Chapter 5 ต้องได้

1381 คำ
Chapter 5 ต้องได้ ฉันอยู่ในชุดเดรสซึ่งเป็นแบบการแต่งตัวประจำวันของวันนี้ มันเป็นเดรสสีดำความยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย สัดส่วนรัดรูป ส่วนผมก็ปล่อยสยายโยที่ปลายดัดม้วนเป็นลอน ฉันมองตัวเองในกระจกบานใหญ่พลางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แต่ไม่นานก็ตัดสินใจที่จะเดินออกจากห้องและรีบไปทำหน้าที่ของตัวเองสักที “เธอมานี่หน่อยสิ” เสียงเรียกของลูกค้าจากทางฝั่งซ้ายทำให้ฉันชะงักฝีเท้า กระทั่งมั่นใจว่าเขาเรียกตัวฉันจริง ๆ ถึงได้เดินเข้าไปหา พร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างที่งานบริการควรทำ “ลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าค่ะ” ฉันโค้งศีรษะลงเล็กน้อยหลังจากพูดจบ เนื่องจากเสียงเพลงภายในผับค่อนข้างดังมาก นั่นจึงทำให้ฉันไม่ค่อยได้ยินเสียงของคนตรงหน้ามากนัก “อยู่นั่งเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” ไม่ว่าเปล่า มือหนาของลูกค้าคนนั้นยังจับรั้งที่ข้อศอกของฉัน กระทั่งเขาออกแรงดึง จนทำให้ฉันเซเข้าไปใกล้เล็กน้อย “เอ่อ...กะ...ก็ได้ค่ะ” ฉันหันมองโดยรอบก็ไม่พบใครที่ผ่านไปมา จึงตัดสินใจนั่งลงที่โซฟาตัวยาว เนื่องจากการทำหน้าที่เสิร์ฟนั้นสามารถนั่งดื่มกับลูกค้าได้ หากแต่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ทางร้านตั้งไว้ แต่ทว่า... หมับ! “อ๊ะ!” ฉันร้องขึ้นเมื่อถูกมือหนากอดรัดที่เอวของตัวเอง เขาขยับมาใกล้ จนใบหน้าแนบชิดที่ต้นแขน หลังจากนั้นริมฝีปากก็กดจูบที่หัวไหล่จนทำให้ฉันรีบผละตัวออกอย่างนึกรังเกียจ “ปล่อยนะคะ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!” “เอาน่า เดี๋ยวฉันเพิ่มเงินให้เป็นพิเศษ ยอมฉันหน่อยเถอะนะน้อง” อีกฝ่ายไม่สนใจแรงขัดขืน เขาจับมือของฉันออกและกำเอาไว้แน่น ก่อนที่ใบหน้าจะโน้มเข้ามาใกล้จนฉันต้องรีบผลักไสขยับตัวออกห่างแม้ว่าจะแทบไม่เป็นผลเลย “อื้อ ยะ...อย่านะคะ ปะ...ปล่อยฉัน!” “ฉันจะให้เธอสองเท่าถ้ายอมทำตัวน่ารักกับฉัน” “มะ...ไม่ ไม่นะ ปล่อย” เสียงของฉันสั่นเทาจนเอ่ยไม่ได้ศัพท์ ตอนนี้ทั้งหวาดกลัวและตกใจไปทั้งหมด พยายามกวาดมองหาให้คนช่วย แต่ก็ไม่มีใครที่เดินผ่านมาทางนี้เลย จนกระทั่ง... หมับ! ตุ้บ! “งดมีเพศสัมพันธ์ในร้าน!” เสียงเข้มทรงพลังตวาดกร้าวหลังจากที่เขากระชากและโยนร่างของลูกค้าคนนั้นลงกับพื้น ฉันรีบขยับตัวหนี เงยหน้าขึ้นมองคนที่เขามาช่วย กระทั่งพบว่าเป็นพายุที่ตอนนี้กำลังจ่อลำปืนสีดำขลับ โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของลูกค้าท่านอื่นเลยสักนิด “มึงเป็นใครวะ! มาเสือกทำไม!” “พายุ” เขาตอบนิ่ง ๆ ขณะที่สายตาก็กดมองด้วยความเย็นชาไร้ความรู้สึก “คิดว่ามึงใหญ่มากหรือไง!” “จะเอายังไง” “เจ้าของร้านอยู่ไหนวะ กูจะฟ้องให้หมด ร้านนี้แม่งทำร้ายลูกค้า!” “งั้นมึงก็ตายซะ!” พายุไม่ได้สนใจกับคำโวยวาย เขากดลืมปืนแนบไปกับหน้าผากของคู่กรณี ส่งผลให้คนที่นั่งอยู่บนพื้นสั่นระริกหวาดกลัวความตายขึ้นมา “ยะ...อย่า!” “ยะ...อย่า อย่าทำเขาเลยนะ” ฉันรีบวิ่งเข้าไปคว้าข้อมือของพายุเอาไว้ ร้องขออ้อนวอนเสียงสั่นเพื่อหวังให้เขาใจเย็นลง เขาหันมามองฉันด้วยสายตาดุ แต่ข้อมือยังไม่ลดระดับลง จนกระทั่งเขาเอ่ยเสียงราบเรียบกับคนบนพื้น “อย่าปากเก่งให้มาก เดี๋ยวตายไม่รู้ตัว” จบประโยค ข้อมือหนาก็คว้าหมับจับที่มือของฉัน ก่อนจะออกแรงลากดึงให้ฉันเดินตามไปโดยไม่พูดคำใดออกมา “อ๊ะ...เจ็บนะ” “อ่อยเก่งเหมือนกันนี่” คนตัวโตผลักฉันไปกระแทกกับกำแพงก่อนที่วาจาเหยียดหยามจะเอ่ยกระแทกหน้าที่ทำเอาฉันชาวาบไปทั้งหมด “อ่อยอะไร” ฉันถามทั้งที่ภายในใจเริ่มเดือดดาล “ถ้าฉันไม่มาขัด เธอคงเอากับมันไปแล้ว!” “ไอ้เลว!” เพียะ! “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันก็เป็นคน มีหัวจิตหัวใจเหมือนกัน อ๊ะ!” หมับ! “กล้ามากที่ตบหน้าฉัน!” มือหนาบีบรัดที่ข้อมือของฉันอย่างแรง เขาจับกระชากจนฉันเจ็บไปทั้งหมด หลังจากนั้นก็ออกแรงลากให้ฉันเดินไปยังห้องพักส่วนตัวตามด้วยริมฝีปากร้อนที่บดจูบลงมาจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด “อื้อ!” ฉันเบิกตากว้างพยายามยกมือขึ้นทุบตีและผลักไสออกให้พ้นทาง แต่ยิ่งต่อต้านมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกดริมฝีปากหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น “อื้อ อ่อยอ๊ะ(ปล่อยนะ!)” มือใหญ่ปล่อยให้ข้อมือของฉันเป็นอิสระก่อนที่เขาจะลากไล้วนเวียนมาตามผิวกายที่ไม่ได้มีเนื้อผ้าปกปิด กระทั่งเขาออกแรงบีบเคล้นจนรู้สึกเจ็บ ฉันถึงได้พยายามกรีดร้องออกมาอีกครั้งหวังให้เขาหยุดการกระทำบ้า ๆ นี้สักที “ชอบนักใช่ไหมให้คนอื่นเขามอง!” “พูดบ้าอะไร!” “รอยเก่ายังไม่ทันหายอยากได้รอยใหม่อีกแล้วเหรอ” สายตาคมกดมองมาตามผิวกายที่ยังคงมีรอยแดงจ้ำที่เขาฝากฝังเอาไว้เมื่อวันก่อน มันเริ่มจางหายไปบ้างแล้ว ทั้งยังมีเครื่องสำอางกลบปิดแต่ถ้าหากมองใกล้ ๆ ก็รู้อยู่ดีว่ามันคือรอยอะไร “อื้อ ปล่อยนะฮึก...” “ฉันไม่ชอบให้เธอเข้าใครผู้ชายหน้าไหน!” “อ๊ะ...เจ็บ ปล่อยนะฮึก ฉันเจ็บฮือ...” “เจ็บสิดี” เขาพรมจูบไปทั่วทั้งยังออกแรงดูดเม้มจนเกิดรอยแดงเด่นชัด กระทั่งมือลากไล้ไปตามชุดเดรส เขาถอดมันออกอย่างเชื่องช้า แต่ฉันกลับร้องขึ้น “หยุดเถอะได้โปรด...” “ฉันลดหนี้ให้เพื่อนเธอไปแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้อะไรตอบแทนเลยนะ เธอมาบอกให้ฉันหยุดแบบนี้มันเป็นการเอาเปรียบกันหรือเปล่า” พายุผละใบหน้าออกห่าง น้ำเสียงของเขาผ่อนเบาไม่ดุดันเหมือนเก่าจึงทำให้ฉันกล้าเอ่ยปากถาม “ก็คืนนั้น...” “อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าฉันทำมันลงไปแล้วจริง ๆ” “อ้าว ก็...” ปากที่กำลังเถียงเป็นต้องหยุดชะงักเมื่อหัวสมองประมวลถึงความเป็นจริง นั่นสินะ... ฉันตื่นมาเพราะปวดเมื่อยตามตัว แต่กลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดในส่วนนั้นเลยสักนิด “เธอนี่แม่ง...โคตรมึน!” จากอารมณ์ความต้องการที่พลุ่งพล่านแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ มือใหญ่ยกมือขึ้นยีเรือนผมนุ่มของฉันจนเกิดความตกใจ “นะ...นี่! ขำอะไร” ฉันขมวดคิ้วถามอย่างเอาคำตอบ ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขาหัวเราะกันทำไม “เธอแม่งโคตรจะมึนเลยว่ะ” “สรุปว่า...คืนนั้นนายไม่ได้ทำเหรอ” ความลำบากใจก่อเกิด แม้ว่าจะไม่อยากถามถึงแต่ฉันก็ควรได้รู้ความจริงว่าในคืนวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “ลืมจริงดิ?” “นี่! ฉันถามดี ๆ นะ ช่วยบอกความจริงได้ไหม” “ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอ ก็เพราะเธอสลบไปก่อนไงล่ะยัยโง่!” คำพูดตอกหน้าแต่กลับทำให้รอยยิ้มกว้างผลิบานออกมา มันก็เท่ากับว่าฉันยังไม่ได้เสียตัวให้กับเขาสินะ... “แต่จะทำวันนี้แหละ” หมับ! “อ๊ะ ปล่อยนะ ไอ้บ้า ฉันบอกให้ปล่อย” ตุ้บ! ร่างกายของฉันถึงโยนลงมาบนเตียงก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของคนตัวโตจะทาบทับตามมาอย่างรวดเร็ว แขนแกร่งกักกันล็อกตรึงเอาไว้ ไม่ว่าจะขยับหนีไปทางไหนก็ถูกเขาตามติดมาทุกเมื่อ “ฉันขอยืนยันคำเดิมว่าฉันจะไม่ให้อะไรใครฟรี ๆ ในเมื่อฉันลดหนี้ให้เพื่อนเธอแล้ว คราวนี้ฉันก็ต้องได้เอาเธอ!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม