“น้องดา…น้องดา”
คิมหันต์รู้สึกตัวในตอนเช้าวันใหม่ เมื่อเขาพลิกตัวจะคว้าร่างบางมากอด
แต่กลับพบเจอแต่ความว่างเปล่าดาริกาหนีกลับไปเสียแล้ว เธอคงไม่ให้อภัยเขาอีก
พอคิดได้แบบนี้เขารู้สึกความเย็นเชียบซึมลึกเข้ามาในหัวใจจนหนาวเหน็บไปทั้งร่าง
เขาเป็นเพียงชายคนนึงที่รู้สึกรักเธอจนหมดหัวใจ ถึงแม้จะเป็นหัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผล
น้ำตาลูกผู้ชายค่อยๆ หลั่งรินลงมายามที่ไม่มีดาริกาอยู่ข้างกาย เขารู้สึกราวกับมีเพียงร่างกายที่ไม่มีแม้จิตวิญญาน
ความเจ็บปวดนี้มันเกาะกินหัวใจมานานนับหลายปี สิ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่ในตอนนี้ คือเธอ ที่ยังเป็นลมหายใจ
ดาริกากลับบ้านมาทั้งแต่ตี 5 เธอหวัง ให้ลูกตื่นมาได้เจอเธอในตอนเช้า ไม่อยากกลับมาในสภาพที่ต้องตอบคำถามใครต่อใคร เธอเพียงส่งข้อความบอกผู้เป็นมารดาว่าจะกลับช้าแค่นั้นเอง
“คุณคีรินคะ เสร็จหรือยังคะ เดี๋ยวสายนร้า โดนคุณครูดุแม่ไม่รู้ด้วย”
“เสร็จแล้วครับคุณแม่ คินขอกินแซนวิชแค่ชิ้นเดียว”
เด็กชายตัวอ้วนพูดเสร็จก็รีบงับแซนวิชชิ้นเล็ก ที่ผู้เป็นยายทำไว้ให้กินก่อนไปโรงเรียน
“เรานี่อ่ะนะ ไม่เคยพลาดเรื่องของกินเลยทีเดียว”
เด็กชายยิ้มตาหยี แต่ยังเคี้ยวตุ้ยๆ อยู่ในปาก
ดาริกาขยี้ผมหนูน้อยด้วยความเอ็นดู ยิ่งนับวันหน้าตาคีรินจะเหมือนผู้เป็นพ่อมากขึ้นทุกที
เธอถึงได้รักแล้วถนุถนอมลูกมากเหลือเกิน เพราะเธอรักผู้เป็นพ่อของคีรินมาก
ป่านนี้คิมหันต์คงจะตื่นแล้ว ถ้าตื่นขึ้นมาไม่เจอเธอเขาจะเป็นอย่างไร แต่ก็ช่างเถอะ เขาอยากให้
คิมหันต์ได้รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดเสียบ้าง เหมือนเฉกเช่นอดีตที่เขาได้ทำกับเธอเอาไว้
หญิงสาวจอดรถที่หน้าโรงเรียนอนุบาล แล้วจูงเด็กชายเดินเข้าไปส่ง
“แม่ครับวันนี้ตอนเย็นคินจะได้ไปกิน ไอติมอีกมั้ย ค้าบ”
ดาริกานึกขัน ความกินจุแบบนี้คีรินได้จากใครมานะ เพราะในแต่ล่ะวันเด็กชายพูดแต่เรื่องเมนูอาหาร แม้แต่นอนละเมอยังเรียกเป็นชื่อของอาหาร
“ได้สิคะ ถ้าแม่เสร็จงานไว เราไปกินไอติมกันนะ”
“สัญญานะครับแม่”
เด็กชายตัวอ้วนทำท่าดีใจพร้อมชูมือทำท่าสัญลักษณ์สัญญากับผู้เป็นแม่
“น้องดา…”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้น หญิงสาวหันควับไปหาด้วยความตกใจ
“พี่คิมหันต์…ตามมาที่นี่ทำไมคะ ดาว่าเราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”
เด็กชายตัวน้อยรีบวิ่งไปหาคิมหันต์
“คุณลุง ว่าคุณลุงชื่ออะไรนะครับ”
“ตาคิน เข้าไปในโรงเรียนได้แล้ว”
ดาริการีบมาดึงลูกให้เข้าไปโรงเรียน
“ไม่ครับ คินไม่ไป คินจะคุยกับพ่อ ทำไมแม่ไม่บอกคินว่าพ่อกลับมาแล้ว”
คิมหันต์ตะลึง! เมื่อได้ยินหนูน้อยพูดแบบนี้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนามสกุลที่ปักอยู่บนอกเสื้อของหนูน้อย
“นี่มันอะไรกันดา ดามีลูกกับพี่ ทำไมดาไม่บอกพี่ คีรินคือลูกของพี่”
หญิงสาวนิ่งงันไม่รู้จะตอบเขายังไง เธอไม่คิดว่าเหตุการณ์มันจะกลายมาเป็นแบบนี้
"แม่บอกว่าพ่อชื่อคิมหันต์ รุ่งระวีกุล ผมใช้นามสกุลเดียว กับพ่อไงครับพ่อกลับมาแล้ว กลับมาอยู่กับคินกับแม่ตลอดไปใช่มั้ยค้าบ"
“คุณคินแม่ว่าคุณคินเขาไปเรียนก่อนดีมั้ย เดี๋ยวเข้าเรียนสายนร้าา”
หญิงสาวพยายามจะดึงเด็กชายออกมา
“พ่อกลับมาแล้วครับ คินเข้าไปเรียนก่อนนะ ตอนเย็นเดี๋ยวพ่อมารับกับแม่ โอเคมั้ย”
คิมหันต์นั่งลงบอกลูกชายเขาพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกไม่ให้น้ำตาไหลร่วงออกมา
“โอเคครับ คินจะรอนะค้าบ คินมีพ่อแล้ว เพื่อนๆ จะได้เลิกล้อคินสัก”
น้ำตาของชายหนุ่มไหลพร่วงพรูออกมาที่กลั้นเอาไว้ไม่ได้ผลอีกต่อไป เขาโผเข้ากอดเด็กชายตัวน้อย
ความรู้สึกประดังประเดเข้ามาจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร แต่ตอนนี้เขารู้สึก
มีความสุขปนเจ็บปวดที่ไม่ได้อยู่ในวันที่หนูน้อยเกิด ไม่ได้ดูแลดาริกาตอนที่เธอมีช่วงชีวิตที่ลำบาก
ความรู้สึกเคืองแค้นหายไปหมดเหลือความรู้สึกผิดที่วันนั้นไล่เธอกลับมาพร้อมลูกในท้อง
หญิงสาวยืนดูภาพตรงหน้าด้วยน้ำตาที่ไหลริน มันยากเกินจะอธิบายกับเหตุการณ์ตรงหน้า
หลังจากส่งคีรินเข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว
“ดามากับพี่ คราวนี้เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวเลย”
ดาริกาไม่พูดอะไรเธอปล่อยให้คิมหันต์พาเธอออกมา หยาดน้ำตายังคงร่วงเปราะดุจดังไข่มุกอยู่บนใบหน้าที่งดงามของเธอ มือกร้านใหญ่ของเขาหยิบผ้ามาซับน้ำตาให้เธอ สีหน้าขาวซีดราวเทียนไขของดาริกาบีบเค้นหัวใจเข้าให้เจ็บปวดเกินทน