ช่วงเย็นผมรีบเข้าครัวเพื่อไม่ให้เสียเวลา เมนูวันนี้จะทำอาหารพื้น ๆ ที่เคยทำกินเมื่อตอนอยู่บ้าน คาดว่ารสชาติคงจะถูกปากท่านแน่นอน เพราะผมฝึกทำกับข้าวเป็นตั้งแต่เรียนชั้นประถม นั่นเพราะแม่เอาแต่เข้าบ่อนไม่มีเวลาได้อยู่บ้านสักเท่าไหร่ โชคดีที่ได้ยายข้างบ้านซึ่งเคยทำงานในรั้วในวังมาก่อนช่วยสอนให้
“ป้าแหวนครับขอผักกระเฉดหน่อย”
“ได้ค่ะคุณบิว”
“พี่ออยโขลกกระเทียมเสร็จหรือยังครับ”
“เสร็จแล้วค่ะคุณบิว”
“ขอบคุณครับ”
ภายในครัวตอนนี้เปรียบเหมือนสมรภูมิรบ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมดไม่ต่างจากกำลังแข่งขันทำอาหารในรายการดังอะไรเทือกนั้น หัวผมฟูไปหมด หน้ามันเลื่อมเพราะอยู่แต่หน้าเตา เหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่ไม่เคยท้อเพื่อเอาใจคุณนายวิมล
ในที่สุดทุกเมนูก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมนูวันนี้ได้แก่ แป๊ะซะปลาช่อนรสชาติกลมกล่อม น้ำพริกกะปิสูตรผีบอกกับผักลวกนานาชนิด จัดใส่จานไว้อย่างสวยงาม ผัดผักบุ้งจีน กุ้งทอดกระเทียมสูตรพิเศษ ส่วนของหวานก็เป็นบวชแตงไทยง่าย ๆ อร่อยถูกปากทุกเพศทุกวัย
ทุกคนช่วยกันนำอาหารมาจัดสำรับไว้บนโต๊ะทานข้าว เสร็จเรียบร้อยดีแล้วผมก็ถอดผ้ากันเปื้อนมายืนรออยู่ข้างโต๊ะเพื่อรอคุณนายวิมล ไม่นานท่านก็เดินตรงมา ผมยิ้มให้แล้วช่วยขยับเก้าอี้ เอาใจขนาดนี้หวังว่าจะมีคะแนนพิศวาสบ้างล่ะ
“เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ครับคุณแม่”
ท่านกวาดสายตามองไปทั้งโต๊ะก่อนเงยขึ้นมองหน้าผม “ไม่นั่งทานด้วยกันเหรอ”
“ผมขอแนะนำเมนูให้คุณแม่ก่อนได้ไหมครับ”
“เอาสิ”
“ผมเลือกเมนูพื้น ๆ เพราะอยากให้คุณแม่ได้ชิมฝีมือรสชาติบ้าน ๆ บ้าง แต่รับรองว่าอร่อยไม่แพ้ภัตตาคารแน่นอนครับ เมนูวันนี้มีผัดผักบุ้งไฟแดง น้ำพริกกะปิกับผักลวก กุ้งทอดกระเทียมสูตรพิเศษ แล้วก็แป๊ะซะปลาช่อนผักกระเฉด ผมออกไปรับซื้อปลาช่อนจากชาวบ้านที่เพิ่งหาได้จากในคลองธรรมชาติเลยนะครับ เชิญลองทานดูครับคุณแม่”
เมื่อผมสาธยายจนจบแล้วท่านก็ลองชิมแต่ละเมนู สีหน้ามิอาจบ่งบอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในหัว ผมได้แต่นั่งลุ้นว่าท่านจะชอบหรือไม่ ภาวนาขออย่าให้มีอะไรผิดพลาดเลย
“น้ำพริกกะปิใส่กุ้งหวานด้วยเหรอ”
“ใช่ครับคุณแม่ กุ้งหวานทำให้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น เวลาเคี้ยวมีเนื้อของกุ้งด้วย เพิ่มอรรถรสในการรับประทานด้วยครับ”
ท่านพยักหน้าแล้วหันไปสนใจชามแป๊ะซะปลาช่อนต่อ “ปลาช่อนทอดได้กรอบกำลังพอดี น้ำซุปก็รสชาติกลมกล่อม ผักกระเฉดไม่สุกจนเกินไปถือว่าดี”
คำชมแรกของวันนี้ทำให้ผมยิ้มได้ ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะเอ่ยปากชมโดยไม่ได้แสดงสีหน้าเรียบเฉยเหมือนก่อนแล้ว
“ขอบคุณครับคุณแม่”
“เธอเองก็ทานเถอะ จะได้คุยกันไปด้วย”
“ขอบคุณครับคุณแม่”
ผมเริ่มลงมือรับประทานอาหารไปพร้อมกับท่าน บทสนทนาส่วนมากจะเกี่ยวกับอาหารทั้งสิ้น ถามเคล็ดลับว่าทำอย่างไรถึงได้รสชาตินี้ ไปเรียนมาจากไหน ปกติแล้วไม่ค่อยมีคนทำอาหารถูกปากท่านสักเท่าไหร่นอกจากป้าแหวน
“ว่าแต่ตอนนี้ที่บ้านเธอเป็นยังไงบ้าง”
“คะ...คุณแม่หมายถึงที่บ้านผมเหรอครับ”
“ก็ใช่น่ะสิจะบ้านใคร เธอเป็นสะใภ้ฉันแล้ว ฉันก็ต้องรู้เกี่ยวกับภูมิหลังเธอทุกเรื่อง”
“เอ่อ...ที่บ้านผมมีแม่กับน้องชายอยู่กันสองคนแล้วก็แมวหนึ่งตัว น้องชายกำลังเรียนชั้นมอสี่ ส่วนแม่รับจ้างทั่วไปครับ”
“แน่ใจนะว่ารับจ้างทั่วไป”
“แน่ใจสิครับคุณแม่” คำถามของท่านทำให้ผมรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาทันที ถามราวกับว่ารู้จักแม่ผมเสียอย่างนั้น
“เมนูวันนี้อร่อยทุกอย่าง เธอทำกับข้าวเก่ง กรองมาลัยก็สวย กิริยามารยาทก็เรียบร้อยถูกใจฉันดี เสียอย่างเดียวเป็นแค่เด็กที่ถูกจ้างมาตบตาเท่านั้น”
ได้ยินอย่างนั้นช้อนที่อยู่ในมือก็ร่วงลงบนจานจนเกิดเสียง ผมเบิกตาด้วยความตกใจ มือไม้สั่นไปหมด ทำไมท่านถึงรู้เร็วนักทั้งที่ผมไม่ได้เผยพิรุธอะไรออกมาเลย ตอนนี้ใจเริ่มสั่นด้วยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง
“คือผมไม่ได้ถูกจ้างมานะครับคุณแม่”
“เธอคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงฉันจะแก่แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้จักนิสัยของลูกชายตัวเอง ฉันกับนาธานมีเรื่องไม่เข้าใจกันก่อนหน้านี้เธอรู้เรื่องไหม”
“ไม่ทราบครับ” ผมตอบเสียงอ่อยแทบไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะนั่ง เหนื่อยจากการทำอาหารมาแล้วยังมาเหนื่อยเพราะเรื่องนี้อีก อยากจะบ้าตายจริง ๆ เลย
“เธอไม่รู้เพราะเพิ่งจะมาเจอกับนาธานเมื่อไม่นาน แม่เธอติดการพนัน ติดหนี้ลูกชายฉัน นาธานเลยจ้างเธอมาเป็นเมียกำมะลอ เพื่อแลกหนี้ที่แม่เธอก่อไว้ ตัดรำคาญที่ฉันมักจะสั่งให้หาสะใภ้ที่เป็นผู้ชายเท่านั้น”
“เอ่อ...ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“ว่ามาสิ”
“ทำไมต้องเป็นสะใภ้ผู้ชายด้วยครับ คุณนาธานเล่าให้ฟังว่าคุณแม่เป็นสาววาย ชอบอ่านนิยายวาย และชอบดูซีรีส์วายมาก เป็นเพราะแบบนั้นใช่ไหมครับ”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วมันเป็นเพราะดวงชะตาของนาธานต่างหาก”
“ดวงชะตางั้นเหรอครับ ผมไม่เข้าใจ” ยิ่งพูดยิ่งงงกับตรรกะความคิดของท่าน นอกจากจะเป็นสาววายตัวยงแล้วยังเชื่อเรื่องดวงมากอีกด้วย หากผมเป็นคุณนาธานคงจะเหนื่อยมากแน่ ๆ
“ฉันตรวจดวงชะตาของนาธานแล้วพบว่าต้องมีเมียเป็นผู้ชายเท่านั้นถึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ หากวันใดที่มีลูกมีเมียกับผู้หญิงวันนั้นจะต้องพบกับเคราะห์กรรมครั้งใหญ่ในชีวิตถึงขั้นตาย”
“ผมว่า...บางทีเรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรเชื่อมากนะครับคุณแม่”
“แล้วฉันจะทำให้เธอเชื่อว่าสิ่งที่ฉันพูดมันคือเรื่องจริงทั้งหมด แต่ฉันคงไม่ปล่อยให้ถึงวันที่ตานาธานมีลูกกับผู้หญิงคนไหนหรอก คนที่จะเป็นแม่ของหลานฉันคือเธอคนเดียวเท่านั้น”
“ผมเหรอครับ! ไม่จริงมั้งครับคุณแม่” ผมยิ้มแหยเมื่อได้ยินอย่างนั้น ใครจะเชื่อกันล่ะครับ เรื่องแบบนี้เคยมีในโลกซะที่ไหน
“แล้วเธอจะได้พิสูจน์มันด้วยตัวเอง” รอยยิ้มมุมปากและสีหน้าอันมั่นอกมั่นใจทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ถึงจะไม่เชื่อเรื่องแบบนี้แต่บรรยากาศมันทำให้รู้สึกแปลก ๆ
“ในเมื่อคุณท่านรู้เรื่องแล้วทำไมถึงยังให้ผมอยู่ที่นี่ต่อครับ”
“ไม่ต้องเรียกฉันคุณท่านหรอกให้เรียกคุณแม่เหมือนเดิม เพราะละครเรื่องนี้ยังคงต้องดำเนินต่อไป ตอนนี้ฉันรู้จักเธอมากขึ้น และคิดว่าเธอน่าจะไว้ใจได้”
“หากคุณนาธานรู้เรื่องนี้เข้าผมตายแน่ ๆ เลยครับ ฮือ ๆ คุณแม่อย่าทำให้ผมอึดอัดใจไปมากกว่านี้เลยนะครับ คุณแม่ช่วยบอกกับคุณนาธานให้ปล่อยผมไปได้ไหมครับ”
ผมรีบลงจากเก้าอี้ เดินเข่าไปกราบแทบเท้าคุณนายวิมลเพื่อขอความเห็นใจ เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าท่านยังคงแสดงความเฉยเมยไม่ได้รู้สึกเห็นใจแต่อย่างใด ผมยิ่งรู้สึกใจแป้วเข้าไปใหญ่ จะมีโอกาสได้ออกจากบ้านหลังนี้ได้อย่างไร
“ในเมื่อลูกชายสุดที่รักของฉันมันเล่นสกปรก มาตบตาคนแก่อย่างฉันถึงขนาดนี้ ฉันก็จะเอาคืนให้สาสม ให้มันรู้ไปว่าลูกชายจะเก่งกว่าแม่ เธอและครอบครัวจะปลอดภัย ฉันไม่ให้ตานาธานทำอะไรพวกเธอแน่ แต่เธอต้องมาอยู่ข้างฉัน ทำงานให้ฉันจนกว่าจะเสร็จ”
“จริง ๆ นะครับ”
“ฉันไม่เคยผิดคำพูดกับใคร” กล่าวแล้วท่านก็เอียงหน้าไปมองกรอบรูปที่แขวนอยู่บนผนัง เป็นรูปครอบครัวที่เคยถ่ายไว้เมื่อหลายปีก่อน ดูจากในภาพน่าจะเป็นช่วงที่คุณนาธานเรียนอยู่ชั้นประถม “นาธานไม่มีทางได้แต่งงานกับแม่นางเอกนั่นเด็ดขาด ฉันไม่ชอบขี้หน้าผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ เพราะฉะนั้นฉันจะเล่นละครตบตาเช่นเดียวกัน ส่งเธอไปทำให้สองคนนั้นเลิกกันให้ได้”
“ผะ...ผมเหรอครับ ไม่มีทางหรอกครับคุณนาย คุณนาธานรักแฟนเขาจะตาย ไม่มีทางที่ผมจะทำให้เขาเลิกกันแน่ อีกอย่างเขาไม่ได้ชอบผู้ชายจะมาพิศวาสผมได้ยังไง”
“ถ้าเธอไม่ยอมทำฉันจะไม่ให้เธอได้ออกจากบ้านหลังนี้ตลอดชีวิต แต่ถ้าเธอยอมทำฉันจะส่งเงินให้แม่กับน้องเธอใช้ทุกเดือน ส่งเสียน้องเธอให้เรียนจนจบเท่าที่อยากจะเรียน เธอเองก็จะมีเงินใช้ไม่ขาดมือ มีอยู่มีกินสบาย ๆ ไปตลอดชีวิต”
ข้อเสนอนี้ทำให้ผมฉุกคิดไปครู่หนึ่ง เอ๊ะ! ทำไมข้อเสนอดีอย่างนี้นะ มีแต่ได้กับได้
“แล้วถ้าคุณนาธานรู้เรื่องละครับ”
“เธอก็อย่าทำให้รู้เรื่อง เล่นละครต่อไป เรียกฉันคุณแม่เหมือนเดิมไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ทำหน้าที่เมียตานาธานเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือต้องฟาดฟันกับแม่นางเอกนั่นบ่อยขึ้น”
“ตกลงครับ ผมจะทำ”
“ดีมาก หวังว่าฉันจะดูคนไม่ผิด หากทำสำเร็จฉันมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้แน่นอน”
“ขอบพระคุณครับคุณท่าน”
ได้ยินอย่างนั้นท่านก็ส่งสายตาดุมาให้ผม
“ขอบพระคุณครับคุณแม่”
“เย็นนี้หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้ว ขึ้นไปหาฉันที่ห้องพระด้วย”
“ครับคุณแม่”
ในที่สุดสถานการณ์อันคับขันก็ผ่านไปได้ด้วยดี สรุปว่าผมต้องกลายมาเป็นหมากให้สองแม่ลูกตอบโต้กันไปมาอย่างนั้นหรือ ค่าตัวมันจะคุ้มค่าเหนื่อยของผมไหมนะ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องสู้เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
เมื่อถึงเวลานัดหมายผมก็ออกมาจากห้องในสภาพชุดนอน ประแป้งจนขาวโพลนไปทั้งใบหน้า เดินตรงไปยังห้องพระตามคำสั่งของคุณนายวิมล เมื่อเปิดประตูเข้าไปผมก็ต้องตกใจจนสะดุ้ง เมื่อในนั้นไม่ใช่ห้องพระธรรมดาหากแต่เหมือนห้องทำคุณไสยของหมอผีในละครอะไรเทือกนั้น นอกจากโต๊ะหมู่บูชาแล้วยังมีของโบราณอีกมากมาย หัวกะโหลกของทั้งคนและสัตว์ มีเพียงแสงเทียนไขที่ให้ความสว่าง บรรยากาศวังเวงน่ากลัว คุณนายวิมลและป้าแหวนมาในชุดแม่ชีสีขาว เห็นแล้วผมต้องถอยหลังทีละก้าวอย่างช้า ๆ ด้วยความกลัว
“เอ่อ...ขอโทษครับ ตอนนี้คุณแม่กับป้าแหวนคงจะมีธุระกันอยู่ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“หยุด! เข้ามานั่งตรงนี้”
“ตรงนี้เลยเหรอครับ”
ทำยิ้มแหย ตาก็มองไปยังพื้นที่ซึ่งท่านกำลังชี้มา มันคือตรงกลางวงที่มีสายสิญจน์ล้อมรอบเอาไว้ ตัวผมสั่นไปหมด คิดในใจว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ บ้านนี้นับวันยิ่งน่ากลัว เคยเห็นในข่าวว่ามีคนนับถือลัทธิประหลาดอย่าบอกนะว่าคุณนายวิมลและป้าแหวนจะเป็นอย่างนั้นด้วย
คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างตัวน้อย ๆ ด้วยเถิด!
ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากวิบากกรรมครั้งนี้ด้วยเถิด!
สาธุ๊!!!!!!