บทที่ 10 โง่งมมิต่างจากลูกเต่า...

2411 คำ
บทที่ 10 โง่งมมิต่างจากลูกเต่า... ตำหนักรุ่ยอ๋อง ห้องทำงาน ทางด้านรุ่ยอ๋องนั่งอยู่โต๊ะทำงานตัวเดิมตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากกลับมาจากว่าที่พระชายาในภายภาคหน้า มือหนายังคงอ่านกระดาษที่ใจความเนื้อหาล้วนแล้วแต่เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่น่ามึนงงไม่น้อย นางเหมือนกับว่ามิได้อยากแต่งเป็นชายาเอกเข้าตำหนักเขา... มิอยากยุ่งเกี่ยวมิอยากเฉียดเข้าใกล้... "ท่านอ๋อง เรียกหากระหม่อมหรือพะยะค่ะ"เจียงจูองครักษ์เอ่ยขึ้นหลายครั้งเมื่อผู้เป็นนายท่าทีเหม่อมลอยอย่างเห็นได้ชัด "อืม รู้จักต้นฉั่งฉิกหรือไม่ เราต้องการจำนวนมาก"ร่างหนาเอ่ยถามองครักษ์คนสนิท "ต้นฉั่งฉิกหรือพะยะค่ะ ต้นไม้ชนิดนี้ใบสามารถใช้รักษาแผลสดได้ผลรวดเร็วยิ่งเพียงแต่การขยายพันธุ์ยากนัก จึงมีแต่เพียงในพระราชวังเท่านั้นพะยะค่ะ" "คงมีแต่ในสวนหลวงสินะ"ร่างหนาพึมพำเบาๆ ในเมื่อรับปากว่าที่พระชายยาเอกแล้วก็ต้องทำตามข้อแลกเปลี่ยน "พะยะค่ะ" "เอานี่ไปตรวจสอบให้ด้วยว่าทำได้จริงหรือไม่ และทุกอย่างรู้เฉพาะคนของเราอย่าให้คนนอกล่วงรู้เป็นอันขาด"ร่างหนาเอ่ยกำชับเสียงเข้ม "รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ" "อืม..." เมื่อองครักษ์คนสนิทจากไปเพื่อไปทำภารกิจที่มอบหมายแล้ว ร่างหนายังคงถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อได้รับปากย่อมมิอาจคืนคำคงต้องไปทูลขอพระบิดาจำนวนหนึ่ง วังหลวง ห้องทรงอักษร ปั้ง!!! "งามหน้านัก...นี่เจิ้นเลี้ยงโอรสให้โตขึ้นมาเป็นลูกเต่าหรืออย่างไรเหตุใดจึงโง่งม โง่เง่าเช่นนี้"ร่างหนาของโอรสสวรรค์ในชุดสีทองอร่ามปักลวดลายมังกรห้าเล็บเอ่ยสบถด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นสาส์นลับส่งตรงจากตำหนักรุ่ยอ๋องมายังห้องทรงอักษรในรุ่งเช้า "ฝ่าบาท พระทัยเย็นก่อนเถิดพะยะค่ะ"ฉินกงกงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปลอบประโลมผู้เป็นนายด้วยน้อยครั้งที่จะเห็นผู้เป็นนายทรงกริ้วถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องใหญ่... "ดูสิฉินกงกง เจิ้นเพียงพระราชทานสมรสให้แต่งงานกับคุณหนูรองหวัง เป็นชายเอก ริอาจจะตบแต่งคุณหนูอวิ๋นเป็นชายารองในวันเดียวกันดีที่พ่อบ้านจางชิงส่งสาส์ลับมาใหเราเสียก่อน บัดวบยิ่งนักหากว่าแม่ทัพหวังรู้เรื่องนี้เข้าเล่าเจิ้น...เจิ้นจะทำเช่นไรดี"ร่างหนาพยายามสูดใจเข้าลึกๆ หลายครั้งเพื่อมกดข่มอารมณ์เอาไว้ น่าชังยิ่งนัก "ฝ่าบาท..." "ทูลฝ่าบาท องค์ชายรองขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ"ขันทีหน้าห้องทรงอักษรเอ่ยรายงาน เมื่อมีผู้ขอเข้าเฝ้า "เจ้ารองหรือ...ให้เข้ามา " "ถวายพระพรเสด็จพ่อ ขอทรงอายุยืนยาวพันปีหมื่นปีพะยะค่ะ"ร่างหนาในชุดสีมรกตสลับขาวปักลวดลายใบไผ่เรียบง่ายสง่างามและนอบน้อม คงเป็นคำนิยามโอรสองค์ที่สองพระองค์นี้ "ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถอะลมอันใดหอบเจ้ามาเล่าวันนี้"เมื่อเห็นพระโอรสองค์รอง "คือ..ว่าวันนี้ที่ลูกมาจะมาขอบางอย่างจากเสด็จพ่อพะยะค่ะ "องคืชายรองเอ่ยเกริ่นสิ่งที่ตนเองปรารถนา "เรื่องใดรึเจ้ารอง... อย่าได้อ้อมค้อม" "ลูกต้องการขอพระราชทานสมรสกับคุณหนูรองตระกูลหวังแทนรุ่ยอ๋อง หวังว่าท่านพ่อจะช่วยส่งเสริม"องค์ชายรองหลงลู่หานเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างยิ่งพร้อมมองบิดาอย่างร้องขอ ลูกจริงจังนะพะยะค่ะ... "นี่..เจ้า..."ใบหน้าของโอรสสวรรค์ตื่นตะลึงไม่น้อย ที่โอรสของพระองค์เอ่ยขอเช่นนี้ ทั้งที่ตลอดมาพระองค์เองต่างส่งรูปวาดสาวงามหลากหลายตระกูลไปเยือนตำหนักให้ไม่น้อย กลับถูกปฎิเสธกลับมาทั้งหมด "ทูลฝ่าบาท รุ่ยอ๋องขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ"เป็นอีกครั้งที่ขันทีหน้าห้องทรงอักษรเอ่ยรายงานผู้ที่ขอเข้าเฝ้า... "หึ ให้เข้ามา..."เมื่อชื่อของผู้ที่ทำให้อารมณ์พุ่งพล่านเมื่อครู่ดังขึ้น ใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของแคว้นก็ตึงขึ้นหลายส่วน มาแล้วหรือเจ้าลูกเต่า "ถวายพระพรเสด็จพ่อ ของพระองค์ทรงอายุยืนยาวพันปีหมื่นปีพะยะค่ะ"ร่างหนาของรุ่ยอ๋องในชุดสีเข้มทมิฬปักลวดลายเมฆาเลื่อนลอยทำความเคารพพระบิดาเต็มพิธีการ "ข้ากำลังรอเจ้าอยู่พ่อเจ้าเก้า..."เสียงเหยียบเย็นทำให้บรรยากาศในห้องทรงอักษรเย็นลงหลายส่วน ผู้ฟังต่างรับรู้บรรยากาศกดดันที่เปลี่ยนไปอย่างพร้อมเพียง "เสด็จพ่อ..." "เจ้าคิดว่าจะกระทำสิ่งใด บิดาผู้นี้จะไม่รู้หรือ" "คือ...เสด็จพ่อ..." "ปั้ง!! คิดว่าเราไม่รู้เรื่องเจ้าคิดจะแต่งคุณหนูอวิ๋นเข้าตำหนักพร้อมคุณหนูหวังหรือ "แท่นหมึกปลิวไปหาศีรษะของโอรสองค์ที่เก้าอย่างแม่นยำ "เสด็จพ่อ...อย่าทรงกริ้วไปเลยะพะยะค่ะหากน้องเก้ามิเต็มใจแต่ง ลูกขออาสาเองพะยะค่ะ"สิ้นเสียงองค์ชายรองผู้เป็นพี่ อกด้านซ้ายของรุ่ยอ๋องกระตุกวูปอีกครั้งเหมือนมีบางอย่างกำลังบีบรัด "เจ้าแน่ใจหรือเจ้ารอง"ร่างหนาของผู้เป็นพระบิดาเอ่ยถามย้ำไม่ว่าเป็นเจ้ารองหรือเจ้าเก้าล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้น หากคุณหนูหวัง "ลูกยินดีแต่งคุณหนูรองหวังเป็นพระชายาเอกพะยะค่ะ"องค์ชายรองลู่หานเอ่ยย้ำอย่างจริงใจ " ไม่ได้นะพะยะค่ะ เสด็จพ่อทรงรับปากท่านแม่ทัพไว้แล้วว่าจะให้คุณหนูรองแต่งเข้าตำหนักลูก"รุ่ยอ๋องเอ่ยอย่างร้อนรนทั้งที่เลือดค่อยๆซึมลงใบหน้ากลับมิรู้สึกเจ็บปวดเท่าเมื่อพี่รองกล่าวเมื่อครู่ว่ายินดีแต่งคุณหนูรองเข้าตำหนัก มิอยากให้เป็นเช่นนั้น... "น้องเก้ากำลังกล่าวสิ่งใด ในเมื่อพี่รองยินดีรับคุณหนูรองหวังเข้าตำหนักแล้วเจ้าเองจะได้แต่งคุณหนูอวิ๋นตามที่เจ้าต้องการอย่างไรเล่า"ใบหน้าองค์ชายรองเข้มขึ้น เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่ไม่ยินยอมเช่นกัน "ใช่ เจ้าเก้าเจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่" "ลูกยินดีรับคุณหนูหวังเป็นชายาเอก ส่วนเรื่องคุณหนูอวิ๋นนั้น..." "ปั้ง!!!ยังจะคิดจับปลาสองมืออีกหรือ..."ตามมาด้วยเสียงไอแห้งๆติดกันหลายครั้งจนหายใจไม่ทันใบหน้าซีดเผือด "ฝ่าบาท..."ฉินกงกงที่ยืนอยู่ด้านข้างเข้าไปช่วยประคองผู้เป็นนายให้นั่งลง "เสด็จพ่อ...ตามหมอหลวงเร็วเข้า"องค์ชายรองและรุ่ยอ๋องเอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างตกตะลึง เสด็จพ่อที่ทรงพลานามัยแข็งแรงมาตลอดล้มป่วยลง... เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในขั้วอำนาจต่างๆไม่น้อย หรือว่าบัลลังก์อาจจะเป็นมือในไม่ช้า _____________________ ปั้ง!!! เสียงตบโต๊ะดังสนั่นไปทั่วตำหนัก บรรดาข้ารับใช้ต่างก้มหน้าลงด้วยหวาดเกรงโทสะผู้เป็นนาย ร่างหนาพยายามกดข่มอารมณ์โมโหเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อชั่วยามก่อนในห้องทรงอักษรของพระบิดา ท่าทีปฎิเสธทั้งที่ตนขันอาสาแต่งคุณหนูหวังแทนนั้นทำให้ตนเองอารมณ์พุ่งสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไหนว่ารักใคร่ชอบพออยู่กับคุณหนูสามตระกูลอวิ๋นอย่างไรเล่า... หรือกำลังหวงก้างอยู่ "องค์ชายพะยะค่ะ..."ชายชุดดำผุ้หนึ่งคุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายรองเพื่อรอรับคำสั่ง "ส่งคนไปสืบมาถึงความสัมพันธ์ของคุณหนูหวังและรุ่ยอ๋อง" "พะยะค่ะ" "อีกเรื่องหนึ่ง ส่งคนออกไปชิงตัวคุณหนูใหญ่หวังที่เหลือฆ่าให้หมด"ร่างหนาเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม เห็นแก่ว่าคบหามานานสองเดือน... ตำแหน่งสาวใช้อุ่นเตียงยังว่างอยู่... "รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"องครักษ์เงารับคำสั่งแล้วจากไปทันที ร่างหนายังคงขบคิดหาหนทางแต่งคุณหนูรองหวังเข้าตำหนัก เรื่องนี้จะยอมแพ้เจ้าเก้าไม่ได้.... อีกด้านหนึ่ง ขบวนรถม้าออกเดินทางหน้าจวนตระกูลหวังผ่านทางประตูเมืองหลวงทางทิศใต้มุ่งหน้าสู่วัดเหลียนคุณที่อยู่ห่างไกลนับสามสิบลี้ การเดินทางด้วยรถม้าใช้ระยะเวลาประมาณเจ็ดวันจึงจะถึงที่หมาย บนรถม้า "ฮือๆๆๆ..."ใบหน้างามเต็มไปด้วยคราบน้ำตาดวงตาแดงก่ำอย่างเครียดแค้น นางมิอยากไปจากเมืองหลวง... นางต้องการแก้แค้นคนที่ทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ ใครก็ได้ช่วยนางด้วยเถอะ ร่างบางยังคงคร่ำครวญอ้อนวอนต่อสวรรค์ภายในใจ "เฟิ่งเออร์ เงียบก่อนเดี๋ยวแม่ช่วยแกะเชือกให้เจ้าก่อน"เสียงอนุอวี้หลันแผ่วเบากดข่มความเจ็บที่ไหล่ขวาของตนเองไว้ พยายามแกะเชือกมัดมือบุตรสาวออก ไม่นานเชือกก็ถูกคลายปมสำเร็จ "เป็นเพราะท่าน ท่านมันอ่อนแอ"อ้ายเซียงตวาดดังลั่นด้วยความไม่พอใจ มีมารดาที่อ่อนแอใช้การไม่ได้ไม่ได้เรื่องเรื่องสักอย่าง "เซียงเออร์ แม่ขอโทษขอโทษเจ้าจริงๆที่ปกป้องเจ้าไม่ได้ ทนหน่อยนะลูกอีกไม่นานหากบิดาเจ้าหายโกรธคงเรียกตัวพวเรากลับจวน" "ไม่..แล้วต้องรอกี่คืนกี่เดือนเล่าข้าไม่อยากรอ อย่ามาแตะต้องตัวข้า "อ้ายเซียงผลักผู้เป็นมารดาไปอีกด้านหนึ่งของรถม้าอย่างรังเกียจ ที่นางมีสภาพเช่นนี้ส่วนหนึ่งเพราะมีมารดาอ่อนแอนัก ร่างบางยังคงโทษฟ้าโทษดิน โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง "เซียงเอ๋อร์..."แม้ไหล่ที่เจ็บปวดร้าวเข้ากับกระดูกก็มิอาจเจ็บเท่าคำพุดบุตสาวที่รักยิ่งกว่าสิ่งใด "คุณชายลู่..คุณชายลู่ต้องมาช่วยข้า"ร่างบางพึมพำเบาๆพยายามใช้ความคิดหาทางเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ "มิได้นะ หาเจ้าหนีไปมิไปวัดประจำตระกูลแล้วละก่อเจ้าอาจถูกตัดออกจากตระกูลเป็นแน่"แม้เสียงบุตรสาวจะเบาหวิวแต่อนุอวี้หลันก้ได้ยินชัดเจน บุตรสาวกำลังคิดหนีหรือ... "บิดาหรือ บิดาที่รักบุตรสาวไม่เท่ากันไม่มีเสียดีกว่าอย่ามายุ่งกับข้าจะบอกให้เอาบุญนะ บุตรสาวเจ้าคนเดิมตายไปนานแล้ว" "เซียงเอ๋อร์เจ้ากำลัง..พูดสิ่งใดออกมา" "ข้ามิใช่หวังอ้ายเซียง ฉะนั้นอย่ามายุ่งกับข้าอีกจะหาว่าข้าไม่เตือน" สิ้นเสียงร่างบาง ใบหน้าอนุอวี้หลันซีดเลือดมองดูแววตาบุตรสาวไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย "ไม่!!ไม่จริง!" ฉิ้ง!!! ฉิ้ง!!! ฉิ้ง!!! "มีคนร้าย อารักขารถม้า"เสียงหัวหน้าทหารที่ได้รับหมอยหน้าที่ไปส่งคุณหนูใหญ่และอนุอวี้หลันดังสนั่น เสียงชักดาบตามมาด้วยการต่อสู้นอกรถม้าทำให้บทสนทนาในรถม้าเงียบลง อ๊ะ!!! ฉิ้ง!!! ฮ๊า!!! ฉิ้ง!!! ไม่นานเสียงการต่อสู้ก็เงียบลงกลิ่นคาวโลหิตลอยคละคลุ้งทำให้สตรีั้งสองหวาดหวั่นไม่น้อย "เรียนคุณหนูใหญ่ คุณชายลู่ให้ข้ามาช่วยเหลือขอรับ"หนึ่งในชายชุดดำเอ่ยขึ้นหน้ารถม้า "อืม..พาข้าไปหาคุณชายลู่"ร่างบางเอ่ยตอบเมื่อรู้ว่ากลุ่มคนที่เข้ามาฆ่าหารตายทั้งหมดเป็นคนของผู้ใด "ขอรับ แล้วสาวใช้นางนี้นำไปด้วยไหมขอรับ"ชายชุดดำเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสตรีอีกคนในรถม้าคาดว่าเป็นสาวใช้เป็นลมหมดสติไปนานแล้ว "ทิ้งนางไว้เช่นนั้นเถอะ ข้ารีบ..." _____________________ ช่วงบ่าย ร่างหนานั่งคุกเข่าลงหน้าจวนตระกูลหวังสร้างความสนใจให้แก่ชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่น้อย ทหารรีบเข้าไปสอบถามทันทีว่าต้องการสิ่งใด "เจ้าเป็นผู้ใด เหตุใดจึงมาคุกเข่าหน้าจวนเช่นนี้" "ข้าได้ขายตัวเป็นทาสให้คุณหนูหวังแล้ว ต้องการขอพบคุณหนูหวัง"พ่อบ้านตู้ที่บ่าวไพร่ไปตามมาได้ยินคำตอบตั้งแต่ต้นเช่นกัน ทาสผู้นี้ดูไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไปแม้แต่น้อย "เข้ามาก่อน เดี๋ยวข้าจะเชิญคุณหนูมาตัดสินว่าจะรับเจ้าหรือไม่"พ่อบ้านตู้เอ่ยพร้อมพยักหน้าให้ผู้ช่วยไปเชิญคุณหนูรองมาตัดสิน ไม่นานร่างบางที่เดินย่อยอาหารอยู่ในสวนอยู่ก่อนแล้วก็มาถึง "เจ้าว่าได้ขายตัวเป็นทาสให้ข้าแล้วเช่นนั้นหรือ เหตุใดข้าจำไม่ได้เล่า"ใบหน้างามที่เค้าโครงหน้าชัดเจนขึ้นจากการลดน้ำหนักยังคงงุนงงไม่น้อย นางไปซ์้อทาสไว้ตั้งแต่ตอนไหน... "สองวันก่อน คุณหนูได้ซื้อข้าเป็นทาสในราคาสิบตำลึงข้าได้นำเงินไปทำศพมารดาเรียบร้อยแล้ว วันนี้ข้ามาขอรับใช้ติดตามคุณหนูจนวันตายขอรับ"สิ้นเสียงบุรุษตรงหน้า ใบหน้างามเองก็นึกขึ้นได้เช่นกัน "แต่ข้าก็ได้บอกไปแล้วว่ามิได้ต้องการทาสเพิ่ม" "มารดาเคยสอนข้าว่าเป็นบุรุษเมื่อพูดสิ่งใดแล้วย่อมต้องทำให้ได้จึงนับได้ว่าเป็นบุรุษ"สิ้นเสียงชายหนุ่มพ่อบ้านตู้ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง พยักหน้าเห็นด้วยกับชายหนุ่มไม่น้อย ทั้งที่สภาพเสื้อผ้ามีรอยปะชุนเต็มไปหมดผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่น่ามองคำพูดคำจากลับได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดีเยี่ยม คนเช่นนี้รับไว้ย่อมมีประโยชน์ในภายภาคหน้าเป็นแน่ "คุณหนูขอรับบ่าวขออนุญาติเอ่ยสักครั้ง ท่าท่างของชายหนุ่มผู้นี้หน่วยก้านดีไม่น้อยรับไว้คงไม่เสียหายอะไร อีกทั้งเป็นคนกตัญญูบิดามารดาเป็นบ่าวว่ารับไว้เถอะขอรับ"พ่อบ้านตู้เอ่ยเสริมขึ้นชายชรารู้สึกถูกชะตายิ่งนัก "อืม เช่นนั้นไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยเสียก่อน จัดเสื้อผ้าให้ชายผู้นี้ด้วยแล้วให้ไปพบข้าที่เรือน ข้าเลี้ยงเฉพาะคนที่มีความสามารถเท่านั้นข้าจะดูว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่ ฝากพ่อบ้านตู้จัดการให้ด้วย" "ขอรับ"ใบหน้าชายชรายกยิ้มกว้างขานรับคำสั่งทันที "ไปกันเถอะเจ้าหนุ่ม ทานข้าวทานปลามารึยัง คุณหนูให้โอกาสเจ้าแล้วไปอาบน้ำกันก่อนเดี๋ยวข้าพาไป" ชายหนุ่มว่าที่บ่าวคนใหม่มุกปากยกยิ้มเล็กน้อย นับว่าจวนนี้น่าอยู่ไม่น้อย...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม