ปาจรีย์ปัดมือเขาออก กำมือแน่นเดินผ่านหน้าชายหนุ่มไป “ผู้ชายบ้าอำนาจ หลงตัวเองไม่มีใครเกิน”
ชายหนุ่มคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้ และถามย้ำอีกครั้ง “ว่าอะไรนะ!”
“ปล่อยนะ...คุณจะทำอะไรฉันอีก” หญิงสาวสะบัดมือหมายจะให้หลุดจากพันธนาการ ทว่าเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น
“ก็จะพิสูจน์อย่างที่เธอท้าไง ฉันบ้าอำนาจไม่ใช่หรือ เธอจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้หลงตัวเอง และเธอก็จะต้องหลงลีลาของฉันจนหัวปักหัวปำเลยสาวน้อย” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มโน้มหน้าเข้าหา ใบหน้าหื่นขึ้นบาร์โค้ดของเขาทำให้อีกคนกลัว
“ฉันยังเจ็บ...” หญิงสาวบอกเสียงอ่อยลง สายตาคมกริบของเขาทำให้เธอไม่กล้าเรื่องมากต่อ
“ถ้าฉันตอบว่าไม่ เธอจะทำอะไรฉันได้” ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างเป็นต่อ
ปาจรีย์จ้องหน้าคนพูดราวกับจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ด้วยหัวใจอันปวดร้าว เขื่อนน้ำตาพังทลายลงให้กับความตัดสินใจอันผิดพลาดของตัวเอง เธอต้องสูญเสียสิ่งล้ำค่าเพื่อแลกกับสิ่งที่เธอคิดว่ามีค่ามากกว่าพรหมจารี หากแต่เธอกลับเจอคนไร้สัจจะไม่รักษาคำพูดอย่างเขา
เธอไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของผู้ชายตรงหน้า แต่น้ำตาของเธอตอกย้ำให้เห็นถึงความโง่ของตัวเธอเองที่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบโดยไม่คิดไตร่ตรองให้รอบคอบ
“ฉันไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองคนยืนด้วยสายตาปวดร้าว
“ใครใช้ให้คุณมายืนดูอยู่ตรงนี้ล่ะ ปล่อยฉันไปสักทีสิ” หญิงสาวตอบกลับ ริมฝีปากของเธอสั่นระริกพอๆ กับแววตาปวดร้าวที่มองมายังเขา
สายตาพร่าเลือนเพราะม่านน้ำตามองหน้าชายหนุ่มแน่วนิ่งราวกับต้องการซึมซับความใจดำของเขาให้ลึกสุดใจ ผู้ชายที่ได้พรหมจรรย์ของเธอไปกับข้อแลกเปลี่ยนที่เขากำลังตระบัดสัตย์ไม่รักษาคำพูด
“โอเคๆ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นบอกอย่างยอมแพ้
หญิงสาวยกหลังมือปาดรอยน้ำตา หันหน้ามามองชายหนุ่มอีกครั้งอย่างมีความหวัง ปาจรีย์เพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาอยู่ในชุดลำลองที่เรียบร้อย
ชายหนุ่มขยับออกจากโต๊ะทำงาน เดินตรงไปที่ประตูลิฟต์พร้อมกับกดรหัสห้าหกตัวก่อนที่ประตูบานเล็กจะเปิดออก
“ขอบคุณที่ยังรักษาคำพูด” เสียงแผ่วบอกขอบคุณ จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปในลิฟต์ แต่แล้วก็มีคนก้าวตามเข้ามาก่อนบานประตูจะปิดลง
“คุณตามมาทำไมอีก” หญิงสาวเงยหน้าถามทันที
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถาม นิ้วมือใหญ่กดลงบนแป้นบอกตำแหน่งความต้องการที่เขาจะไป ก่อนจะยืนนิ่งๆ
“คุณต้องการอะไรอีก” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำเหมือนไม่ได้ยินประโยคคำถามที่หลุดออกมาจากปากของเธอ แถมชั้นที่อีกฝ่ายกดก็ไม่ใช่ชั้นที่เธอต้องการจะไป
“ฉันหิว” ชายหนุ่มตอบกลับมาสั้นๆ พร้อมกับเสียงสัญญาณเตือน และประตูบานนั้นก็เปิดออก
ด้านหน้าเป็นห้องอาหารที่เธอเพิ่งมาเป็นครั้งแรก มันอยู่ถัดขึ้นมาจากห้องนอนของชายหนุ่มสองชั้น และแน่นอนว่าพื้นที่ส่วนนี้ยังอยู่ในน้ำ บรรยากาศรอบๆ เป็นห้องกระจกที่มีม่านน้ำกั้น และมีฝูงปลาแหวกว่ายอยู่รอบๆ เหมือนเช่นห้องนอนเมื่อครู่ แต่ก็เห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนถึงขนาดของพวกมัน
ห้องนอนของชายหนุ่มอยู่ในระดับน้ำทะเลที่ลึกพอสมควร เพราะฉะนั้นปลาที่แหวกว่ายอยู่ด้านนอกล้วนเป็นปลาใหญ่และดำรงชีวิตอยู่ในน้ำลึก
ในขณะที่ห้องอาหารอยู่บนผิวน้ำ จะมองเห็นปลาตัวเล็กและขนาดกลางที่แหวกว่าย หากแต่สีสันของพวกมันก็ชวนมองให้เพลิดเพลินไปอีกอย่าง สิ่งแวดล้อมที่อยู่ภายในเรือลำนี้ทำให้หญิงสาวรู้ว่าชายหนุ่มชื่นชอบทะเลไม่ต่างจากเกมกีฬา
หญิงสาวมัวแต่มองบรรยากาศโดยรอบ จนลืมมองสมาชิกที่อยู่ในห้องอาหารไปเสียสนิท หันกลับมาอีกทีเจนนิเฟอร์ก็ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับส่งสายตาเขียวปัดมาที่เธอ
“หล่อนเป็นใครไม่ทราบ ทำไมมาพร้อมกับโดนัลด์ได้” เจนนิเฟอร์จิกสายตาถามหญิงสาวอย่างเหยียดหยัน
เมื่อคืนเจนนิเฟอร์จำไม่ได้เพราะปาจรีย์แต่งหน้าและแต่งตัวในแบบที่แปลกไปจากที่เธอเคยเห็น แม้จะคุ้นหน้าอยู่บ้าง ถึงกระนั้นก็ยังนึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน
เจอคำถามแบบนี้คนถูกถามก็ตอบไม่ถูก คำตอบหลายร้อยวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ เธอต้องรีบใช้สมองกลั่นกรองว่าจะหลุดประโยคไหนออกมาตอบคนตรงหน้า เพื่อสร้างความพอใจให้กับแฟนสาวของเจ้านายให้มากที่สุด
“ปาจรีย์เป็นลูกน้องของผมเอง” เจ้าของเสียงเข้มตอบแทรกขึ้นมา
ยังไม่ทันที่ปาจรีย์จะอ้าปากตอบ คนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ชิงตอบออกมาเสียก่อน พลอยทำให้คนถูกถามลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่ไม่ต้องหาคำใดมาโกหกให้ยุ่งยาก
เจนนิเฟอร์ไม่เชื่อในสิ่งที่หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่ม เพราะเธอรู้ดีว่า โดนัลด์ เลิฟ เป็นถึงเจ้าพ่อแห่งความเจ้าชู้ ดวงตาของเธอจ้องมองสองคนสลับกันอย่างคาดคั้น จังหวะนั้นเองเฮเลนกับแมคก็มองเห็นสามคนเข้าพอดี จึงรีบเดินเข้ามาสมทบ
“ทำไมเจนนี่ไม่เห็นรู้มาก่อน แล้วแม่นี่ทำงานในตำแหน่งอะไรถึงมาอยู่บนเรือยอชต์ในวันที่เจ้านายหยุดพักผ่อนได้” เจนนิเฟอร์ไม่คลายความสงสัย
“ปาจรีย์เป็นผู้ช่วยของสตีเฟ่นเลขาฯ ของผม” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงนิ่ง
ปาจรีย์เผลออ้าปากหวอกับตำแหน่งใหม่ของเธอ แน่นอนว่าตำแหน่งที่ชายหนุ่มหลุดปากบอกออกมาคือตำแหน่งของแม่สาวขี้เกียจสันหลังยาวที่มัวแต่นั่งแต่งหน้าไม่สนใจงานคนนั้น
เจนนิเฟอร์จ้องหน้าปาจรีย์นิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิด หากแต่ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งมั่นใจว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่ผู้ช่วยสาวของสตีเฟ่นที่นั่งอยู่หน้าห้องทำงานของโดนัลด์แน่นอน
เจนนิเฟอร์ส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ใช่แน่นอน”
“เดียร์” เสียงของแมคทักมาแต่ไกลในขณะที่ตัวของเขายังเดินมาไม่ถึง เพราะรู้จักวีรกรรมและกิตติศัพท์ความหึงหวงของเจนนิเฟอร์เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าเมื่อเขาเห็นสายตาอำมหิตของเพื่อนที่กำลังมองแม่กวางน้อยอยู่ เขาก็มั่นใจได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดสงคราม นาทีนี้ต้องรีบดึงปาจรีย์ให้ออกห่าง
ปาจรีย์ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เพื่อนหนุ่มเข้ามาขัดจังหวะได้ทัน
มือของแมคเกี่ยวแขนของปาจรีย์แล้วดึงออกมาทันทีที่เขาก้าวมาถึง ประโยคเรียกขานกับมือที่เกี่ยวอยู่บนต้นแขนอย่างสนิทสนมทำให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ก่อนมองคนมาใหม่อย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะเดียร์” แมคถามขึ้นอีกครั้ง
“พอดีว่าคุณโดนัลด์ เลิฟ เป็นเจ้านายของฉัน เราเจอกันด้านนอกก็เลยหยุดทักทาย และเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกันน่ะ” ปาจรีย์หันกลับไปตอบเพื่อน คำพูดของเธอดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก ถ้ามีคนเห็นเธอก้าวออกมาจากลิฟต์ส่วนตัวพร้อมกับเจ้านาย ไม่ใช่เดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับเขาเหมือนอย่างที่บอกเมื่อครู่