“วันพรุ่งนี้แล้วกันอามิล นัดผู้ที่เกี่ยวข้องมาเจรจาธุรกิจตั้งแต่ไก่โห่ไปเลย”
เจ้าชายอีสดรีสส์กำหนดวันเวลาให้ตามที่องครักษ์อามิลต้องการ จากนั้นก็หันไปชื่นชมทัศนียภาพนอกตัวรถต่อ ก่อนจะตรัสออกมาโดยไม่ได้หันมามองคู่สนทนา
“ก็ดีเหมือนกันอามิล รีบๆ คุยธุรกิจให้เสร็จ เราจะได้เล่นเกมแมวไล่จับหนูได้อย่างเต็มที่”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
อามิลรับคำไม่เต็มเสียงนัก พร้อมกับตีหน้ามุ่ยไม่ค่อยเห็นดีด้วยสักเท่าไร เพราะเห็นชัดเจนแล้วว่าเจ้าชายอีสดรีสส์ทรงเห็นเรื่องการเจรจาธุรกิจเป็นเพียงเรื่องเล่นๆ แต่การแก้แค้นอัลรีน่าที่ทำให้พระองค์ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าชายนักรัก เปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้า ต้องมาอับอายคนทั่วทั้งประเทศ เป็นเรื่องใหญ่ที่พระองค์ทรงต้องการทำมากที่สุดในเวลานี้
รถเบนซ์สีขาวสะอาดสองคันได้ตีวงมาจอดหน้าโรงแรมอย่างนุ่มนวล ด้วยฝีมือการขับของสารถีผู้มีประสบการณ์นับสิบๆ ปี พนักงานรับรถซึ่งรออยู่แล้ว ต่างก็รีบวิ่งไปเปิดประตูรถให้กับบุรุษชาติผู้ทรงอำนาจ จากนั้นก็ยกมือไหว้แขกที่ให้ความเมตตามาพักที่ เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม อย่างนอบน้อมไม่มีเคอะเขิน
“เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม”
เจ้าชายอีสดรีสส์อ่านป้ายชื่อของโรงแรมที่ทำอย่างสวยงามหรูหราด้วยตัวหนังสือสีทอง ทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พลางหันไปเลิกพระขนงตรัสถามองครักษ์เอก
“เจ้าจะให้เราพักที่นี่งั้นหรืออามิล”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม เป็นโรงแรมเกินห้าเดียวแห่งเดียวในประเทศไทย เวลามาเมืองไทยกระหม่อมก็เลือกพักที่นี่ เรื่องความสะอาด ความปลอดภัย อาหาร หรือสถานบันเทิงต่างๆ ไม่ต้องเป็นห่วง โรงแรมแห่งนี้มีไว้บริการอย่างครบครันพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์อามิลเลือกโรงแรมเดอะ คิง ออฟ คอรันดัม เป็นสถานที่ประทับของเจ้าชายอีสดรีสส์ ด้วยเหตุผลที่เขาพิจารณาแล้วเห็นว่า โรงแรมแห่งนี้ผ่านเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้คือเรื่องความปลอดภัย เพราะมีมหาเศรษฐีหรือบรรดาท่านชีค เจ้าชายจากหลายประเทศเลือกพักในโรงแรมหรูแห่งนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของจึงมีการติดตั้งระบบการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก
เจ้าชายอีสดรีสส์พยักพระพักตร์รับ ก่อนจะตรัสสั่งพระสุรเสียงราบเรียบ “จัดการเรื่องห้องพักเร็วๆ แล้วกัน เราอยากพักเต็มทีแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
อามิลโค้งคำนับรับคำ กำลังจะเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ก็มีพนักงานต้อนรับวัยค่อนคน และพนักงานสาวอีกสองคน ซึ่งถือถาดเงินมันวับมีดอกกล้วยไม้ที่จัดเป็นช่อเล็กๆ วางไว้บนถาด ได้เดินเร็วๆ เข้ามาพร้อมกับยกไหว้พวกเขาเสียก่อน
“เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม ยินดีต้อนรับค่ะ ขออนุญาตติดดอกกล้วยไม้นะคะ”
หัวหน้าพนักงานหรือที่พนักงานทุกคนต่างก็เรียกว่าป้าสมศรีแย้มยิ้มหวาน ยกมือไหว้แขกทั้งสี่คนด้วยกิริยานอบน้อม จากนั้นก็รับช่อดอกกล้วยไม้ช่อเล็กมาจากลูกน้อง แต่พอจะเอื้อมไปติดให้กับบุรุษชาติอาหรับคนแรกที่ยืนเด่นอยู่ข้างหน้าสุดก็มีอันต้องสะดุ้งเฮือก ปล่อยให้ช่อดอกกล้วยไม้หล่นจากมือ เมื่อถูกตวาดดังลั่น
“ไม่ต้อง! ถอยออกไป!”
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงตวาดพระสุรเสียงลอดไรพระทนต์ ดวงเนตรดำขลับขึงมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอพระทัย
“เอ่อ...ค่ะ...ค่ะ...ดิฉันขอโทษค่ะ”
ป้าสมศรีตัวสั่นตกใจด้วยความหวาดกลัว เกิดมาไม่เคยเจอใครหน้าดุ แถมยังจ้องมองเขม็งราวกับจะฆ่านางให้ตายด้วยสายตาคมกริบ
“จะ...จะ...รับห้องพักกี่ห้องดีคะ”
จากที่เคยเป็นคนพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเร็วปรือไม่ต่างจากเจ้าของภาษา ป้าสมศรีได้กลายเป็นคนติดอ่างขึ้นมาทันที คำพูดที่จะสนทนาโต้ตอบกับบุรุษชาติอาหรับถูกกลืนหายไปในลำคอหมด
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงจ้องหน้าพนักงานต้อนรับเขม็ง ก่อนจะตรัสต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้าใคร
“นี่หรือพนักงานต้อนรับของโรงแรมเกินห้าดาว พูดภาษาอังกฤษแบบติดอ่างฟังแทบไม่รู้เรื่อง มีใครที่พูดได้คล่องกว่าเจ้าไหม หรือถ้าไม่มีก็ไปตามเจ้าของโรงแรมมาคุยกับเราซะ”
อามิลและองครักษ์อีกสองนายต่างก็นึกสยอง หากได้ตรัสเป็นชุดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าเหนือหัวหนุ่มเริ่มจะอารมณ์เสียขึ้นมาบ้างแล้ว ซึ่งเขารู้ว่าสิ่งที่ทำให้เจ้าชายอีสดรีสส์ไม่พอพระทัยเอามาก คือการที่พนักงานต้อนรับทำท่าจะติดช่อดอกกล้วยไม้ให้กับพระองค์ เจ้าชายหนุ่มไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาแตะต้องพระวรกาย และที่สำคัญพระองค์ทรงแพ้เกสรดอกไม้ทุกชนิด
ป้าสมศรียกมือไหว้ พร้อมกันนั้นก็ได้เอ่ยขอโทษเสียงสั่น “ดิฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่กระทำการไม่สมควร เดี๋ยวดิฉันจะไปตามพนักงานคนอื่นมาให้การต้อนรับค่ะ”
ไม่ต้องรอให้เจ้าของสายตาคมกริบตะคอกสั่งเป็นครั้งที่สอง พอยกมือไหว้และเอ่ยขอโทษเรียบร้อยแล้ว ป้าสมศรีก็พยักหน้าให้พนักงานอีกสองคนที่ตกใจหน้าซีดไม่แพ้กันรีบถอยทัพออกมา ก่อนที่จะเจอพายุลูกใหญ่กว่านี้ นางเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่ง ตรงไปยังห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม เพราะรู้ว่างานนี้ต้องให้คนรักของคุณเฟรดร์ดิโค้ซึ่งเป็นลูกครึ่งอาหรับ เป็นคนมาให้การต้อนรับแขกวีไอพีแทนนาง
ก๊อก...ก๊อก...
ป้าสมศรีเคาะประตูห้องเบาๆ อย่างเกรงใจเจ้าของห้อง ในใจนั้นร้อนรนแทบรอให้ได้ยินเสียงห้าวทุ้มเอ่ยอนุญาตให้ตนเองเข้าไปในห้องไม่ไหว
“เชิญครับ”
พอได้ยินเสียงอนุญาตจากคุณเฟรดร์ดิโค้ ก็รีบเปิดประตูออกกว้าง แล้วก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในห้องพร้อมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนเจ้านายหนุ่มต้องร้องถามเพราะความเป็นห่วง
“เจอแขกซีเรียสมาหรือครับ”
“แขกไม่เรื่องมากหรอกค่ะ แต่ป้าต่างหากที่ซีเรียส เพราะคุยกับแขกไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร”
ป้าสมศรีตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล ก่อนจะพยักหน้ารับไหว้จากปาลิตา นางรู้จักปาลิตาเป็นอย่างดี เพราะก่อนเดินทางไปเรียนต่อที่เมืองนอกปาลิตาได้มาหาเฟรดร์ดิโค้ที่โรงแรมอยู่บ่อยๆ
“ลูกค้าของรีน่าหรือคะป้าสมศรี”
อัลรีน่าลุกขึ้นมายืนอยู่ใกล้หัวหน้าพนักงานต้อนรับ หากได้เอ่ยว่าพูดกับลูกค้าไม่รู้เรื่อง หญิงสาวมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าต้องเป็นลูกค้าชาวตะวันออกกลางอย่างแน่นอน แม้ป้าสมศรีจะสนทนาภาษา
อังกฤษได้คล่องแคล่ว แต่ลูกค้ากลุ่มนี้ก็มีบางคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
ป้าสมศรีพยักหน้ารับก่อนจะขยายความ “ลูกค้าของรีน่าแหละจ้ะ พูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน แต่ไม่ค่อยอยากเสวนากับป้าสักเท่าไร”
“แล้วพนักงานคนอื่นๆ ล่ะหายไปไหนหมด”
เฟรดร์ดิโค้ถามเป็นกังวล ในใจนั้นไม่อยากให้อัลรีน่าออกไปต้อนรับแขกในขณะนี้ เพราะเกรงว่าชายหนุ่มทั้งหลายจะมาจีบคนรักของเขาอีก
“ลาคลอดหนึ่งคน ลาป่วยไปอีกหนึ่ง ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือกำลังพาลูกค้าที่เช็กอินก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีไปเข้าห้องพักค่ะ”
ป้าสมศรีรายงานให้เจ้านายทราบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วกำข้อมือเล็กของอัลรีน่าไว้ จากนั้นก็หันไปขออนุญาตเจ้านายหนุ่มด้วยความเกรงใจ
“ป้าขอยืมตัวคุณรีน่าไปต้อนรับลูกค้าก่อนนะคะ”
“ลูกค้าวีไอพีหรือคะป้าสมศรี”
อัลรีน่าไม่มีแง่งอนเรื่องไปดูแลลูกค้า เพราะตอนนี้เธออยากหลบออกจากห้องทำงานของเฟรดร์ดิโค้เหลือกำลัง ด้วยไม่อยากทะเลาะกับชายหนุ่มเรื่องการไปพักที่คฤหาสน์เลมาร์โค้
“ยิ่งกว่าวีไอพีซะอีก เป็นเจ้าชายค่ะ มีองครักษ์ติดตามมาด้วยอีกสามคน”
ป้าสมศรีอยากจะบอกความจริง ว่าเธอหวาดกลัวเจ้าชายหนุ่มรูปงามซึ่งมองดูน่าเกรงขาม ส่วนองครักษ์แต่ละนายก็ใช่ย่อย ใบหน้าถมึงทึงราวกับยิ้มไม่เป็นทำให้เธอตกใจกลัว จนพูดผิดพูดถูกตอนที่เข้าไปต้อนรับ
“เดี๋ยวรีน่าไปดูแลลูกค้าให้เองค่ะ”
อัลรีน่าตอบเสียงหวานโดยไม่สนใจการห้ามปรามของเฟรดร์ดิโค้ที่ส่งผ่านสายตาคมกริบ หญิงสาวหันไปยิ้มยักคิ้วให้ปาลิตาพร้อมกับเอ่ยชวน
“น้องลิต้าไปด้วยกันไหมคะ”