เทาเย่ที่เพิ่งสร่างเมาก็รีบพาตัวเองกลับมายังเพ็นเฮ้าส์ทันที นี่เขามันบ้ามากเกินไปแล้ว เขาเกเรไม่ไปทำงาน แถมยังไปเมาหัวราน้ำข้ามวันข้ามคืน เพิ่งจะถ่อสังขารกลับห้องก็ตอนตี1ของอีกวัน เขาเอาแต่พร่ำเพ้อเสียใจถึงเรื่องที่หนูซันจะไม่แต่งงานด้วย แถมยังจะขอถอนหมั้น ถอดแหวนที่เขาเป็นคนบรรจงใส่ให้ตั้งแต่6ปีที่แล้วออกอีกต่างหาก
คนตัวสูงเปิดประตูเข้ามาในห้อง แสงไฟจากหน้าทีวีทำให้รู้ว่าหนูซันตัวน้อยของเขายังไม่หลับ ร่างเพรียวบางนั่งพิงโซฟาดูซีรี่ส์อย่างตั้งใจ กลุ่มเส้นผมสีเงินสว่างปลิวไหวตามแรงเครื่องปรับอากาศที่ถูกเปิดซะจนเย็นจัด อย่างกับคนตัวเล็กตั้งใจจะเปลี่ยนสภาพอากาศห้องนี้ให้กลายเป็นเมืองหนาวอย่างนั้นแหละ
“ทำไมหนูซันถึงทิ้งมันล่ะคะ” เทาเย่ถามขึ้น เมื่อเขามองดูรอบๆห้องแล้วเจอดอกทานตะวันชื่อใหญ่ถูกโยนทิ้งคว่ำดอกลงอยู่ในถังขยะ เขาเป็นคนสั่งให้พีทนำมาให้คนตัวเล็กเอง เนื่องในโอกาสครบรอบ6ปีที่หมั้นกันมา…
“เราไม่ชอบ”
“ทำไมล่ะคะ ปกติหนูซันชอบดอกทานตะวันที่สุดไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ได้หมายถึงไม่ชอบดอกทานตะวัน เราหมายถึงเราไม่ชอบที่เฮียเป็นคนซื้อให้ต่างหาก” เสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกตอบกลับมา พร้อมกับแสงไฟของหน้าจอทีวีดับลง ตามมาด้วยร่างสูงไม่ถึงอกที่ลุกขึ้นยืน และกำลังจะเดินเข้าห้องส่วนตัวของตัวเองไป
หนูซันพูดเสียงนิ่งใส่เขาไม่พอ น้องยังมึนตึงหันหลังให้เขาอีก ทำราวกับว่าใบหน้าของเขามันน่าเกลียด อัปลักษณ์ มีตา10ตา มีปากเป็นร้อยปาก มีรูจมูก12รู เป็นอสูรกายที่ไม่น่าเข้าใกล้อย่างนั้นแหละ!
ถ้าเขาไม่รั้งไว้หนูซันก็ไม่คิดจะหันหน้ามามองเขาเลยใช่ไหม…ทั้งๆที่เมื่อคืนเพิ่งบอกรักเขาเองแท้ๆ!
“ใจคอจะหันหลังให้เฮียตลอดใช่ไหมคะ คนที่เพิ่งสารภาพรักกับเฮียเมื่อคืนทำไมตอนนี้ถึงเมินเฮีย”
“เราก็บอกไปแล้วหนิ ว่าไม่เรารักเฮียอีกแล้ว ความรักตลอด6ปีที่ผ่านมาเราขอเก็บคืน”
หนูซันหยุดพูดแต่ก็ยังคงหันหลังให้คนพี่เช่นเดิม เทาเย่ไม่ชอบการถูกเมิน ไม่ชอบเป็นคนไม่มีตัวตน โดยเฉพาะในสายตาของหนูซันเขาต้องเป็นที่หนึ่ง ดวงตาสีอ่อนกลมโตดวงนี้ต้องมองแค่เพียง เทาเย่ ฉาง เท่านั้น
“แต่เฮียไม่ให้ หนูซันให้แล้วก็ให้เลยสิคะ”
“ไม่อะ เรารักเฮียแล้วเราเหนื่อย เราไม่อยากเหนื่อยแล้ว เฮียปล่อยเราไปเถอะ”
คนตัวสูงรั้งข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนที่หนูซันจะเดินหนีเข้าห้องไปจริงๆ พร้อมด้วยการใช้แรงที่มีมากกว่าดึงให้คนน้องหันมาเผชิญหน้า ทว่าคนน้องไม่มีทีท่าจะยอม หนูซันขัดขืนพยายามบิดข้อมือหนี จนข้อมือเล็กๆเกิดรอยแดงช้ำน่าสงสาร
เทาเย่หลุบตามองข้อมือที่ตัวเองจับอยู่ ก่อนจะยอมปล่อยเพราะไม่อยากให้คนบอบบางอย่างหนูซันต้องมีรอยช้ำให้ระคายตา แล้วเปลี่ยนมายืนดักหน้าแทน เอาสิ! เขายืนขวางอยู่แบบนี้หนูซันจะเดินเข้าห้องยังไง ไม่อยากหันมามองเขาไม่เป็นไร เขาเสนอหน้ามาให้มองเองก็ได้ว่ะ!
“เฮียว่าหนูซันคงเหนื่อย และก็คงเบื่อที่ต้องอยู่แต่เพ็นเฮ้าส์แคบๆแบบนี้”
“เราไม่ได้เบื่อที่นี่ เราเบื่อเฮียนั่นแหละ”
เฮ้อออ…คนตัวสูงถอนหายใจหนักเมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นเสยเส้นผมที่ถูกเซตข้ามวัน จนน้ำยาที่ฉีดไว้เสื่อมสภาพ เหลือแต่เพียงทรงผมยุ่งเหยิง แล้วกดสายตาจ้องมองคนตัวเล็กกว่าอก พร้อมด้วยนิ้วมือที่ยกขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก2เม็ดออก และเนคไทด์ที่ถูกถอดและโยนทิ้งออกไปไกลตัว
“เฮียให้หนูซันพูดใหม่ค่ะ”
“ฮะ…เฮีย..จะทำอะไร” ตอนนี้ซันรู้สึกว่าตัวเองโคตรจะเสียเปรียบเอามากๆเลย เขายืนอยู่ในพื้นที่แคบๆ ข้างหน้าก็คือเฮียเทาที่ทำท่าพร้อมจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าตลอดเวลา ขาข้างขวาก็ชิดโต๊ะกระจก ข้างซ้ายก็ชิดโซฟา ด้านหลังก็โซฟาอีกนั่นแหละ!
“เฮีย! ถอยออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เทาเย่ยังคงไล่ต้อนคนน้องไม่หยุด เขาไล่ต้อนมาจนหนูซันหมดทางหนีทีรอด ฟุบ! เสียงคนตัวน้อยเสียหลักนั่งลงบนโซฟา คนพี่เลยใช้โอกาสนี้ปิดทุกหนทางและทุกวิธีการเมินหน้าของคู่หมั้น ด้วยการใช้แขนกำยำกักขังร่างเพรียวไว้ในระยะประชันชิด ตาสบตา ลมหายใจเป่ารดกัน
“สบตาเฮียแล้วพูดใหม่อีกครั้งสิคะว่าเบื่ออะไร เพราะถ้าหนูซันเบื่อเฮียจริงๆ เฮียจะได้เปลี่ยนจากเบื่อมาเป็นความตื่นเต้นแทน”
“บะ…บ้าหรอเฮีย!” เทาเย่ไม่ตอบแถมยังทำหน้าตาย ยื่นใบหน้าหล่อจัดและลมหายใจร้อนระอุเข้าใกล้คนไร้ทางหนีมากขึ้นทุกที “ระ…เรา…”
หนูซันเริ่มอึกอัก เขามีคำพูดอยากจะพูดอยากจะไล่คนเจ้าชู้ตรงหน้ามากมาย แต่ทำไมไม่รู้มันพูดออกมาไม่ได้ เหมือนทุกคำพูดมันถูกลมหายใจหนักหน่วงตรงหน้าสะกดเอาไว้ ให้อยู่ได้แค่ภายในลำคอ ห้ามเสนอหน้าออกเสียงมาให้ระคายหู
ตึก!..ตึก!..ตึก! เสียงหัวใจดวงน้อยเต้นรัวกระหน่ำ ถึงจะไม่อยากรักคนตรงหน้าแล้วก็เถอะ แต่จะให้หักใจไม่ให้รู้สึกอะไรด้วยเลยตอนนี้มันก็หักดิบเกินไปไหมอะ ใจเขาก็ดวงเท่านี้เองนะ เฮียเทาจะมาเล่นอะไรกับใจเขาหนักหนาวะ!?
“หึ!” เทาเย่หลุบมองแผ่นอกบางที่มีเสียงเต้นของหัวใจดังลอดออกมา พลางกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ
“เฮียว่าหนูซันคงไม่น่าจะเบื่อเฮียแล้วแหละคะ ว่าไหม” คนถูกจับได้ว่าใจเต้นแรงรีบเบือนหน้าหนี ก่อนจะต้องรีบหันกลับมาจ้องหน้าคนพี่เขม็งกับคำพูดถัดมา “หนูซันอยากกลับไปพักที่บ้านบ้างไหมคะ เผื่อจะหายเบื่อได้บ้าง”
ผลั่ก!
ทันทีที่เทาเย่พูดจบอกกว้างก็ถูกผลักเต็มแรง แรงของหนูซันเมื่อครูมันมากพอจะทำให้เขารู้สึกปวดหนึบที่กลางอกได้ สายตาแข็งกระด้างที่หนูซันมองเขาในเวลานี้ ทำให้เขาต้องขยับตัวปลดปล่อยหนูซันให้เป็นอิสระอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ก็ดี เราอยากกลับบ้านเราเต็มทีแล้ว กลับตอนนี้ได้จะดีมากด้วย ถ้าไม่รบกวนเฮียเทามากเกินไป เฮียช่วยให้คนเตรียมรถไปส่งเราด้วยละกัน”
“เฮียสั่งให้คนขับรถไปพักแล้ว คืนนี้คงไปไม่ได้”
“ถ้างั้นเราจะขับรถไปเอง” คนตัวเล็กยืนกรานจะกลับคฤหาสน์กิตติกูลที่กลางเมืองให้ได้ ความดื้อดึงที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ทำเทาเย่ปวดหัวไม่น้อย
“หนูซันขับรถไปเองไม่ได้หนูก็รู้”
“เฮียอย่าท้าเรานะ เรากล้าขับนะ เมื่อก่อนเราไปไหนมาไหนเราก็ขับเองตลอด”
“แต่เมื่อก่อนไม่ใช่ตอนนี้ไงค่ะ” เทาเย่พูดเสียงเข้มเตือนสติคนเอาแต่ใจให้สงบอารมณ์ลง ก่อนที่จะปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง เมื่อมารู้ตัวว่าเขาดันปากเสียไปดุหนูซันเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องฝั่งใจและอ่อนไหวกับคนตัวเล็กแท้ๆ
ไอ้เทาเย่! ไอ้คนนิสัยแย่!
“เฮียไม่อยาก…ให้มันเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับหนูซันอีก”
หนูซันนิ่งเงียบอยู่หลายนาที ภาพอุบัติเหตุฝั่งใจเมื่อ3ปีก่อนผุดขึ้นมาซ้ำๆไม่หยุด นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาไม่สามารถขับรถเองได้อีกเลย ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาชอบขับรถเอง ไปรับ-ส่งอิ้งกับทีม ขับรถไปเที่ยวเองตามลำพัง แต่หลังจากวันนั้นประสาทดวงตาของเขาก็มีปัญหา ทุกครั้งที่เขาจับพวงมาลัยรถแสงวูบวาบมากมายเหมือนสะเก็ดอุกกาบาตก็พุ่งเข้ามาหา จนไม่สามารถลืมตาขับรถได้
ความเงียบของหนูซันมันเหมือนหินก้อนใหญ่ที่หล่นลงมาทับต่อมสำนึกผิดของคนปากเสีย เมื่อครู่ก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว แต่นี่หนูซันมาเงียบจนใจคอไม่ดีแบบนี้ เขายิ่งรู้สึกผิดคูณร้อยเท่า
เทาเย่กำลังจะเดินเข้าไปปลอบคนน้อง ทว่าหนูซันก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา ด้วยดวงตาสีแดงเรื่อเหมือนคนพร้อมจะร้องไห้ แล้วตอกหน้าเขาให้ล้มทั้งยืนด้วยประโยคสุดแทงใจดำ ก่อนจะผ่านเขาเข้าห้องนอนส่วนตัวไป
“เรื่องที่ไม่ดีที่สุดในชีวิตเรา ก็คือการที่ต้องมาหมั้นกับผู้ชายอย่างเฮียนี่แหละ”