รักนี้หัวใจติดปีก

1991 คำ
“มึง” ชายร่างสูงโน้มหลังเรียกเบา ๆ คนถูกเรียกเงยหน้ามาสบตา “ครับพี่ มีอะไรหรือเปล่า” บาริสต้าขานรับ “ผู้หญิงคนเมื่อกี้สั่งอะไรวะ” เขาทำท่าบุ้ยใบ้ประกอบคำถาม “อ๋อ! คนที่สวย ๆ คนเมื่อกี้เหรอ ฮอตลาเต้ไวท์ช็อก นอนท์เฟตมิลล์ สวีทเลสครับพี่” “ลาเต้ไวท์ช็อกร้อน นมพร่องมันเนย หวานน้อย” ชยันต์ทวนออเดอร์เน้นเสียงเข้มคำว่าพร่องอย่างมีนัยยะ ลูกน้องได้แต่เหยียดยิ้มเจื่อนพอเป็นพิธีรับมุขที่ไม่ค่อยขำจากลูกพี่ แป๊ก! “งั้นทำลาเต้อาร์ตรูปหัวใจมีปีกนะ เอาดวงใหญ่ ๆ สวย ๆ ห้ามเบี้ยว ถ้าเบี้ยวก็เททิ้ง ชงแก้วใหม่เลยทำจนกว่าจะสวยแต่พี่จะหักจากเงินเดือนเอ็งนะ เอาโฮลวีตคุกกี้แถมให้ด้วยสักสองชิ้นนะ เสร็จแล้ว...เดี๋ยวจะไปเสิร์ฟเอง” “อ้าว! งานเข้าซะงั้น กดดันนะพี่ ว่าแต่มาทำหัวจงหัวใจ คิดอะไรอยู่ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมาเฉียดเคาน์เตอร์หรอกนะปกติวานน้อง ๆ ชงนั่นชงนี่ให้ อ๋อลืมไปมี...วันนี้แรงจูงใจนี่หว่า” เหล่าพนักงานพร้อมใจแซวเป็นการใหญ่ แม้พยายามกลบเกลื่อนความขัดเขินที่กลบยังไงก็ไม่มิดเพราะใบหน้าแดงก่ำมันฟ้องได้เป็นอย่างดี “ไม่ใช่สักหน่อย คือ...ถ้าทำไม่...ดี เดี๋ยวลูกค้า...ไม่ประทับใจ เขาจะไม่กลับมาอีกไง” มีเหตุผลนะแต่มันไม่ใช่ประเด็น “ผมว่านะ พี่ทำเองเลยดีกว่า จริง ๆ ก็เคยฝึกทำมาไม่ใช่เหรอแถมทำสวยกว่าผมอีก” บาริสต้าเสนอแนะพลางหันไปกดเครื่องชงกาแฟ “เห้ย! จะดีเหรอไม่ได้ทำมานานแล้วนะ” “ดีสิพี่ ผมสตรีมนมให้แล้ว เทหัวใจลงไปเลย” ลูกน้องเอ่ยเน้นย้ำพลางยักคิ้วลิ่วตาให้ อันที่จริงแอร์ก็ไม่เย็นเท่าไหร่หรอกแต่มือนี่สิทำไมสั่นไม่หยุดเลย ไม่กี่นาทีต่อมาศิลปะบนถ้วยกาแฟก็เสร็จสมบูรณ์ไร้ที่ติจัดวางบนถาดไม้รองขนาดกะทัดรัดกับคุกกี้ธัญพืชสองชิ้น “ขอให้ได้ขอให้โดนนะลวกเพี้ย! อายุปูนนี้แล้ว ฮิ้ววววว” ยังอีก...คนยิ่งจะตื่นเต้นอยู่ด้วย สิ้นเสียงแซว ชยันต์ตั้งสติแล้วก้าวช้า ๆ ตรงไปหาหญิงสาวริมหน้าต่าง ปาราวตีก้มหน้าควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า จนไม่ทันสังเกตว่ามีคนนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟแล้ว “ฮอตลาเต้ไวท์ช็อก นอนท์เฟตมิลล์ สวีทเลสที่สั่งครับ!” “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” “สวัสดีครับ คุณอินฟินีตี้” ชยันต์เรียกชื่อเล่นเธออย่างชัดถ้อยชัดคำ เจ้าของชื่อละความสนใจจากกระเป๋าสี่มิติในมือ เชยเรียวหน้าสวยคมขึ้นมองคู่สนทนา เขาคนนั้นที่เจอเมื่ออาทิตย์ก่อน “อุ๊ย! สวัสดีค่ะ คุณแท็ป โอ้! ขอบคุณนะคะ” ปาราวตีรับถาดเครื่องดื่มวางบนโต๊ะ “วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ” “ใช่ค่ะ ตี้มาคนเดียวค่ะ” “งั้นถ้าไม่รังเกียจขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ” “อ๋อ..ได้เลยค่ะ” ชยันต์ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม หัวใจเต้นแรงแต่ร่างกายเบาหวิวอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ “คุณแท็ปคือ...” หญิงสาวเลิกคิ้ว ชี้นิ้วไปทางเคาน์เตอร์อย่างสงสัยใคร่รู้เพราะร้านคงไม่วานลูกค้าช่วยเสิร์ฟแทนพนักงานหรอก “อ๋อคือ...” เขายืดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ร้านเป็นกิจการของแท็ปกับพี่ชายเองครับ” “อุ๊ย! จริงเหรอคะ” ปาราวตียกมือป้องปาก “ร้านตกแต่งสวยนะคะ น่านั่งมากเลย บรรยากาศดีด้วยสิ” “อยากได้หนังสือเล่มไหนบอกได้เลยนะครับ เดี๋ยวช่วยดูให้” หากหนังสืออยู่บนหลังคาก็จะปีนไปหยิบให้ด้วยความเต็มใจเลย ปาราวตีม้วนปอยผมตัวเองเล่นด้วยปลายนิ้วไปพลาง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนขนตางอนยาวเบิกกว้างส่องประกายความตื่นเต้น รอยยิ้มหวานบนเรียวปาก ชยันต์ได้แต่มองคู่สนทนาสาวคุยจ้อด้วยเสียงหวานระลื่นหู เธอโบกไม้โบกมือประกอบคำพูด เล็บหลากสีสันวิบวับ สร้อยข้อมือลูกปัดหลายเส้นบนข้อมือและต่างหูขนนกยาว เข้าใจแล้วว่าคนสวยแต่งอะไรก็สวยมันเป็นเช่นไร เรียวหน้าสวยกับหน้าม้าเต่อครึ่งหน้าผากโค้งได้รูป อยากจะจุ๊บหน้าผากเธอสักล้านครั้ง เขาเม้มปากอมยิ้มพยายามเก็บอาการแม้ใบหน้าแดงระเรื่ออยู่ตลอดเวลาก็ตาม “ตี้ได้ที่นั่งเล่นใหม่แล้วสิคะ” หญิงสาวเก็บภาพถ้วยกาแฟก่อนยกขึ้นมาจิบ “เอ่อ...ครับ” “ลาเต้อาร์ตสวยดีนะคะ หัวใจมีปีกด้วย ตี้ไม่กล้าจิบเลย” ใครบางคนหัวใจหล่นลงแก้วไปแล้ว “อืม...ครับ ถ้าตี้ชอบ แท็ปก็โอเคนะครับ แล้วปกติชอบอ่านหนังสือแนวไหนเหรอครับ” “ตี้อ่านได้ทุกแนวค่ะ ที่ชอบมาก ๆ เลยคือแนวสืบสวน” “น่าสนใจดีครับ แท็ปเองในฐานะคนทำหนังสือ ได้ยินแล้วก็ดีใจแทนเจ้าของผลงานทุกคน” “เป็นนักเขียนเหรอคะ แล้วใช้นามปากกาว่าอะไรคะ” “เป็นบรรณาธิการครับอยู่เอกตรา” ชยันต์เกริ่นนำประเด็นได้เวลาแนะนำตัวสักที เป็นไปตามคาดปฏิกิริยาจากหนอนหนังสือสาวดูตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก “นวนิยายรักจากสำนักพิมพ์นี้เรตติ้งดีมาก ๆ เลยนะคะ ตี้เห็นมีคนรีวิวไว้เยอะแยะเลย มิน่าล่ะเพราะมีคุณแท็ปนี่เอง” “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” เขาหัวเราะกลบความขัดเขินเบา ๆ ถ้าลอยได้ป่านนี้บินทะลุหลังคาไปแล้ว “แล้วคุณตี้ทำงานที่ไหนเหรอครับ” “ตี้ทำโฮสเทลอยู่ที่ถนนพระอาทิตย์ค่ะ” “ธุรกิจที่พักน่าสนใจดีนะครับ ช่วงนี้การท่องเที่ยวบ้านเราบูมมากซะด้วยสิ แล้วมีช่องทางติดต่อมั้ยครับเผื่อแท็ปได้แนะนำเพื่อนบ้าง” นั่นไงตีเนียนได้ดีและปาราวตียื่นนามบัตรที่มีลวดลายสีสันฉูดฉาดให้ คำถามต่อมาที่ทุกคนอยากรู้และปาราวตีก็ตอบอย่างนับไม่ถ้วนจำนวนครั้งตั้งแต่เด็กจนป่านนี้ “ตี้เป็น...ลูกครึ่งอะไรเหรอครับ” “เสี้ยวไทยอังกฤษอินเดีย แต่จะบอกว่าเป็นอินเดียก็ไม่เชิงค่ะเพราะคุณย่าเป็นคนอังกฤษเกิดที่นิวเดลีเฉย ๆ ค่ะแต่ตี้ไม่วิ่งข้ามภูเขาแบบในหนังบอลลีวูดนะคะ” “อย่าวิ่งเลยครับ เดี๋ยววิ่งตามไม่ทัน” นั่นสิ ก็เกือบจะหากันไม่เจอแล้ว การพูดคุยเรื่องดำเนินไปด้วยดี ผ่านไปหลายชั่วโมงจนถึงเวลาบ่ายแก่ ๆ หญิงสาวต้องกลับไปเปลี่ยนเวรแผนกต้อนรับ ชยันต์เดินตามมาส่งเธอขึ้นรถ เขาไม่รอช้าที่จะทำในสิ่งที่พลาดไปเมื่อครั้งก่อน “แท็ปคุยกับตี้เป็นเพื่อนได้มั้ยครับ” แม้จะมีนามบัตรอยู่ในมือแล้ว ควรถามความสะดวกตามมารยาท “ยินดีค่ะ ไลน์ไอดีที่อยู่ข้างหลังค่ะ” “โอเคครับ! รถสวยจัง ขับดี ๆ นะครับ ไว้คุยกันครับ” ชยันต์พลิกด้านหลังนามบัตรใบนั้นก็พบไอดีไลน์ส่วนตัวที่เขียนด้วยลายมือ เขาส่งสติ๊กเกอร์ไลน์แสดงตัวไปให้เธอด้วยจิตใจพองโตครั้งแรกในรอบหลายปี คนอะไรชื่อเล่นยาวเท่าชื่อจริง แถมตัวก็หอม หอมจนอยากรู้เลยว่าใช้น้ำหอมของอะไร การพบกันรอบสองนับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ปาราวตีอมยิ้มเมื่อเห็นการทักทายจากอีกฝ่าย อันที่จริงเธอพอจะคาดการณ์ได้เบื้องต้นแล้วว่าร้านกาแฟดังกล่าวจะเป็นกิจการของชยันต์ตั้งแต่เขาจัดแจงยกกาแฟมาเสิร์ฟด้วยตัวเองและลาเต้อาร์ตสุดน่าทึ่งที่บอกเล่าเรื่องราวได้มากกว่าคำพูดเป็นไหน ๆ จึงเป็นที่มาของการหยอดมุขชื่นชมหัวใจติดปีก ตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่ประเด็นที่เขาและเธอต่างสนใจร่วมกัน หญิงสาวผู้หวงแหนความเป็นส่วนตัวยิ่งนัก เริ่มอยากทำความรู้จักผู้ชายที่ชื่อชยันต์ให้มากขึ้นแล้วสิ เย็นวันเดียวกันมินิคูเปอร์คันงามแล่นผ่านรั้วจอดนิ่งสนิทใต้หลังคาลานจอดรถ สุขสวัสดิ์ยืนคอยบุตรชายหน้าประตู “กำลังจะโทรหาเลย กินอะไรมาหรือยังล่ะ” “ยังเลย เย็นนี้จะไปกินอะไรล่ะ” คนถูกถามพอจะเดาได้ “จะไปหาอะไรกินข้างนอกหกโมงครึ่งออกจากบ้านนะ เดี๋ยวจะสาย” “สายเหรอ ป๊านัดอะไรกับใครไว้ด้วยเหรอ” “เปล๊า! คือ...จองไว้ ถ้าไปไม่ทันเวลาร้านจะยกเลิกคิวเรา ลูกค้าเขาเยอะไง” บิดาตอบเสียงสูง “เอาน่าไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนชุดซะนะ แต่งตัวดี ๆ ด้วย...ร้านมันหรูแต่งตัวให้เข้ากับร้านหน่อย” ชยันต์ต้องแต่งตัวให้ดูดีต้องไปให้ตรงเวลา เหล่าคนสูงวัยในบ้านพร้อมใจแต่งตัวโก้หรูดูดี อากงในเสื้อคอจีน ผ้าไหมสีแดง ปักลวดลายมังกรด้วยดิ้นสีทองดูโดดเด่นบนหน้าอก นอกจากจะมาตรฐานสูงแล้วยังรสนิยมดีเยี่ยมอีกต่างหาก สุขสวัสดิ์ขอหล่อแบบเรียบ ๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวผูกเนคไทสีแดง ส่วนคู่ชีวิตแต่งชุดกี่เพ้าสีแดงลายดอกโบตั๋นเข้ากันดีกับลิปสติกสีแดงและทรงผมที่ตีโป่งตั้งเป็นกระบังเหนือหน้าผาก ชยันต์ถูกสั่งให้สวมเสื้อเชิ้ตสีแดงด้วยเช่นกัน คุมโทนสีแดงทั้งบ้านขาดก็แต่ชวัลวิทย์และภรรยาเนื่องจากลูกชายตัวน้อยไม่ค่อยสบายจึงขอผ่าน ชยันต์บังคับพวงมาลัยเลี้ยวไปตามที่สุขสวัสดิ์คอยบอก ตลอดทางบรรยากาศในรถเงียบอึมครึมจนผิดสังเกต ไม่เกินครึ่งชั่วโมงทุกคนก็มาถึงภัตตาคารจีนเก่าแก่ชื่อดังย่านสีลม บรรยากาศเนื่องแน่นไปด้วยบรรดาอาม่า อาอี๊ อาโกที่พูดคุยส่งเสียงเอ็ดอึง ครอบครัวเอกสิทธิ์ธนาสี่คนนั่งล้อมโต๊ะกลมตัวใหญ่ ทว่ากลับเว้นที่นั่งฝั่งตรงข้ามไว้ทั้งแถบ สุขสวัสดิ์จัดแจงสั่งอาหารกับพนักงานเสิร์ฟ ครู่ต่อมาหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น หล่อนพนมมือทักทายทุกคนพอเป็นพิธีและทรุดนั่งลงข้างมารดาของเขา ชยันต์รู้สึกคุ้นหน้าหล่อนอยากบอกไม่ถูก “เอาล่ะ แท็ป” “ครับป๊า” “อากง ป๊า ม้าเข้าใจนะว่าแท็ปทำงานหนักเพื่อครอบครัว ยุคนี้สมัยนี้สำนักพิมพ์มันเยอะ การแข่งขันก็สูง ไม่เหมือนสมัยป๊าเลยเนอะ เห้อ...ป๊าเข้าใจว่ามันเหนื่อยนะ แท็ปกับท็อปต้องคิดเยอะ เวลาก็ไม่ค่อยจะมี ดังนั้นเรื่องอะไรที่ป๊าดูแลได้ ป๊าก็จะดูแลเต็มที่ พวกเราก็แก่ลงทุกวันนะ สังขารก็ร่วงโรยไปตามกาลเวลาแล้วก็...” “ป๊า! เข้าเรื่องเถอะ” สุขสวัสดิ์ลอยคอออกทะเลไปไกล บุตรชายต้องรีบตัดบทดึงเข้าประเด็นหลัก แต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบ คำตอบก็มาถึงจนได้ “สวัสดีค่ะอากงเล้ง คุณสุขสวัสดิ์ คุณมาลี...อ่อ คุณแท็ปใช่มั้ยคะ ขอโทษที่ให้รอนะคะ” เจ้าของเก้าอี้ว่างเบื้องหน้าประกอบไปด้วยพ่อ แม่และลูกสาว “น้องพลอย สวัสดีพี่แท็ปสิคะลูก” ชยันต์นึกออกทันทีว่าผู้หญิงที่นั่งข้างแม่ของเขาคือใคร เจ๊พรนภาแม่สื่อที่นำพาพี่สะใภ้มาพบเจอกับชวัลวิทย์ ชยันต์นั่งอ้าปากค้างเติ่งขณะมองหญิงสาวผู้ถูกเลือกตรงหน้า ไม่ใช่เพราะความงามจนเป็นที่ตื่นตะลึง หัวใจที่เพิ่งติดปีกโบยบินกำลังจะโดนสอยร่วงแล้ว ใครก็ได้...ช่วยด้วย ‘ไอ้แท็ปโดนแล้ว...นัดดูตัวนี่หว่า'
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม