บรรยากาศในบ้านวันนี้ดูครึกครื้นมากเป็นพิเศษ คุณป้าหทัยรัตน์ทำตามที่สัญญาไว้จริง ๆ นั่นคือไม่พูดเรื่องที่ฉันกับพี่ทองแอบคบหากันอยู่ แต่พอคุณป้าเริ่มแทนตัวเองว่าแม่บ่อยครั้งเข้า แม่ที่แท้จริงของฉันก็เริ่มจะนิ่วหน้า ทำท่าทางสงสัยขึ้นมาเหมือนกัน
รุ่งทิวา ดาราธนกุล อายุสี่สิบสามปีแล้ว แต่ยังคงความงามไว้ได้อย่างไร้ที่ติ แม่มีฉันตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็แยกทางกับพ่อตั้งแต่ฉันจำความไม่ได้ พอฉันอายุได้สิบสองปี แม่ก็พาไปงานศพของพ่อและบอกว่าพามาลาผู้ให้กำเนิดเป็นครั้งสุดท้าย
ญาติฝั่งพ่อทำหน้าสงสารฉันกับแม่มาก ตอนเด็กฉันไม่ค่อยรู้อะไร พอโตมาถึงรู้ว่าพ่อกับแม่ถูกคลุมถุงชน บังคับให้แต่งงานกันตั้งแต่ยังเล็ก และต่อให้มีลูกด้วยกันแล้ว ทั้งคู่ก็ยังไปกันไม่รอดอยู่ดี
นี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ฉันยอมช่วยพี่ทองให้ไม่ต้องถูกบังคับให้คบหากับน้องลูกตาลอะไรนั่น แต่ก็คงจะช่วยได้แค่ชั่วคราว เพราะฉันกับเขา วันหนึ่งก็ต้องเดินทางใครทางมัน
แต่ถ้าฉันเอาชนะใจพี่ทองได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางใครทางมันอีก
ฉันกับพี่ทองจะได้เดินเส้นทางเดียวกันไปจนแก่เฒ่า...
“ยิ้มอะไรเหรอดาว” แม่ถามฉันที่กำลังยิ้มค้าง วาดฝันว่าจะได้ครองคู่กับผู้ชายไร้หัวใจอย่างพี่ทอง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ ดาวแค่ดีใจที่จะได้ทำงาน อยู่บ้านเฉย ๆ เกือบตั้งสองเดือนแล้ว ดาวเบื่อน่ะค่ะ” ฉันยิ้มหวานเอาใจแม่ พร้อมกับขยับจานมะม่วงน้ำปลาหวานที่ตั้งใจปีนเก็บจนเกิดเรื่อง
“แต่เรื่องไปอยู่คอนโด แม่ไม่ค่อยเห็นด้วยเลยนะดาว เปลืองค่าเช่าเปล่า ๆ สู้หางานแถวบ้านไม่ดีกว่าเหรอดาว ป้ามาลีก็จะได้คอยอยู่ดูแลด้วย”
“โธ่ แม่คะ ช่วงนี้แม่ก็ยังต้องเดินทางบ่อย ๆ บางเสาร์อาทิตย์แม่ไม่ได้กลับบ้านด้วยซ้ำ ถ้าดาวได้อยู่คอนโดในเมือง ดาวก็จะได้เจอเพื่อน หายเหงาไปได้บ้าง ถ้าวันไหนแม่กลับมานอนบ้าน ดาวก็จะได้กลับมาหาแม่ยังไงล่ะคะ”
“ส่วนเรื่องคอนโดไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ ตาทองเขาซื้อไว้หลายที่ แล้วก็ไม่ได้ปล่อยให้ใครเช่า ให้หนูดาวไปอยู่ได้เลยจ้ะ”
“มันจะดีเหรอคะคุณพี่ ของพวกนี้มันมีค่าเสื่อมค่าอะไร รุ่งเกรงใจแทนลูกน่ะค่ะ”
“เกรงใจอะไรกัน คนกันเองทั้งนั้น เอาเป็นว่าสองแม่ลูกคุยกันต่อเถอะนะ ส่วนเรื่องคอนโด ฉันจะจัดการเอง” คุณป้าหทัยรัตน์ขอตัวกลับบ้านไปจัดการธุระที่ยังคั่งค้างอยู่ ถ้าให้ฉันเดาก็คงไม่พ้นเรื่องคอนโดนั่นแหละ
“แม่ขา วันนี้แม่พาดาวไปซื้อเสื้อผ้าได้ไหมคะ ดาวยังไม่มีชุดใส่ไปทำงานที่บริษัทของพี่ทองเลยค่ะ”
“ไม่มีชุดอะไรกัน แม่เห็นออกจะมีอยู่เต็มตู้”
“โธ่ คุณแม่ก็ ชุดพวกนั้นใส่ไปทำงานได้ที่ไหนล่ะคะ อย่างน้อยก็ใส่ไปทำงานที่บริษัทพี่ทองไม่ได้แน่ ๆ”
“ก็ใครใช้ให้ดาวเป็นสาวเปรี้ยวกันล่ะ แม่เห็นเสื้อผ้าแต่ละชุดแล้วหัวใจจะวายตาย” แม่ฉันก็บ่นไปอย่างนั้นเอง
หลายวันก่อนป้ามาลี ญาติห่าง ๆ ของครอบครัว ที่คอยทำหน้าที่กึ่งแม่บ้านได้วิ่งหน้าตาตื่นมาพร้อมกับเดรสตัวเล็กจิ๋ว ป้าขอโทษฉันหลายคำ พร่ำบอกว่าไม่ได้ทางใจทำให้เสื้อผ้าตัวนี้หด ป้ายืนยันว่าซักมือแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแดดหรือเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้มันพัง
แม่ฉันส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า เดรสสีแดงของฉันไม่ได้หด ตัวมันแค่นั้นจริง ๆ ทำเอาป้ามาลีถึงกับเอามือทาบอก บ่นพึมพำว่าหนูดาวโตเป็นสาวแล้วเปรี้ยวจนเข็ดฟัน
โชคดีที่แม่ฉันน่ารัก เข้าใจว่าฉันชอบหรือไม่ชอบอะไร จึงไม่ว่าที่ฉันเติบโตมาเป็นสาวเปรี้ยว ตราบใดที่ยังดูแลตัวเองให้ดีและไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย แม่ฉันจะไม่มีวันบ่นอะไรทั้งนั้น
“ดาวจะใส่เสื้อผ้าพวกนี้ไปทำงานจริงเหรอลูก” แม่มองเสื้อผ้าที่ฉันเลือกออกมาจากราวเกือบสิบชุด พลางเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
“จริงสิคะแม่ ดาวไม่อยากให้พี่ทองว่าได้น่ะค่ะ ว่าเด็กข้างบ้านแต่งตัวไม่เรียบร้อย ไหนจะเรื่องใช้เส้นไปทำงานอีก”
“อันนี้ก็พูดเว่อร์ไป ดาวเรียนจบเกรดดี กิจกรรมก็แน่น ต่อให้ไม่ได้งานที่บริษัทของพี่ทอง ที่อื่นก็มีถมเถ”
“แม่ก็ชอบอวยดาวเรื่อย ไม่กลัวลูกสาวเสียคนเหรอคะ”
ฉันหยอกแม่เล่น เราสองคนไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันก็จริง ทว่าก็สนิทกันมาก ๆ ช่วงที่ฉันเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ ไม่มีวันไหนที่เราสองคนจะไม่โทร. หากัน ปรึกษากันเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อย จนแทบจะพูดได้ว่าไม่มีความลับต่อกัน
“แล้วนายก้องเกียรติอะไรนั่นล่ะ”
“ไม่ได้ไปต่อแล้วละค่ะแม่” แม่ถามถึงแฟนเก่าที่เป็นรุ่นพี่คณะเดียวกัน
ก้องเกียรติ สีหสกุล คือรุ่นพี่ร่วมคณะ แต่อยู่ต่างสาขากัน ฉันคบกับพี่ก้องได้สามปีแล้ว รัก ๆ เลิก ๆ เพราะพี่ก้องเป็นคนเจ้าชู้ อ้างแต่ว่าผู้หญิงมาอ่อยเอง และเขาทำแค่เพียงคุยตามมารยาท ฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรมาก เพราะเวลาส่วนใหญ่ทุ่มเทให้กับการเรียน หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เรื่องแฟนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
พอพี่ก้องเรียนจบก็กลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ช่วยเหลือกิจการของครอบครัว ในระหว่างนั้นก็มีบินไปหาฉันบ้าง แต่บังเอิญไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวที่พี่ก้องอยากจะเจอ สาว ๆ อีกสามสี่คนนั่นก็เช่นกัน
พี่ก้องสลับรางเก่ง จนฉันเบื่อที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีก
“อือ เลิกก็ดี แม่ว่านายก้องนั่นไม่โอเค อยากจะฟันลูกสาวแม่ซะมากกว่า”
“โธ่ แม่ไม่ต้องพูดตรงขนาดนั้นก็ได้”
คุณรุ่งทิวาไม่ไม่ใช่คนอ้อมค้อม เลี้ยงฉันมาเหมือนเพื่อนมากกว่าลูกสาวเสียอีก
“ไม่รู้ล่ะ ว่าแต่ที่อยากไปทำงานกับพี่ทองเนี่ย เพราะยังตัดใจจากพี่เขาไม่ได้หรือเปล่า”
“แม่…” เรื่องนี้คือเรื่องเดียวที่ฉันไม่ได้บอกแม่ แอบรักพี่ข้างบ้านมันใกล้ตัวมากเกินไป
“ทำอะไรก็รู้จักระวังตัว ระวังหัวใจของตัวเองด้วย แล้วคราวนี้ถ้าอกหัก แม่ไม่อนุญาตให้หนีไปเรียนต่อไกล ๆ แล้วนะ บอกตรง ๆ เลยว่าแม่คิดถึง”
“แม่ไม่โกรธดาวเหรอคะ ที่ดาวไม่ได้บอกเรื่องพี่ทอง”
“ไม่โกรธหรอก แต่คราวนี้ถ้าจีบพี่ทองไม่ติด ดาวต้องตัดใจแล้วนะลูก” แม่จ่ายเงินค่าเสื้อผ้าให้ฉัน พร้อมกับอวยพรให้โชคดีกับหนทางที่เลือก
คุณรุ่งทิวาเข้มแข็งมาโดยตลอดและไม่เคยบังคับใจใคร นอกจากแนะแนวทางอยู่ห่าง ๆ ท่านเคยถูกบังคับให้แต่งกับคนที่ไม่ได้รักจึงสนับสนุนให้ลูกสาวได้ทำตามหัวใจของตัวเองเต็มที่ และฉันไม่ควรทำให้แม่ผิดหวัง
เพื่อแม่แล้ว นางสาวนับดาวจะไม่ยอมปล่อยให้พี่ทองหลุดมือโดยเด็ดขาด!