,
บทที่ 15
เมื่อกล้าขัดคำสั่งย่อมต้องรับโทษที่สาสม...
หน้าจวนตระกูลหวัง
รถม้าคุณหนูรองตระกูลหวังจอดลงเพื่อส่งผู้เป็นนายเมื่อถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ร่างบางลงจากรถม้าด้วยการช่วยเหลือสาวใช้คนสนิททั้งสามที่ลงรถม้าก่อนแล้ว นับวาสครานี้ไม่ทุลักทุเลมากนัก
เมื่อเหยียบลงถึงพื้นแล้วก็พบว่ามีรถม้าอีกคันเข้ามาจอดเช่นกัน
โดยบุรุษที่ลงม้าคือผู้เป็นบิดา
"เฟิ่งเอ๋อร์ พึ่งกลับมาหรือลูก"ร่างหนาผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ลงจากรถม้าอย่างรวดเร็วด้วยตนเองก็จากจวนเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทตามรับสั่งแต่เช้า
"ท่านพ่อ..."ไม่มีที่ให้หลบอีก เลี่ยงเฟิ่งเองก็ขบคิดว่าหากนางถึงจวนแล้วไม่ช้าไม่เร็วบิดาต้องล่วงรู้เรื่องราวระหว่างนางและพี่หญิงใหญ่เป็นแน่
เพียงแต่ไม่นึกว่าจะรวดเร็วเพียงนี้...
"ตอบมา...ผู้ใดทำเจ้าเช่นนี้พ่อจะไปถลกหนังหัวมันออก"มองใบหน้าของบุตรสาวที่แดงปื้นเป็นรอยฝ่ามือ ทั้งที่ตลอดมาเขาเลี้ยงดูบุตรสาวมาอย่างดีแม้แต่ดุด่าสักครั้งยังไม่เคย
มันเป็นผู้ใดถึงหาญกล้าตบตีบุตรสาวของเขากัน...
ยิ่งคิดยิ่งสีหน้ามือครึ้มเต็มด้วยความไม่พอใจ
"เพียงเข้าใจผิดกันเท่านั้นเจ้าค่ะ..."เลี่ยงเฟิ่งตอบแผ่วเบา หากนางตอบไปว่าเป็นพี่ใหญ่กระทำไปตรงๆอาจดูไม่ดีมากนัก
จำเป็นต้องให้ผู้รู้เห็นที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นผู้เอ่ยเล่า
"เล่ามาว่ามันเป็นผู้ใด ที่กล้าตบตีเจ้านายเจ้า"เมื่อเห็นท่าทีของบุตรสาว แม่ทัพใหญ่หวังหันหน้าไปถามสาวใช้ประจำตัวของบุตรสาวทันที
"คุณหนูรองไปเดินตลาด พบคุณหนูใหญ่อยู่กับบุรุษจึงเข้าไปทักเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ไม่พอใจจึงตบหน้าคุณหนูรองเจ้าค่ะ"อิงอิงเอ่ยอย่างรวบรัดไร้
"งามหน้ายิ่งนัก!!! พ่อบ้านตู้ไปตามคุณหนูใหญ่มาพบข้าที่ห้องโถง เจ้าด้วยเฟิ่งเออร์ตามพ่อไปห้องโถงกัน"ร่างหนาสั่งเสียงเข้มใบหน้ามือครึ้มเต็มสิบส่วน บุตรสาวคนโตกล้าขัดคำสั่งกักบริเวณลอบออกจากจวนนัดพบบุรุษแล้วยัง
ห้องโถงใหญ่จวนตระกูลหวัง
ร่างหนานั่งลงตรงเก้าอี้ตำแหน่งประมุขของจวนมีบุตรสาวคนรองนิ่งเงียบนั่งอยู่ด้านซ้ายซ่อนแววตายินดีที่จะเห็นนางเอกซี่รีย์ดวงใจข้ามภพต้องถูกลงโทษบางอย่าง
หมั่นไส้มานานแล้ว...
จงรับกรรมที่ตนเองก่อเสียเถอะ
"เล่ามา ข้าต้องการฟังตั้งแต่ต้นจนจบ"
"บ่าวเล่าเองเจ้าค่ะ"อิงอิงสาวใช้คนสนิทของเลี่ยงเฟิ่งขันอาสา เล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นหลังจากที่ออกร้านเครื่องประดับจนถึงตอนที่คุณหนูของตนถูกตบหน้าโดยไร้สาเหตุรองรับ
แม่ทัพใหญ่หวังได้ฟังทั้งหมดใบหน้ามือครึ้มเต็มสิบส่วน ด้วยตนเองผ่านร้อนผ่านหนาวมามากนักพอมองออกว่าเรื่องราวเป็นเช่นไรคำสั่งกักบริเวณบุตรสาวไร้ซึ่งคนเชื่อฟังเพียงผ่านไปแค่สามวันก็นัดพบเจอบุรุษและยังหึงหวงบุรุษกับน้องสาวร่วมบิดาตบหน้าผู้เป็นน้องต่อหน้าธารกำนัลมากมาย
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้วจำเป็นต้องลงโทษอย่างหนัก
ไม่นานร่างบางของคุณหนูใหญ่และอนุอวี้หลันก็เดินมาถึงห้องโถง
"คาราวะท่านพ่อเจ้าค่ะ/คาราวะนายท่านเจ้าค่ะ"คุณหนูใหญ่และมารดาเอ่ยคาราวะพร้อมกันทั้งสองยืนชิดตัวลีบด้วยรู้
ปั้ง!!!!
"ไม่ต้องมาข้าเป็นบิดา"
"ท่านพ่อ..."คุณหนูใหญ่อ้ายเซียงเอ่ยเสียงหลง
"นายท่านเจ้าค่ะ โปรดฟังคุณหนูใหญ่สักนิดท่านจะฟังความข้างเดียวไม่ได้นะเจ้าค่ะ"อนุอวี้หลันเอ่ยอย่างอ้อนวอน ด้วยก่อนหน้านี้หนึ่งเค่อบุตรสาวมาถึงเรือนตนเองเพื่อขอความช่วยเหลือและหาทางออกในเรื่องที่กระทำผิดลงไป
มินึกว่าคุณหนูรองจะโร่ไปฟ้องนายท่านรวดเร็วเช่นนี้...
นางเองก็มืดมนหนทางเช่นกันมิรู้จะชวยบุตรสาวที่รักอย่างไรดี
"ที่แท้มีมารดาที่ถือหางให้ท้ายในทางที่ผิด ถึงได้ทำตัวงามหน้าเช่นนี้"ผู้เป็นเจ้าของจวนเอ่ยเสียงเข้มขึงขัง
"นายท่าน บุตรสาวของเราเพียงขาดสติเท่านั้น"
"ขาดสติถึงกับลอบออกจากจวนทั้งที่มีคำสั่งของข้าให้อยู่แต่ในเรือน ขาดสติหึงหวงบุรุษตบหน้าน้องสาวตนเองต่อหน้าชาวบ้านนับร้อย นี่เรียกว่าขาดสติหรือ"
"ท่านพ่อ...ข้ามิได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้"ร่างบางเอ่ยขึ้นน้ำตาคลออย่างน่าสงสาร
"นายท่านได้โปรดอย่าลงโทษลูกของเราอีกเลยนะเจ้าค่ะ"อนุอวี้หลันรีบเอ่ยขอร้องดั่งวางแผนมาอย่างดี
"ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่คุมทหารนับแสนทหารทำผิดยังกฎต้องรับโทษ เมื่อกล้าขัดคำสั่งข้า ทำร้ายพี่น้องก็ต้องรับโทษที่สาสม"
"ไม่นะเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ยังเด็กนักนางยังมิได้ออกเรือน นายท่านโปรดละเว้นคุณหนูใหญ่ด้วย"ร่างงามของอนุอวี้หลันทรุดกับพื้นพร้อมร่ำไห้ใจจะขาด นางมีบุตรสาวแค่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งทางใจตลอดมา
"น้องรอง...ช่วยพี่ใหญ่ด้วย"เมื่อรับรู้ว่าบิดาโกรธเคืองเรื่องราวไม่น้อย อ้ายเซียงรีบหันเหไปทางน้องสาวที่มิว่าพูดสิ่งใดบิดาล้วนเห็นดีเห็นงามไปด้วย
"พี่หญิงใหญ่ทั้งหนีออกจากกักบริเวณ ทั้งตบหน้าข้าเพราะหึงหวงบุรุษยังไม่ขอโทษข้าสักคำ คิดให้ข้าช่วยพูดกับท่านพ่ออยู่หรือเจ้าค่ะ"เลี่ยงเฟิ่งเอ่ยเสียงเย็น
หน้าด้านมิมีใครเกิน...
"เป็นเพราะเจ้าที่หาเรื่องข้าก่อน..."อ้ายเซียงเอ่ยขึ้นสติขาดผึ่งทุกอย่างต้องไม่เป็นเช่นนี้ นางข้ามภพมาล้วนติดขัดไปเสียทุกเรื่อง
ช่างน่าประหลาดนัก
"หยุด!!! หยุดโทษผู้อื่นได้แล้วอ้ายเซียงหากเจ้าไม่ลอบหนีออกจากจวนขัดคำสั่งกักบริเวณของพ่อ น้องเจ้าจะเจอเจ้าได้อย่างไร"เสียงตวาดลั่นของท่านแม่ทัพทำให้ทุกคนเงียบลงอีกครั้ง
"ข้า..." อ้ายเซียงน้ำท่วมปากด้วยรับรู้ความผิดของตนเองดี ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำตาคลอทั้งเสียใจทั้งเครียดแค้นผู้น้องสาว
อย่าให้ถึงทีข้าเล่า...
เมื่อเห็นท่าทีของบุตรสาวคนโตสงบลง บุตรสาวที่วางตัวดีเหมาะสมมาตลอดร่างหนาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
"ทหาร!!!ส่งคุณหนูใหญ่หวังอ้ายเซียงและอนุอวี้หลันไปอยู่วัดประจำตระกูลหวังสองปีห้ามกลับเมืองหลวงโดยเด็ดขาด "
"ไม่นะเจ้าค่ะ...ท่านพ่อ...ข้าไม่ไป..."อ้ายเซียงน้ำตาร่วงรินเป็นสายไม่ยินยอม ท่านพ่อจะทำเช่นนี้กับนางไม่ได้
"นายท่าน..โปรดละเว้นเราสองแม่ลูกด้วย นายท่าน..."อนุอวี้หลันคร่ำครวญปานใจจะขาด โดยทหารที่ได้รับคำสั่งได้แต่มองไม่กล้าใช้ความรุนแรงมากนัก ด้วยทั้งสองแม้จะกระทำความผิดแต่ก็เป็นบุคคลสำคัยของท่านแม่ทัพ
"ทหาร!!!"ร่างหนาตะหวาดอีกครั้งทำให้ทหารรีบเข้ามาฉุดกระชากลากถูสองแม่ลูกจากไปทันทีตามคำสั่ง
โดยทุกอย่างอยู่ในสายตาเลี่ยงเฟิ่งทั้งหมดใบหน้างามยกยิ้มมุมปาก
ช่วยไม่ได้อยากตอแหลกับนางก่อน..
ช่วงบ่าย
เรือนคุณหนูรองจวนแม่ทัพใหญ่ตระกูลหวัง
"คุณหนูขอรับ"พ่อบ้านตู้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมาจากเรือน
"พ่อบ้านตู้หรือ ข้ากำลังรอท่านอยู่พอดี"
"ไข่และปลา ที่คุณหนูสั่งไว้ทำอย่างไรต่อขอรับ"พ่อบ้านตู้เอ่ยขึ้นด้วยตนเองพาเหล่าพ่อครัวและผู้ช่วยในโรงครัวมาถึงเรือนคุณหนูรองเพื่อรับคำสั่งจัดเตรียมวัตถุดิบเพื่อเป็นเสบียงแก่ท่านแม่ทัพใหญ่
"ไหดินเผาเล่าได้มาเยอะหรือไม่"เลี่ยงเฟิ่งเอ่ยถามด้วยกลัวตกหล่น หากไม่มีไหดินเผาย่อมทำไข่ดองเค็มมิได้
"ได้มาหลายสิบไหขอรับ พรุ่งนี้เจ้าของร้านจะมาส่งเพิ่ม"ชายชราเอ่ยตอบอย่างรอบคอบ
"อืม...ไปโรงครัวกันกันเถอะ"เลี่ยงเฟิ่งมองดูไข่เป็ดและไข่ไก่ที่อยู่ในตระกร้าใหญ่กว่าหกใบและปลาที่เต็มเข่งอีกหลายเข่ง
"ต้องทำอย่างไรบ้างขอรับ"
"แบ่งคนครัวออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งที่เชี่ยวชาญการใช้มีดดูข้าเป็นตัวอย่าง"
"ขอรับ"ไม่นานเขียงและมีดบางคมกริบที่ใช้ทำอาหารก็มีอยู่ตรงหน้าเลี่ยงเฟิ่งแล้ว
"ข้าจะทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น "นางมีพื้นฐานการทำอาหารด้วยเป็นคนที่ต้องดูแลรูปร่างและสุขภาพตลอดเวลาจึงเข้าคอร์สการทำอาหารกับเชฟระดับแถวหน้าของประเทศ เพียงแค่การจัดการวัตถุดิบนั้นไม่ยากมากนัก มือบางหยิบมีดใช้สันมีดขอดเกร็ดปลาออกผ่าท้องปลาใช้ช้อนควักเครื่องในและไส้ออกทั้งหมด แซะหัวปลาออกแล้วนำไปล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง จากนั้นแล่ปลาออกเป็นสองซีกโดยที่ส่วนท้องปลายังติดกันอยู่โรยเกลือเพียงเล็กน้อย
"นำไปตากแดดจนแห้งประมาณสามวัน"
"เท่านี้หรือขอรับ"
"อืมหากปลาแห้งแล้วเก็บใส่หีบที่ปิดมิดชิดสามารถเก็บไว้ได้นานถึงหกเดือน"สิ้นเสียงเลี่ยงเฟิ่งเหล่าคนครัวต่างฮือฮา ด้วยมิคิดว่าปลาแห้งเก็บได้นานถึงครึ่งปี เช่นนี้อาหารและเสบียงก็ไม่ขาดแคลนอีกต่อไปแล้ว
"ยาวนานถึงเพียงนั้นเลยหรือขอรับ"พ่อบ้านตู้เอ่ยถามย้ำ ด้วยตนเองผ่านร้อนผ่านหนาวว่าหกสิปปีก็พึ่งรู้ว่าปลานั้นหากตากแห้งแล้วเก็บไว้ได้นานนัก
"เห็นข้าเป็นคนชอบโป้ปดเช่นนั้นหรือ"เลี่ยงเฟิ่งเอ่ยหน้าตายทั้งที่ในใจรู้สึกมีความสุขไม่น้อย การอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากเป็นสิ่งที่นางชื่นชอบไม่น้อยดูแววตาบ่าวไพร่ล้วนมีแต่ความชื่นชม
"บ่าวไม่กล้าขอรับ"
"ไว้ได้ปลาที่แห้งเมื่อไหร่ ข้าจะเข้าครัวสอนวิธีการปรุงปลาแห้งให้ก็แล้วกัน ฝากที่เหลือจัดการปลาต่อด้วยจะให้ดีปลาทั้งหมดต้องถูกแล่ตากแห้งภายในวันนี้"
"ขอรับ"เหล่าผู้ช่วยโรงครัวขานรับคำสั่งทันทีและรีบลงมือทำตามตัวอย่างที่ผู้เป็นนาย
"อีกกลุ่มตั้งไฟละลายเกลืออัตราส่วนเกลือหนึ่งถ้วยน้ำสี่ถ้วย ไฟไม่ต้องแรงมากนัก พอละลายดีแล้วให้ยกลงเตาพักไว้ให้เย็น"
"เจ้าค่ะ" เหล่าแม่ครัวต่างช่วยกันตวงน้ำและเกลืออย่างแข็งขัน
"ที่เหลือให้แยกไข่เป็ด ไข่ไก่ออกจากกันล้างเปลือกให้สะอาดเช็ดให้แห้งแล้วเรียงใส่ในไหจนเต็ม รอน้ำเกลือที่พักจนเย็นแล้วเทใส่ไหเพื่อดองปิดฝาให้มิดชิด เขียนวันที่ติดไว้ด้วย"
"เจ้าค่ะ"
"ไข่ดองเช่นนี้เก็บได้นานเท่าได ขอรับ"พ่อบ้านตู้เอ่ยถามอย่างใฝ่รู้ หยิบหนังสือและพู่กันที่พกติดตัวเสมอนำมาจดขั้นตอนทุกอย่างอย่างละเอียด
"ดองเจ็ดวันแล้วนำมาต้มให้สุก คงทันช่วงที่ท่านพ่อกำลังจะออกเดินทางพอดี ไข่ดองเค็มที่ต้มแล้วเก็บไว้ได้นานหนึ่งเดือนแกะกินได้เลยไม่ต้องปรุงเพิ่มและไม่ต้องกลัวไข่แตก"
"สวรรค์... คุณหนูรองช่างเก่งกาจยิ่งขอรับ"
"ข้าเพียงจำมาจากหนังสือเท่านั้น หวังว่าทั้งสองสิ่งจะพอช่วยเป็นเสบียงให้ท่านพ่อได้"
"ไม่มีอะไรแล้วคุณหนูไปพักก่อนนะขอรับ ที่เหลือบ่าวจะดูแลเอง"
"ฝากด้วยนะ"
"ขอรับ บ่าวยินดีเป็นอย่างยิ่ง"
ตกเย็น...
ร่างหนาก้าวเท้าเข้าเรือนบุตรสาวด้วยความหนักอึ้งด้วยมีเรื่องที่ต้องพูดคุย
"คาราวะท่านพ่อเจ้าค่ะ"เลี่ยงเฟิ่งยิ้มอบอุ่นเมื่อบิดามาหาที่เรือน
"ไม่ต้องมากพิธี พ่อมาเพียงอยากจะมาทานข้าวกับเจ้าสักมื้อ"
"เจ้าค่ะ อิงอิงไปบอกแม่ครัวให้ตั้งสำรับที่นี่เพิ่มกับข้าวมาหลายๆ อย่างหน่อย"ร่างอวบที่บางลงหลายส่วนเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิททันที
"เจ้าค่ะ"
ไม่นานอาหารมากมายต่างถูกจัดเตรียมขึ้นโต๊ะอาหาร สองพ่อลูกพลัดกันตักให้กันและกันท่ามกลางความสุข
เมื่ออิ่มดีแล้วก็ให้สาวใช้ยกออกไปทั้งหมด
"ท่านพ่อมีอะไรจะคุยกับลูกหรือเจ้าค่ะ"
"ปิดบังเจ้าไม่ได้จริงๆ คือว่า...อีกสามวันพ่อต้องออกเดินทางแล้ว"
"เหตุใดจึงกระชั้นชิดเล่าเจ้าค่ะ"
"สถานการณ์ชายแดนไม่ดีนัก พ่อคงมิอาจอยู่ร่วมงานแต่งของเจ้า"
"ท่านพ่อ..."
"อย่าได้เสียใจ ไม่ว่าอย่างไรพ่อก็อยู่ข้างเจ้าเสมอ"
"ท่านพ่อต้องกลับมานะเจ้าค่ะ..."
"พ่อสัญญา...ได้ข่าวว่าเจ้านำเงินที่พ่อให้ไปช่วยซื้อไข่กับปลาชาวบ้านมาทำไข่ดองเค็มกับปลาแห้งเพื่อเป็นเสบียงให้พ่อ"
"ลูกมีอีกหลายอย่าง ที่พอจะช่วยเพิ่มเสบียงกองทัพได้พรุ่งนี้ลุกจะรวบรวมไปให้ท่านพ่อที่เรือนใหญ่นะเจ้าค่ะ"
"ดีๆเช่นนั้นพ่อขอตัวกลับเรือนก่อน เจ้าอย่าหักโหมร่างกายให้มากนักพ่อเป็นห่วง"มือที่เริ่มเหี่ยวย่นลูบหัวบุตรอย่างเอ็นดู
แม้รับปากบุตรสาวไว้แล้วว่าจะกลับมา...
แต่มิรู้ว่าจะได้กลับมาหรือตายคาสนามรบหรือไม่...
ตำหนักรุ่ยอ๋อง
ห้องทำงาน
"ว่ามา..."ร่างหนาของผู้เป็นเจ้าของตำหนักเอ่ยสั่งเมื่อเห็นเงาที่มอบหมายภารกิจเข้ามาในห้อง
"คุณหนูรองเลี่ยงเฟิ่งวันนี้..."ชายชุดดำสนิทเอ่ยรายงานความเคลื่อนไหวของว่าที่พระชายาเอกตั้งแต่เช้าจนค่ำอย่างละเอียด
"ไข่นำมาดอง ปลาตาแห้งเช่นนั้นหรือ รึว่านางกำลังวางแผนร้ายอันใดอยู่"ร่างหนาเอ่ยพึมพำอย่างใช้ความคิดท่ามกลางความเงียบกว่าครึ่งก้านธูป
"เจ้าไปตามนางต่ออยู่ห่างๆ ก็พออย่าให้ผู้ใดสงสัย"
"พะยะค่ะ"ชายชุดดำรับคำแล้วหายไปดั่งเงามายา
รุ่ยอ๋องยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อความคิด ว่าที่พระชายาเอกผู้นี้กำลังทำสิ่งใดกันแน่
ผ่านไปกว่าชั่วยามยังคงหาคำตอบไม่ได้...ไปดูให้รู้เรื่องแล้วกัน
"ท่านอ๋องจะเสด็จที่ใดพะยะค่ะ"
"เปิ่นหวางจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย ไม่ต้องตามมา"สิ้นเสียงผู้เป็นนาย ร่างหนาถีบตัวขึ้นใช้วิชาตัวเบาที่ร่ำเรียนจนแตกฉานมุ่งหน้าสู่ถนนทิศตะวันออกของเมืองหลวงในยามราตรี...
___________________________