บทที่6
แผนการนักบุรุษช่างล้ำลึก...
จวนตระกูลอวิ๋น
เรือนคุณหนูสาม
ร่างบางใบหน้างามบิดเบี้ยวหลังจากกลับมาที่จวนของตนเอง โดยมีมารดาฮูหยินรองหลันฮวารออยู่ที่เรือนก่อนแล้ว
"ท่านแม่..."ร่างบางรีบโผกอดมารดาที่ยืนรออยู่ด้านหน้าเรือนอย่างอัดอั้น
"เป็นอย่างไรบ้าง ท่านอ๋องนัดเจ้าไปพบเพื่อพูดคุยเรื่องใดแม่เองก็ร้อนใจแทนเจ้านัก"ฮูหยินรองหลันฮวารีบเอ่ยถามบุตรสาวทันทีด้วยความเป็นห่วง
"คือ...ว่าท่านอ๋องจะให้ลูกแต่งเข้าพร้อมกับสตรีตระกูลหวังเจ้าค่ะ อีกทั้งรับปากจะยกย่องลูกในฐานะเท่าเทียมชายาเอกท่านแม่ท่านข้าจะทำอย่างไรดี ข้าตกปากรับคำท่านอ๋องไปแล้ว"ลี่เหมยเอ่ยขึ้นอย่างไม่ชอบใจแต่มิอาจทำอะไรได้มากนัก
"เหมยเอ๋อร์ บุตรสาวของแม่เจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก"ผู้เป็นมารดาแม้เจ็บใจไม่หายที่บุตรสาวของนางมิอาจได้เป็นชายาเอก แต่เมื่อท่านอ๋องนั้นรับปากที่จะแต่งเข้าตำหนักวันเดียวกันกับบุตรสาวแม่ทัพหวังแน่นอนว่าย่อมเป็นการตบหน้าแม่ทัพหวังและบุตรสาวมากนัก
ช่างสะใจไม่น้อย
"ท่านแม่ ข้าไม่มีทางเลือกเจ้าค่ะ..."
"แต่งเข้าตำหนักพร้อมกัน คืนเข้าหอย่อมเป็นของเจ้าลี่เหมย ว่ากันว่าคืนเข้าหอเทียบได้กับทองพันชั่งอย่าให้พลาดโอกาสเด็ดขาดรู้หรือไม่"
"ท่านแม่พูดเรื่องอันใดก็ไม่รู้..."ร่างบางก้มหน้าเขินอายไม่น้อย ด้วยใกล้ถึงวัยปักปิ่นพร้อมออกเรือนแล้ว มารดาจึงสรรหาหนังสือภาพวาดวิธีปรนิบัติบุรุษที่แพร่หลายนิยมกันในหอโคมเขียวว่ากันว่า ท่วงท่าโลดโผนโจนทะยานสุขสันต์จนบุรุษทั้งรักทั้งหลงไม่ลืมหูลืมตา
"เมื่อเวลามาถึง หากบุตรสาวคนงามของแม่ให้กำเนิดท่านอ๋องน้อยตำแหน่งชายเอกย่อมตกอยู่กลางฝ่ามือบุตรสาวของแม่เป็นแน่"ฮูหยินรองหลันฮวาเอ่ยอย่างยินดี
ท่านอ๋องกับบุตรสาวรักใคร่กันมานานการให้กำเนิดทายาทเชื้อพระวงศ์ย่อมเป็นเรื่องง่าย
"ที่ท่านแม่พูด เรื่องจริงใช่ไหมเจ้าค่ะ"
"เด็กโง่ แม่เคยโป้ปดเจ้าเมื่อใดกัน"
"ข้าล้วนเชื่อฟังท่านแม่เจ้าค่ะ" ใบหน้างามของคุณหนูสามยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
'ท่านอ๋องต้องเป็นบิดาของบุตรชายข้าเท่านั้น..ส่วนชายาเอกในนามผู้นั้นรอก่อนเถอะ...ข้าจะกลั่นแกล้งให้สาสมใจเลยทีเดียว'
__________________________
ตำหนักรุ่ยอ๋อง
ห้องทำงาน
"คาราวะท่านอ๋อง พะยะค่ะ"พ่อบ้านจางวัยล่วงเลยกว่าหกสิบปีเอ่ยทำความเครพผู้เป็นนายหลังจากมีรับสั่งให้เรียกหาเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
"พ่อบ้านจาง ช่วยจัดเตรียมสินสอดเพื่อสู่ขอคุณหนูรองตระกูลหวังตามเหมาะสมพร้อมส่งมาม่าอาวุโสไปอบรมคุณหนูหวังให้รู้มารยาทในการวางตัวเป็นเชื้อพระวงศ์อย่าให้ขาดตกบกพร่องในฐานะว่าที่พระชายเอกของตำหนักรุ่ยอ๋อง"ร่างหนาเอ่ยสั่งเสียงเข้ม
"พะยะค่ะ บ่าวได้จัดรายการไว้บ้างส่วนแล้ว"ใบหน้าเหี่ยวย่นแย้มยิ้มอย่างมีความสุขยินดีที่องค์ชายตัวน้อยในอดีตบัดนี้จะมีคู่ครองที่เหมาะสม ด้วยพ่อบ้านจางนั้นรับใช้ตั้งแต่รุ่ยอ๋องยังเล็ก ติดสอยห้อยตามมาจากตระกูลเดิมของเสียนเฟยผู้เป็นพระมารดาขององค์ชายเก้าหรือรุ่ยอ๋องในปัจจุบัน
"แล้วก็จัดสินสอดอีกหนึ่งขบวนเพิ่มเป็นสองเท่าจำนวณพระชายาเอกส่งไปยังตระกูลเสนาบดีอวิ๋นสู่ขอคุณหนูสามอวิ๋นหลี่เหมยในตำแหน่งชายารองอย่างสมเกียรติ"
"องค์ชาย..."คำอุทานชื่อที่คุ้นเคยที่มิเคยเรียกมากว่าห้าปีหลุดออกจากปากของผู้บ่าวรับใช้อาวุโสที่เหลือเพียงคนเดียว ที่รุ๋ยอ๋องให้ความเคารพนับถือเสมอมา
ด้วยเป็นคนเก่าแก่ของพระมารดา
"เราคิดมาถี่ถ้วนแล้ว..."ใบหน้าหล่อเหลาตึงเครียดรับรู้ว่าหากข่าวนี้แพร่ออกไปย่อมเป็นที่โจษจันฑ์กันทั่วเมืองหลวง
แล้วจะให้เขาทำเช่นไรมิได้รักมิได้ชอบแต่งก็แต่งให้แล้ว...
"ท่านอ๋อง ถือว่าฟังคำบ่าวแก่ๆ ผู้นี้ได้โปรดคิดทบทวนสักครั้ง"
"จัดเรือนฮุ่ยชิวให้พระชายาเอกด้วย เราคิดถี่ถ้วนแล้วคุณหนูรองหวังจะเป็นพระชายาเอกเพียงในนามเท่านั้น ถือว่าทำตามพระประสงค์ของเสด็จพ่อที่รับคำแม่ทัพหวังเอาไว้ ส่วนเรื่องอื่นเรารับผิดชอบเอง"
ร่างหนาสั่งเสียงเข้ม จนพ่อบางจางเซถอยหลังหน้ามืดมีเจียงจูองครักษ์คนสนิทของรุ๋ยอ่องที่อยู่ใกล้ๆ คอยพยุงไว้
"นี่..."
"เจียงจู พาพ่อบ้านจางกลับไปพักเถอะ เราจะทำงานต่อ"ร่างหนาถอนหายใจอีกครั้งด้วยเอ่ยสั่งองครักษ์คนสนิท
"พะยะค่ะ..."
ทางด้านเจียงจูที่พยุงพ่อบ้านจางที่เหมือนจะหน้ามืดขณะอยู่ในห้องทำงานผู้เป็นนายออกมาจากห้อง ขณะเดินผ่านสวนไปยังเรือนที่พักของพ่อบ้านจางที่ท่านอ๋องมีรับสั่งให้ปลูกไว้ใกล้ๆ กับตำหนักใหญ่
"เหตุใดเจ้าถึงไม่ทักท้วงท่านอ๋องบ้างเล่า"เสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นพลางใช้ความคิด
" ท่านพ่อบ้านจางอย่าได้พูดเช่นนั้น ท่านอ๋องเองคงอึดอัดใจไม่น้อยที่ต้องรับพระชายาเอกเป็นคุณหนูรองตระกูลตามคำสั่งของฝ่าบาท ทั้งที่มีใจให้คุณหนูสามบุตรสาวท่านเสนาบดีอวิ๋น อีกทั้งข่าวที่สืบมาพบว่าคุณหนูรองหวังผู้นั้นนิสัยร้ายกาจชอบทุบตีบ่าวไพร่และมีรูปร่างอ้วนเช่นหมูในเล้าด้วยนะขอรับ"เจียงจูเอ่ยขึ้นด้วยเห็นใจเจ้านายตนเองเช่นกันในการถูกบังคับให้แต่งงานเช่นนี้
"เฮ้อ... เจ้าแน่ใจได้อย่างไรลูกพยัตฒ์จะเป็นสุกรในเล้าได้อย่างไร เรื่องนี้ผู้เฒ่าคงต้องขอยุ่งเสียหน่อยแล้ว"
"ท่านพ่อบ้านจางจะกระทำสิ่งใดหรือขอรับ"
"เมื่อข้ามิอาจเอ่ยห้ามได้ ก็ต้องให้ผู้มีอำนาจเหนือกว่าท่านอ๋องเป็นผู้เอ่ย"
"พ่อบ้านจางหมายถึง..."องครักษ์คนสนิทนิ่งอึ้งกับความคิดของชายชรา
โดยที่ชายชราเดินละลิ่วกลับเข้าเรือนตนเองไปนานแล้ว
คงไม่ต้องให้เขาพยุงอีก
ช่างเป็นคนแก่ที่แข็งแรงคล่องแคล้วขัดกับภาพที่จะหน้ามือเป็นลมในห้องทำงานท่านอ๋องไม่น้อย
______________________
เรือนคุณหนูรองหวังเลี่งเฟิ่ง
ร่างบางนั่งลงตรงหน้าคันฉ่องสำรวจใบหน้าของตนเองที่เหล่ารอยตุ่มหนองเริ่มแห้งและไม่เกิดขึ้นมาใหม่ ตุ่มเดิมค่อยๆ จางลงอย่างเห็นได้ชัดและมีโครงหน้าที่คมชัดขึ้นด้วยเพราะตนเองควบคุมอาหารและออกกำลังกายเช้าเย็นอย่างหนัก อาภรณ์ตัวเริ่มรุ่ยร่ายมิกระชับตัวจนสาวใช้ทั้งสามต้องช่วยเย็บแก้ไขใหม่ในทุกเช้า
ใบหน้าอวบง้ำงอด้วยในยุคสมัยนี้ไม่มีเครื่องชั่งน้ำหนัก จึงไม่รู้ว่าน้ำหนักของตนเองลดลงไปเท่าไหร่แล้ว
นางร้ายเช่นนางขัดใจไม่น้อย
"คุณหนูเป็นอะไรไปหรือเจ้าค่ะ"
"ไม่มีอะไร แค่คิดว่าที่นี่เงียบเกินไปไม่มีอะไรทำมากนักเท่านั้นเอง "ใช่แล้วผ่านมาแล้วหกวันกับการต้องอยู่ในร่างนี้ทุกเช้านางมักจะออกกำลังกายสายมาก็รับสำรับเช้าพร้อมพุดคุยบิดาเล็กน้อย นางชอบออกไปเดินเล่นที่สวนในจวนมีดอกไม้งดงามหลายหลายสีสันอิงอิงสาวใช้คนสนิทมักจะหาหนังสือเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวไปเมืองต่างๆ มาให้อ่าน ช่วงเย็นก็ปิดประตูออกกำลังกายอีกหนึ่งชั่วยามแล้วก็พอกตัวพอกหน้าด้วยใบตำลึงกับน้ำผึ้งส่วนผสมบำรุงผิวพรรณที่พอหาได้ในยุคสมัยนี้ วนเวียนเช่นนี้กว่าห้าวันแล้ว
นางเริ่มกำลังเบื่อ...
"พรุ่งนี้ไปเดินตลาดกันไหมเจ้าค่ะ..."
"เป็นความคิดที่ดีไม่น้อย" เลี่ยงเฟิ่งเองก็อยากเห็นการดำเนินชีวิตของคนยุคสมัยนี้เช่นกัน
ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง...
"ไปพรุ่งนี้เช่นนั้น ซินซูเจ้าไปสืบมาหน่อยว่าตลอดสามวันที่พี่ใหญ่ถูกลงโทษนางทำอะไรบ้าง"ผู้เป็นนายเอ่ยสั่งสาวใช้อีกคน ด้วยอยู่กันมาหลายวันซินซูคนนี้มีใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มเข้ากับผู้คนได้ง่ายดูเป็นมิตรและช่างพูด เหมาะกับการให้ออกไปสืบข่าวยิ่งนัก
"เจ้าค่ะ"
คล้อยหลังจากที่สาวใช้นามซินซูจากไป ร่างอวบอ้วนในช่วงก่อนไม่รู้ตนเองเลยว่าเรือนร่างนี้ค่อยๆ บางลงอย่างเห็นได้ชัด นั่งลงบนโต๊ะน้ำชาอย่างใจเย็นพลางรินน้ำสะอาดใส่จอกชาขึ้นจิบเบาๆ
'รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง อ้ายเซียงหากเจ้าล้ำเส้นกับข้าอีกครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าเช่นกัน '
________________
"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวมาแล้ว"ร่างบางของสาวใช้คนสนิทนามซินซู พุ่งเข้าห้องผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว ด้วยความตื่นเต้น
"สำรวมหน่อยซินซู เจ้าจะรีบไปไหนช้าๆ บ้าง เดี๋ยวใครพบเห็นจะว่ามาถึงคุณหนูได้"
"บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ"ซินซูใบหน้าสลดลงเล็กน้อยด้วยรู้ความผิดของตน
"ไม่เป็นไร ได้เรื่องว่าอย่างไรบ้าง"เลี่ยงเฟิ่งเองไม่ได้ถือเอาความนักด้วยรู้สึกว่าสาวใช้ทั้งสามต่างใสซื่อและดูจงรักภักดีไม่น้อย
"ตลอดสามวันที่ผ่านคุณหนูใหญ่ไม่ได้ออกจากเรือนแม้แต่ก้าวเดียวเจ้าค่ะ สาวใช้ที่คอยส่งสำรับเล่าว่าคุณหนูใหญ่ตั้งใจคัดอักษรจารีตสอนสตรีเป็นอย่างมากจนแล้วเสร็จหนึ่งร้อยบทแล้วเจ้าค่ะ"
"ไม่สนุกเอาเสียเลย"เลี่ยงเฟิ่งเอ่ยพึมพำ เท่าที่อ่านบทในซี่รี่ย์นั้นนางเอกของเรื่องหรือพี่หญิงใหญ่มักชื่นชอบลอบออกจวนไปเที่ยวเล่นอยู่บ่อยครั้งนี่หน่า
"แต่สาวใช้คนสนิทคนใหม่ของคุณหนูใหญ่มีพิรุธไม่น้อยเจ้าค่ะ นางซ่อนกระดาษแผ่นนี้ไว้ใต้กระถางต้นไม้ข้างกำแพงจวนทางทิศใต้ที่อยู่อีกฝั่งของกำแพงของเรือนคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ บ่าวจึงเอากลับมาด้วยเพื่อเป็นหลักฐาน" ซินซูรีบหยิบกระดาษแผ่นเล็กที่ถูกพับอย่างดีมาจากที่คาดเอวยื่นให้ผู้เป็นนายทันี
"ทำดีมาก..."ใบหน้าของเลี่ยงเฟิ่งยกยิ้มเอ่ยปากชมซินซูที่ทำได้ดี นับว่าสาวใช้ของนางฉลาดเฉลี่ยวไม่น้อยพลางเปิดดูกระดาษแผ่นเล็กที่สาวใช้หยิบมาจากที่ซ่อน
ใจความในกระดาษ'พรุ่งนี้พบกันที่เดิมยามซื่อ'
ใบหน้างามยกยิ้มเล่ห์
นี่แอบนัดบุรุษด้วยวิธีการนี้ช่างล้ำลึกเช่นนี้แปลว่าเคยทำมาบ่อยครั้งแล้วสินะ
"นำจดหมายไปวางไว้ที่เดิม"
"คุณหนู...เหตุใดไม่บอกเรื่องนี้กับนายท่านเล่าเจ้าค่ะ"
"จับคนทำผิดต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา... อีกอย่างพรุ่งนี้ข้าอยากออกไปเดินตลาดเปิดหูเปิดตาเช่นกัน คงต้องไปของอนุญาติท่านพ่อเสียก่อน"
"นายท่านอยู่ที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ"
"อืม...ไปกันเถอะ"
_______________________
เรือนใหญ่จวนตระกูลหวัง
"นายท่านขอรับ เกรงว่าเสบียงที่นายท่านให้เตรียมเพิ่มเติมอาจมีปัญหานะขอรับ"บุรุษวัยกลางคนเอ่ยขึ้นท่าทางเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
"เพิ่มเงินตำลึงเข้าไปอีกเอาเงินในคลังของจวน การไปชายแดนครั้งนี้มิรู้ว่าจะทำศึกนานเท่าได ทหารเก่งกล้าพร้อมออกรบจากบ้านจากเรือนไปไกลนั้นมีไม่มากนัก จะให้เลี้ยงทหารแบบอดๆ อยากๆ แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปสู้เล่า"
"นายท่าน... สถานการณ์ชายแดนนั้นทำให้ข้าวของที่สามารถกักตุนได้นั้นมีราคาสูงขึ้นถึงห้าเท่ากว่าราคาเดิม ไม่ว่าจะเป็นข้าวเนื้อหมูและผักขอรับเกรงว่าแม้จะนำเงินของคลังในจวนมาใช้ทั้งหมดก็ยังไม่พอขอรับ"
"อืม...เรื่องนี้" มือเหี่ยวย่นตามกาลเวลาลูบเคราตนเองอย่างใช้ความคิดด้วยคิดแก้ปัญหาไม่ตก
หากว่าเป็นเช่นนี้การออกรบในครานี้ย่อมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกเดินทาง
โดยไม่รู้ว่าหนึ่งสตรีนิ่งเงียบฟังบทสนทนาอยู่นานแล้ว
"คาราวะท่านพ่อเจ้าค่ะ"
"เฟิ่งเอ๋อร์หรือ มานั่งลงก่อน พ่อบ้านตู้ไว้ค่อยคุยกันอีกที"
"ขอรับ"
"ท่านพ่อ..."ยังไม่ทันที่เลี่ยงเฟิ่งจะได้เอ่ยอันไดต่อ ร่างหนาของผู้เป็นบิดาลุกขึ้นไปหยิบบัญชีรายการบางอย่างสามปึกวางลงหน้าผู้เป็นบุตรสาว
"นี่เป็นบัญชีสินเดิมมารดาเจ้า พ่อได้เพิ่มสินเดิมให้เจ้าอีกเล็กน้อย"
"นี่..."เลี่ยงเฟิ่งถึงกับพูดไม่ออกด้วยไม่คิดว่าสินเดิมของมารดาและบิดาเพิ่มให้นับว่ามากมายนัก
ดวงตางามเปล่งประกายอีกครั้งเมื่อคิดได้บางสิ่ง
หากว่าพรุ่งนี้ไปตลาดหาวัตถุดิบที่ในยุคสมัยนี้มิรู้วิธีการถนอมอาหารเล่าย่อมช่วยกองทัพของบิดาได้มากเป็นแน่
"เดี๋ยวใกล้วันงานค่อยให้พ่อบ้านนำสินเดิมออกมาทั้งหมดเพื่อตรวจดูอีกครั้ง"
"เจ้าค่ะ ลูกมาขออนุญาติออกไปเที่ยวเล่นสักหน่อยนะเจ้าค่ะท่านพ่อ"
"ได้สิ พ่ออนุญาติหากอยากได้เงินตำลึงเพิ่มไปเบิกที่พ่อบ้านตู้นะ"
"ขอบคุณท่านพ่อมากเจ้าค่ะ"
เลี่ยงเฟิ่งยกยิ้มยินดี ก่อนบิดาออกเดินทางนางจะต้องหาวิธีการเพิ่มเสบียงให้กองทัพให้จงได้
เรื่องพี่หญิงใหญ่ขัดคำสั่งลอบหนีออกจากจวนล้วนเป็นผลพลอยได้ก็แล้วกัน
____________________________
รุ่งเช้า
เลี่ยงเฟิ่งตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ออกกำลังกายทันที เช่นทุกวันกว่าชั่วยามจึงค่อยอาบน้ำจัดเปลี่ยนอาภรณ์เสียใหม่
"คุณหนูใส่ชุดใดดีเจ้าค่ะ"
"ชุดนี้"นิ้วงามที่เริ่มเรียวยาวชี้ไปที่ชุดสีแดงตัดดำปักลวดลายวิหคยามเย็น ไม่นานสาวใช้ทั้งสามก็จัดแต่งอาภรณ์ให้ผู้เป็นนายจนแล้วเสร็จ
"คุณหนูใส่ชุดนี้ งดงามมากเจ้าค่ะ"อิงอิงเอ่ยชมด้วยแววตาระยิบระยับ
"เลิกชม มาทำผมให้ข้าได้แล้ววันนี้ปักปิ่นเพียงชิ้นเดียวพอ"
"เจ้าค่ะ"สาวใช้ที่สาวมฝีมือคล่องแคล้วเพียงครึ่งก้านธููปผมยาวสลวยที่ยาวถึงบั้นท้ายก็ถูกรีดเกล้าขึ้นครึ่งหัวด้านหลังปล่อยให้ยาวตามแบบฉบับสตรีที่ยังมิได้ออกเรือน ผมด้านหน้าถุกถักเปียพาดสลับซ้ายขวายึดด้วยหวีสับอันเล็กและสุดท้ายปักปิ่นทับทิมอันปราณีตงดงามชวนมองไม่น้อย
เลี่ยงเฟิ่งมองสาวใช้ช่วยกันทำผมอดยกยิ้มไม่ได้ทั้งสามดูขยันขันแข็งไม่น้อย
"เสร็จแล้วเจ้าค่ะ แล้วคุณหนูจะให้บ่าวแต่งหน้าให้คุณหนูไหมเจ้าค่ะ"
"ไม่เป็นไรข้าแต่งเอง ไปดูหีบต่างหูที่ประดับอัญมณีสีแดงให้ข้าหน่อย"
"เจ้าค่ะ"
เลียงเฟิ่งมองใบหน้าตนเองในคันฉ่องสีเหลืองทองที่หาในยุคสมัยนี้ แม้ไม่ชัดเจ้ากระจกในสมัยศตวรรษที่ 22 ก็พอใช้ถูๆ ไถๆ ไปก่อน มองใบหน้าร่างใหม่ที่เริ่มมีเค้าโครงที่ชัดขึ้นดวงตาเรียวยาวเชิดสูงแฝงกลิ่นอายอำนาจ จมูกโด่งรั้นขึ้นริมฝีปากบางกระจับได้รูปมีเพียงเนื้อแก้มทั้งสองข้างที่เหมือนอยู่ไม่ถูกที่เท่านั้น
ซึ่งไม่เหนือบ่ากว่าแรงสาวที่มาจากศตวรรษที่ 22 เช่นนาง
ที่ชอบเปรียบเปรยกันลับๆ ว่าเครื่องสำอางทำให้ลูกเป็ดขี้เหร่กลายเป็นหงษ์
นิ้วเรียวยาวหยิบตลับแป้งฝุ่นแตะลองบนผิวโคนนิ้วโป้งซ้ายมือพบว่า แป้งมิได้เนื้อละเอียดมากนักอีกทั้งยังมิอาจปกปิดร่องรอยบนใบหน้าได้ หากต้องการปิดทับรอยต่างๆ คงต้องโบกทั้งตลับเป็นแน่ ด้วยทุกวันอยุ่แต่ในเรือนจึงมิได้จับเครื่องประทินโฉมพวกนี้แม้แต่น้อย คิดแล้วได้แต่ถอนหายใจรีบเปิดตลับที่มีอยู่อีกหลายชิ้นออกดูเพื่อประทินโฉม พบว่าหลายตลับล้วนเป็นสีฉูดฉาดหากแต่งเข้าไปคงเป็นนกแก้วเป็นแน่
"คุณหนูลองเลือกดูนะเจ้าค่ะ"สาวใช้หยิบกล่องต่างหูที่มีกว่าห้ากล่องเรียงรายเป็นระเบียบให้ผู้เป็นนายเลือก
"คู่นี้แล้วกัน"เลี่ยงเฟิงหยิบคู่ยาวที่มีอัญมณีสีแดงเม็ดเล็กประดับห้อยสลับกันหลายเม็ดพลางหยิบขึ้นใส่ด้วยตนเอง
"บ่าวแต่งหน้าให้คุณหนูไหมเจ้าค่ะ"ซินหมี่ที่มองกัปกริยาเจ้านายอยู่นายเอ่ยขออาสาอีกครั้ง
"ไปหาถ่านให้ครัวให้ข้าที พร้อมผ้าสะอาดและน้ำ" เลี่ยงเฟ่งเอ่ยสั่งทั้งที่ยังไม่หันมอง นางกำลังผสมสีที่อยู่ในตลับให้อ่อนลงเพื่อใช้ในครานี้ไปก่อน พบว่าเครื่องประทินโฉมเหล่านี้มีหลากลายสีให้เลือกสรร นางหยิบตลับสีเนื้อที่เข้มกว่าสีผิวนางเล็กน้อยมาผสมแป้งฝุ่นสีขาวแล้วใช้ปลายปิ่นคนให้เข้ากันพบว่าสีอ่อนลงสามารถให้แต่งหน้าได้ มือบางรีบลองกดลงทาบนใบหน้าทั่วทั้งหน้าพบว่าสามารถปกปิดร่อยรองตุ่มได้ทั้งหมดเลี่ยงเฟิ่งยกยิ้มอย่างยินดี รีบหยิบสีปากสีแดงเป็นแผ่นขึ้นงับปากทันทีอย่างพอใจเมื่อมองดูในกระจก
"คุณหนูงดงามมากเลยเจ้าค่ะ"
"คุณหนูเหมือนมีมนตราเสกได้เลยเจ้าค่ะ"
"อืม...ไว้กลับมาข้าจะสอนพวกเจ้าทุกคนนะ "
"เจ้าค่ะ"
"คุณหนูถ่านได้แล้วเจ้าค่ะ ว่าแต่ถ่านนี้เอาไปทำอะไรเจ้าค่ะ"ซินหมี่เอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยความไมม่เข้าใจ
"ทำแบบนี้ไง "เลี่ยงเฟิ่งใช้มีดเล็กเหลาถ่านให้แหลมแล้วเริ่มวาดคิ้วตามแบบฉบับสาวสวยศตวรรษที่ 22ซึ่งใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็เขียนเสร็จเรียบร้อยท่ามกลางความตกตะลึงอ้าปากค้างของสาวใช้ทั้งสาม เลี่ยงเฟิ่งลุกขึ้นยืนเพื่อดูความเรียบร้อยของตนเอง
"เลิกตะลึงได้แล้วรีบไปกันได้แล้ว เดี๋ยวตลาดจะวายเสียก่อน"
"เจ้าค่ะ...เจ้าค่ะ"
"อย่าลืมเตรียมร่มให้ข้าด้วยเผื่อว่าอากาศร้อน"
"บ่าวเตรียมเรียบร้อยเจ้าค่ะ"
"ดีมาก"
____________________________