาดขนาดนี้มาก่อน ยอมรับว่าโกรธมากจริง ๆ
“ว้าย! นาธานคะช่วยด้วย” นางเข้าไปยืนหลบด้านหลังคุณนาธานได้ทันเวลา ไม่งั้นคงโดนหมัดผมเข้าไปแล้ว ได้เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศก็วันนี้ล่ะ
เพี๊ยะ!
ในวินาทีนั้นเขาก็ฟาดมือมาที่แก้มของผมเต็มแรงจนหน้าหัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก หน้าชา ขอบตาร้อนผ่าวน้ำในตาจะไหลลงมาเต็มทีแล้ว ผมหันหน้ามามองแรงใส่เขาคนนั้นด้วยความรู้สึกน้อยใจ
“อย่ามาทำตัวนักเลงใส่คนของฉัน เธอมันก็แค่ลูกจ้าง”
“ครับ ผมมันก็แค่ลูกจ้าง คุณไปเถอะผมกลับเองได้” กล่าวจบน้ำตาก็หยดแหมะลงมา
ผมไม่สนใจสองคนนั้นเดินจากมาทั้งที่ยังเจ็บข้อเท้า เมื่อพ้นสายตาเขาแล้วก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหนักหน่วง อยากจะไปให้พ้นชีวิตผู้ชายคนนี้เร็ว ๆ ไม่รู้ว่าจะต้องทนอีกนานแค่ไหน ที่ทนอยู่เพราะเห็นแก่คุณนายวิมลและอนาคตของครอบครัวเท่านั้น