“รอให้ชวนตั้งนานแล้วค่ะ” ปาลิตาตอบกลั้วหัวเราะ พลางลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง
เฟรดร์ดิโค้กลอกตาขึ้นอย่างเซ็งๆ จากนั้นก็เอ่ยห้ามเสียงทุ้มลึก
“ลิต้า! พี่ขอร้องอย่าไล่ลูกค้า อย่าชวนทะเลาะ ถ้าเจอข้อหาทำร้ายร่างกาย พี่จะไม่ไปประกันตัวแน่นอน”
“สัญญา...ไม่ก่อเรื่องแน่นอนค่ะ”
ปาลิตาหัวเราะคิก ไม่ได้นึกกลัวคำขู่ของพี่ชายสักนิด เพราะถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ หญิงสาวรู้ดีว่าคนที่จะไปถึงสถานีตำรวจเป็นคนแรกก่อนพ่อแม่เธอ ก็คือเฟรดร์ดิโค้คนที่ห้ามนักห้ามหนานั่นเอง
“สงสัยปีนี้ต้องไปทำบุญเสริมดวงกันยกใหญ่ เพราะดวงพี่ท่าจะแพ้รีน่ากับลิต้าในทุกๆ เรื่อง”
เฟรดร์ดิโค้บ่นอุบ ก่อนจะเดินตามสุภาพสตรีทั้งสามไปด้วย
อัลรีน่ากับปาลิตาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ขณะพากันเดินไปยังล็อบบีของโรงแรม แต่แล้วรอยยิ้มสดใสมีอันต้องจางหายไป กลายเป็นความหวาดหวั่นเข้ามาแทนที่ เท้าเล็กถอยกรูดโดยอัตโนมัติ เมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษหนุ่มที่เธอลืมไปแล้วนับตั้งแต่เดินทางมาถึงเมืองไทย
“เจ้าชายอีสดรีสส์ อัลดาลีฟ...”
อัลรีน่าครางอยู่ในลำคอ ใบหน้าถอดสี ดวงตาคู่สวยสีอ่อนใสเบิกกว้างด้วยความตกใน ขณะที่เท้าเล็กก็ถอยกรูดไปข้างหลังหลายก้าว จนชนกับเฟรดร์ดิโค้ที่รีบโอบเอวเธอไว้ทันที ชายเจ้าของโรงแรมหรูรีบประคองร่างบางที่เซมาปะทะอกกว้างของตนเองไว้ พอได้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือดก็เอ่ยถามเสียงร้อนรนด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับรีน่า”
“มะ...ไม่ค่ะ รีน่าไม่ได้เป็นอะไร”
หญิงสาวละล่ำละลักตอบ บีบต้นแขนแข็งแกร่งไว้แน่น แล้วดึงร่างกำยำให้เดินกลับไปทางเดิมด้วยเกรงว่าเจ้าชายอีสดรีสส์หรือเหล่าองครักษ์คนใดคนหนึ่งจะเห็นเธอเข้า
“พี่รีน่าเป็นอะไรคะ”
ปาลิตาเอ่ยถามอัลรีน่าอย่างเป็นห่วง พยายามกวาดสายตาทั่วล็อบบีโรงแรมเพื่อมองหาต้นเหตุที่ทำให้ว่าที่พี่สะใภ้หวาดกลัวจนต้องถอยกรูดไม่เป็นท่า พอดวงตาคู่สวยปะทะกับบุรุษหนุ่มหล่อเหลาที่ตนเองบังคับหัวใจให้เกลียดทุกครั้งที่ได้เห็น หัวใจดวงน้อยก็มีอันต้องกระตุกวาบด้วยความตื่นเต้น
‘ทำไมอีตาเจ้าชายจอมเจ้าชู้ถึงมาโผล่ที่เมืองไทยได้’
หญิงสาวเอ่ยแขวะเจ้าชายหนุ่มที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยอยู่ในใจ
อัลรีน่ายิ้มเจื่อนๆ ให้ปาลิตา แล้วรีบเดินมาหลบอยู่ข้างหลังเฟรดร์ดิโค้ ใช้เรือนกายใหญ่โตบดบังตัวเธอจากสายตาของชาวดาลิยา ที่เธอมั่นใจว่าพวกเขาเดินทางมาที่เมืองไทยด้วยวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้นคือพาเธอกลับไปเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอีสดรีสส์
“เอ่อ...พี่ปวดหัวนิดหนึ่ง รบกวนน้องลิต้าไปต้อนรับลูกค้าแทนพี่จะได้ไหมคะ”
แม้รู้ว่าเป็นการโกหกที่ไม่เนียบเนียน ฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจู่ๆ ก็เกิดไม่สบายอย่างกะทันหัน แต่อัลรีน่าก็จำเป็นต้องทำ เพราะหากให้ไปต้อนรับเจ้าชายอีสดรีสส์ เธอก็คงไม่ต่างจากนกน้อยที่กำลังจะถูกจับขังอยู่ในกรงทอง
ปาลิตามองตามสายตาของว่าที่พี่สะใภ้ เมื่อจับสังเกตได้ว่าดวงตาสีอ่อนใสจ้องมองอยู่ที่เจ้าชายอีส
ดรีสส์แต่เพียงผู้เดียวก็พยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายๆ
“เดี๋ยวลิต้าต้อนรับขับสู้ดูแลลูกค้าท่านนี้เอง พี่รีน่าไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
ปาลิตาอาสาอย่างขันแข็ง จากนั้นก็ก้าวเท้าฉับๆ เดินตรงไปหาเจ้าชายจอมเจ้าชู้ พร้อมกับเอ่ยพึมพำคาดเดาเหตุการณ์ที่ทำให้ว่าที่พี่สะใภ้มีอาการหวาดหวั่นเมื่อได้เห็นเจ้าชายนักรัก
“พี่รีน่าต้องเคยถูกทาบทามให้ไปเป็นนางในฮาเร็มแน่ ถึงได้แสดงอาการหวาดกลัวเจ้าชายอีส
ดรีสส์อย่างมาก”
คำเล่าลือถึงกิตติมศักดิ์ในเรื่องรักของเจ้าชายหนุ่มที่ดังกระฉ่อนทั่วทั้งรัฐมิชิแกน ทำให้ปาลิตาเชื่อว่าอัลรีน่าคงถูกเจ้าชายอีสดรีสส์ ซึ่งมีอำนาจล้นมือบังคับขู่เข็ญให้ไปเป็นทาสรักของพระองค์อย่างแน่นอน
++++++++
“คุณอัลรีน่าพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
อามิลกระซิบบอกเจ้าเหนือหัว เมื่อเห็นหญิงสาวงดงามนัยน์ตาสีอ่อนใส แม้อีกฝ่ายจะสวมชุดไทยดูสวยแปลกตา แต่เขาก็จำได้ดีว่าหญิงสาวผู้นั้นคือคู่หมั้นของเจ้าชายอีสดรีสส์
“เราเห็นแล้วอามิล”
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงตรัสพระสุรเสียงราบเรียบ ทว่าในพระทัยกลับเดือดพล่านด้วยความโกรธเคือง ดวงเนตรคมกริบดุจพญาอินทรีจ้องมองแน่นิ่งไปยังคู่หมั้นสาวที่บังอาจทำให้พระองค์เสียพระพักตร์ ด้วยการหลบหนีพิธีอภิเษกที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ วันนี้
“ให้กระหม่อมกับองครักษ์ไปรับตัวคุณอัลรีน่ามาเลยไหมพ่ะย่ะค่ะ”
แม้เจ้าชายอีสดรีสส์จะไม่แสดงพระอาการให้ผู้อื่นได้เห็น แต่ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งองครักษ์เอกที่คอยถวายการอารักขาเจ้าชายอย่างใกล้ชิดก็รู้ดีว่าภายใต้พระพักตร์ที่เรียบเฉย ดวงเนตรที่สงบนิ่งดุจทะเลไร้คลื่นนั้นเต็มไปด้วยความโกรธกริ้ว
“อย่าเพิ่งอามิล เอาไว้ให้คุยเรื่องธุรกิจเสร็จก่อน แล้วค่อยมาจัดการกับอัลรีน่าทีหลังก็ได้ ระหว่างนี้เจ้าก็ไปหาข้อมูลไอ้หน้าจืดที่อัลรีน่าใช้เป็นโล่กำบังว่ามันเป็นใครมาจากไหน”
ขณะตรัสสั่งองครักษ์เอก เจ้าชายอีสดรีสส์ก็เก็บรายละเอียดของบุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าไว้ในบัญชีรายชื่ออันดับต้นๆ ที่พระองค์ต้องเล่นงานกลับคืนให้สาสม ที่บังอาจฉกคู่หมั้นสาวของพระองค์มาซุกซ่อนเอาไว้
“อัลรีน่าเลี่ยงที่จะเข้าพิธีอภิเษกด้วยการหนีไปจากดาลิยาแล้ว”
เจ้าชายอีสดรีสส์กัดพระทนต์กรอด กำพระหัตถ์แน่น ขณะนึกถึงพระดำรัสของพระบิดาในวันที่เสด็จกลับมาถึงแผ่นดินเกิด พระองค์จะสั่งสอนให้อัลรีน่ารู้ว่า คาสโนว่าอย่างพระองค์จะต้องเป็นฝ่ายทิ้งผู้หญิง ไม่ใช่ถูกทิ้งเช่นนี้!
อามิลหันไปมองยังตำแหน่งเดิมที่ได้เห็นอัลรีน่า ซึ่งตอนนี้ปราศจากร่างบอบบางกับชายหนุ่มชะตาขาดคนดังกล่าวแล้ว
“กระหม่อมจะจัดการให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายหนุ่มพยักพระพักตร์รับ คาดว่าไม่เกินเย็นวันนี้ก็จะได้รับคำตอบจากองครักษ์เอกที่ทำงานได้ดีเยี่ยมพอๆ กับความฉลาดเก่งกาจในเรื่องการอารักขาความปลอดภัย
“เจ้าไปดูสิว่าบาชิตจัดการเรื่องห้องพักได้หรือยัง”
ตรัสสั่งองครักษ์เรียบร้อยแล้ว เจ้าชายอีสดรีสส์ก็ทรุดวรกายประทับนั่งบนโซฟายี่ห้อดัง จากนั้นก็หยิบหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์มาอ่านเพื่อเป็นการฆ่าเวลา พร้อมกันนั้นก็ได้พึมพำต่อว่าสถานที่ซึ่งพระองค์ได้เข้ามาพักอาศัยชั่วคราวเป็นภาษาอังกฤษอย่างจงใจให้ลูกค้าคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ในบริเวณเดียวกันได้ยินด้วย
“โรงแรมห่วย บริการลูกค้าไม่ได้เรื่องแบบนี้ไม่สมควรได้เลยสักดาว”
องครักษ์อามิลไม่ทันได้ไปหาคำตอบตรงประชาสัมพันธ์ เพราะมัวแต่จ้องมองสาวน้อยน่ารักที่กำลังก้าวเดินมาหาเจ้าเหนือหัวของตนเองอย่างเพลิดเพลิน แต่พอได้ยินประโยคสวนกลับที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากได้รูปสวยก็ถึงกับหัวเราะไม่ออก ไม่นึกว่าจะมีสาวๆ คนไหนกล้ามาต่อกรกับเจ้าชายอีสดรีสส์
“ขอโทษเพคะ ที่พูดถึงเมื่อสักครู่หมายถึงเดอะ คิง ออฟ คอรันดัม ที่เจ้าชายประทับอยู่ หรือว่าหมายถึงโรงแรมจิ้งหรีดที่เคยไปประทับมาเพคะ”
ปาลิตาหน้าตึงยืนเท้าสะเอวตอกกลับเจ้าชายนักรักที่เธอเกลียดนักหนาโดยไม่หวั่นเกรงเหล่าองครักษ์ที่เข้ามาอารักขาเจ้าเหนือหัวของพวกเขา หญิงสาวไม่สนใจป้าสมศรีที่หน้าซีดเผือดพยายามสะกิดแล้วสะกิดอีกเป็นการเตือนเธอ และที่สำคัญเธอไม่หวาดกลัวคนที่ถูกต่อว่า ซึ่งได้วางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
“อ้อ! เจ้าของโรงแรมกระจอกๆ เผยตัวให้เห็นแล้ว”
เจ้าชายอีสดรีสส์แย้มพระสรวลเยาะๆ ตรงมุมโอษฐ์ ก่อนจะทรงย้อนกลับเสียงเย็นๆ พอให้รู้สึกแสบๆ คันๆ จากนั้นก็กวาดสายพระเนตรคมกริบสำรวจสาวน้อยน่ารักทว่าปากจัดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า