เสียงปืนดังขึ้นหลายนัดทำให้ปกรณ์ที่นอนซบอกอุ่นของนางพรายสาวสะดุ้งสุดตัว เขาผงกหัวขึ้นมองเลิ่กลั่กซ้ายขวาตามวิสัยทหารที่เคยฝึกเมื่อได้ยินเสียงปืน
"มีอะไรหรือจ๊ะ ผัวจ๋า"ผีพรายสาวเอ่ยขึ้นเมื่อปกรณ์ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า
"เสียงปืนพี่นะ อยู่ไกลๆนี้เองหลายนัดซะด้วยคงอยู่ในอันตราย"
"ไม่มีอะไรหรอกมั้งจ๊ะแค่เจอเสือเจอหมี"นางพรายพูดไปใช้นิ้วม้วนผมยาวสลวยไป
"นั้นแหละที่อันตราย"ปกรณ์พูดสะพายเป้หลังของตนก่อนเดินมุ่งหน้าไปทางเหนือเลียบลำธาร
"ไม่ได้จ้ะ ไปทางนั้นไม่ได้จ้ะ"นางพรายสาวเข้ามาขวางหน้าชายหนุ่มไว้
"ทำไมจะไปไม่ได้ในเมื่อเสียงปืนมาจากตรงนั้น หลีกไปอย่ามาขวาง"ปกรณ์เดินต่อไม่สนใจ นางพรายน้อยกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจ
"พี่ไม่รักหนูแล้วหรอ"คำพูดเด็ดขาดที่อิสตรีมักใช้กับบุรุษ
"ไม่ ไม่เคยรัก ไม่มีในความคิด"แต่ใช้ไม่ได้กับปกรณ์ นางพรายหน้าบูดบึงตึงลอยไปดักด้านหน้าอีก
"ก็บอกว่าไปไม่ได้ๆไงทางนั้นมันมีผี...อุบ"นางพรายตะครุบปากตนเอง ปกรณ์เหลียวกลับมามองหล่อน
"มีอะไรนะนังผีชะนีน้อย"
"ไม่บอกต้องเรียกหนูดีๆก่อน จุ๊บหนูด้วย"นางพรายสาวเจ้าเล่ห์ยิ้มหวาน ปกรณ์ร้อนใจเป็นห่วงนรินทร์จึงทำตาม
"แม่พรายน้อยคนสวยของพี่ทางนั้นมันมีอะไรจ้ะ"ปกรณ์กัดฟันพูดเสียงหวาน นางพรายสาวหัวเราะคิกคักดีใจทำปากจู๋ยื่นให้เขา
"เอ้า จุ๊บก็จุ๊บ"ปกรณ์ยื่นปากตนไปแตะปากนางพรายเบาๆ พรายสาวยิ้มเขินหน้าแดงแต่ปกรณ์ทำหน้าขยะแขยง
"จะบอกมาได้หรือยัง"
"เพื่อจูบที่แสนอ่อนหวานหนูยอมบอกก็ได้ ทางเหนือของต้นน้ำมีหมู่บ้านผีอยู่ใครที่หลงเข้าไปในเขตมันเป็นผู้หญิงมันจะจับกินส่วนผู้ชายมันจะเอาเป็นผัว เพราะงันหนูถึงไม่อยากให้พี่ไป"นางพรายลอยมาเกาะแขนออดอ้อน ปกรณ์ตกใจ'นี่จะมีผีชะนีที่ไหนมาแย่งสามีในอนาคตของเขาอีกแล้วหรอ
"ไป ไปกันเธอต้องไปกันฉัน"ชายหนุ่มเดินนำลิ่วไปถึงจะกลัวผี แต่เพื่อว่าที่ผัว กรณ์จะไป
นรินทร์กระชับปืนในมือแน่นเข้าไม่ลั่นไกยิงอีกเพราะถึงยิงไปก็ไม่มีประโยชน์นางผีปีศาจทั้งสองไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย สมองนายทหารหนุ่มตื้อตันไปหมด ในใจตอนนี้คิดถึงคำหลวงตาที่เลี้ยงเขามาได้สอนไว้ นรินทร์เลื่อนปืนปลดลูกกระสุนทั้งหมดที่เหลือเพียงสองนัดออกมากำในมือ ยกขึ้นเหนือหัวคิดถึงคุณงามความดีที่ได้ทำไว้แล้วนึกแผ่เมตตาให้วิญญาณร้ายทั้งสองก่อนจะดันลูกกระสุนใส่รังเพลิง
แต่ช้าไปเสียแล้ว นางอินกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มแผ่กรงเล็บแหลมยาวงองุมจ้องจะเล่นงานเหยื่อ
"ไม่......."เสียงพิมพลอยร้องลั่นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่ทรุดลง
"กรี๊ด.....อีผีชั้นต่ำ อีผีสัมภเวสีมึงทำผัวกูหรอ"นางพรายร้องลั่นเมื่อเห็นปกรณ์กระโดดเข้าไปขวางหน้านรินทร์จนโดนนางผีตนๆที่ทำร้ายชายหนุ่ม
นรินทร์ตกตะลึงชั่วครู่ ก่อนจะประทับปืนขึ้นบ่าเล็งยิงอย่างประณีตที่หัวของผีนางอิน วิญญานผีตนพี่กรีดร้องลั่นร่างค่อยๆแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ผีนางอรตกใจเห็นพี่สาวหายไปต่อหน้าต่อตาจะกระโดดเผ่นหนี แต่นรินทร์ก็ไม่รอช้าส่งกระสุนอีกนัดเข้าจุดตาย ผีนางอรหล่นตุ้บกรีดร้องดิ้นทุรนทุรายแตกสลายเช่นเดียวกัน
นรินทร์ทิ้งปืนลงมองดูปกรณ์ที่โดนกรงเล็บแหลมข่วนเป็นแผลที่หน้าอกกับพิมพลอยที่นั่งตัวสั่นอยู่ใกล้ๆ
"ไปดูเมียพี่เถอะจ้ะ เดี๋ยวผัวหนู หนูดูเอง"นางผีพรายรีบบอก ปกรณ์ได้แต่กวักมือไหวๆเรียกนรินทร์แต่ชายหนุ่มเดินไปหาภรรยาเสียแล้ว
"อย่าไปเรียกเข้าสิ เมียพี่อยู่นี้"ผีพรายสาวจับแขนปกรณ์กลับฉีกเสื้อปกรณ์เปิดออกดูแล้วยิ้มกว้าง
"ว้าย..แผลลึกนะเนี่ยสงสัยจะได้ตายเป็นผีมาอยู่ด้วยกัน"ผีสาวร้องแสร้งร้องลั่นปกรณ์ตกใจรีบลุกขึ้นดู รอยแผลที่หน้าอกเขามีเพียงแค่รอยข่วนถากๆนิดหน่อยเท่านั้นเพราะมนต์ของนางพรายช่วยบังชายหนุ่มไว้
"พิมครับเป็นอย่างไรบ้างครับ"นรินทร์ช้อนพิมพลอยวางบนตัก หญิงสาวมีอาการตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด
"ปลอดภัยแล้วนะครับพิม ปลอดภัยแล้ว"นายทหารหนุ่มกอดพิมพลอยแน่นก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างหวงแหน
"พี่นะพบคุณพิมแล้วหรอ"ปกรณ์เดินมาใกล้หน้าตาเศร้าๆแต่ก็ฝืนยิ้มดีใจกับชายหนุ่ม
"ขอบใจนะกรณ์ เอ็งเป็นน้องที่ช่วยพี่ไว้เสมอ"นรินทร์หันมาขอบใจ แต่ปกรณ์เหมือนจุกที่ลำคอฝืนยิ้มให้พี่นะของตน
"ว้าย น้องชาย อย่าหวังเยอะนะจ๊ะเมียเขานอนทนโท่อยู่โน้น อิอิ"ผีพรายสาวลอยมากระซิบใกล้หูปกรณ์อย่างหมั่นไส้ปนขบขัน
"เธอก็อย่าหวังเยอะยัยผีชะนี"ปกรณ์ก่นด่าลอดไรฟันเบาๆแต่ผีพรายสาวหัวเราะคิกคักตามเดิม
"ก็ต้องคอยดูกันไปนะคะผัวขา"นางพรายยิ้มหน้าระรื่นก่อนลอยหายไป
จันทราลาลับขอบฟ้า ทิวามาส่องแสง ทั่วทุกหนแห่งในลำเนาไพรนี้ดูสว่างไสวผิดกับเมื่อคืนที่แสนจะน่ากลัวยิ่งนัก นรินทร์นั่งประคองกอดกายอุ่นของหญิงสาว พิมพลอยตัวร้อนดั่งไฟสุมปากแผลที่สะโพกบวมขึ้นชายหนุ่มทุกข์ใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย
"พี่นะ นี้ก็เช้าแล้วเราออกจากไอ้หมู่บ้านผีนี้กันเถอะ จะได้พาคุณพิมไปรักษาที่หมู่บ้าน"ปกรณ์พูดอย่างเป็นห่วงมองดูซากไม้ผุพังที่ครั้งหนึ่งเหมือนเคยเป็นหมู่บ้านมาก่อน
"ฉันก็อยากพาเขาไปให้ไวที่สุด แต่ดูสิตอนนี้แม้แต่จะลืมตาเขายังทำไม่ได้เลย"ร่างหญิงสาวนอนซมเพราะพิษไข้จากการเหน็ดเหนื่อยที่ฝืนร่างกายของตนเองจนเกินขีดจำกัด
"ถ้างันเราก็ทำเปลสนามหามเขาไปกัน"ปกรณ์เสนอความคิด นรินทร์ตาลุกวาววิธีง่ายๆแบบนี้ทำไมเขาคิดไม่ได้นะ ชายหนุ่มรีบไปตัดไม้ไผ่ขนาดยาวพอดีมาสองอันใช้เป็นคานเปลสำหรับหาม ปกรณ์ค้นเป้เอาผ้าห่มทหารของเขาออกมากางแบ่งผ้าห่มเป็นสามส่วน ส่วนแรกวางคานหามอันที่หนึ่งบนผ้าแล้วพับผ้าส่วนแรกมาทับจากนั้นวางคานหามอันที่สองทับผ้าส่วนที่หนึ่งและส่วนที่สองแล้วจึงพับส่วนที่สามมาทับอีกที ได้เป็นเปลสนามขนาดพอดีตัวใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยชั่วคราวได้ตามวิชาทหารที่เรียนมา
"ขอบใจมากนะกรณ์ มีเอ็งพี่อุ่นใจเสมอน้องรักของพี่"นรินทร์ตบไหล่ปกรณ์เบาๆ ชายหนุ่มรุ่นน้องยิ้มรับอย่างขมขืน 'น้องรักงันหรอ แล้วพี่เคยรักน้องคนนี้จริงๆบางไหม'ปกรณ์ได้แต่คิดแต่ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยออกไป
ปกรณ์หนุ่มตี๋หน้าหวานรูปร่างผอมสูงเกิดในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน อากงและอาม่าของเขาไม่เห็นด้วยที่พ่อของปกรณ์รักใคร่ชอบพอกับแม่ที่เป็นคนไทยจึงบังคับให้พ่อแต่งงานกับคนอื่น โดยปกรณ์เป็นลูกนอกสมรสที่เกิดจากพ่อและแม่ของเขาแอบได้เสียกัน ปกรณ์เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อเพราะนอกนั้น ลูกที่เกิดจากแม่ใหญ่เมียแต่งของพ่อมีแต่ผู้หญิงถึงสามคน ทำให้อากงกับอาม่าต้องรับเขาเป็นหลานทั้งที่จงเกลียดจงชังแม่ของชายหนุ่มมาก การอยู่ในบ้านที่มีทั้งแม่ใหญ่ที่คอยจิกกัดเหน็บแหนมกลัวว่าเขาจะได้สมบัติทั้งหมดและสามสาวปีศาจลูกสาวของหล่อนที่แสนชั่วร้ายจนแม่ของเขาตรอมใจตาย ทำให้ปกรณ์ตั้งแง่เกลียดสตรีเพศเข้าใส้ เพราะความจุกจิกชอบสอดรู้สอดเห็นชอบกระแนะกระแหนทำให้ปกรณ์ไม่ถูกกับคนในบ้าน เขาจะแอบมาเล่นนอกบ้านที่วัดไทยใกล้ๆเสมอ จนได้เจอกับนรินทร์หรือพี่นะของเขา นรินทร์เป็นเหมือนเพื่อน,พี่ชาย,เป็นแบบอย่างสำหรับเขา เขาสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยก็เพราะนรินทร์ทั้งที่ครอบครัวอยากให้สืบทอดกิจการของ แต่ปกรณ์มองว่าหากเขารับกิจการต่อจากที่บ้านจะเกิดเรื่องวุ่นวายไม่จบสิ้นจากสามสาวปีศาจ จึงเลือกเป็นข้าราชการกินเงินเดือนอันน้อยนิดแต่สบายใจกว่า
'ไอ้กรณ์อาป๋าของลือป่วยเพราะลูกอย่างลือไม่เอาไหนทำให้อีเสียใจ'เสียงอาม่าก่นด่าเขาหลังจากเข้าเรียนจบโรงเรียนนายร้อยโดยไม่ได้บอกที่บ้าน
'อาป๋าป่วยใช้เงินเยอะเงินจะตายอั้วไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกนะ"พี่สาวคนโตของเขาบ่นทั้งที่เป็นคุมกิจการส่วนใหญ่ของครอบครัว
'อั้วก็ไม่ว่างมาดูแลหรอกนะ กิจการผัวอั้วก็มีต้องดูแลจะให้เอาเงินของทางโน้นมาให้ทางนี้ไม่ได้หรอกนะ'พี่รองก็ติดสามีจนรีบปฏิเสธ
'จะให้อั้วมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวก็ไม่เอาด้วยหรอกนะขยะแขยงเล็บสวยๆเสียหมด'น้องสาวคนเล็กที่อยู่บ้านเฉยๆได้แต่ทำสวยไปวันๆก็ปฏิเสธที่จะดูแลผู้เป็นพ่อ
ปกรณ์จึงรับภาระทั้งหมดทั้งดูแลพ่อ และหาเงินใช้จ่ายเรื่องการพยาบาล โชคดีที่เขามีสิทธิข้าราชการเบิกค่ารักษาพยาบาลบางส่วนได้บ้าง เพราะเหตุหนีจึงทำให้ปกรณ์ไม่เคยมีแฟนหรือเหลียวมองผู้หญิงคนไหนเลย
"ไอ้กรณ์ไปกันเถอะ"นรินทร์เห็นนายทหารรุ่นน้องนั่งเหม่อจึงทักขึ้น
"ครับ"ปกรณ์รับคำ ช่วยกันหามร่างของหญิงสาวที่หมดสติไปจากหมู่บ้านร้างกลางป่าแห่งนี้
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นไม่ไกลนัก หลังจากที่พวกเขาเลียบลำธารลงมาได้ไม่เท่าไหร่
"เสียงปืนนิพี่นะ"ปกรณ์รัองถามขึ้น
"สงสัยจะเป็นพวกอูเล"นรินทร์ยิ้มดีใจทางรอดจากป่าของเขากำลังมาแล้ว
นายทหารหนุ่มทั้งสองรู้สึกดีใจรีบหามเปลมุ่งหน้าไปยังต้นเสียง ปัง!เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด นรินทร์เงี่ยหูสดับฟัง
"หยุดก่อนไอ้กรณ์ เสียงเมื่อกี้มันเสียงปืนM16 "ปกรณ์ทำหน้าฉงนเมื่อนรินทร์หันมาถาม
"น่าจะใช่ แล้วทำไมหรอพี่"
"พวกเราไม่มีใครถือปืนรุ่นนี้มาเลย เร็วหลบก่อนเร็ว"นรินทร์ฉุกคิดหาที่แอบกำบังดูสถานการณ์อยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบ
"พี่นะคิดว่าพวกไหน"นรินทร์มองไปยังร่างของมนุษย์ที่เดินออกมาจากแนวป่าอีกฝั่งของลำธารประมาณ5-6คนที่ล้วนเป็นชายฉกรรจ์อาวุธครบมือ
"พวกขนของเถื่อน ฉันตามรอยพวกมันอยู่ตอนที่ได้เจอคนเจ็บในป่าที่นี้แหละ"นรินทร์นึกเจ็บใจที่ไม่สามารถทำหน้าที่รั้วของชาติได้ตอนนี้เนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย เพราะมีแค่ปืนเพียงหนึ่งกระบอกที่ไม่มีลูก กับคนสามคนที่เจ็บไปหนึ่งเท่านั้น
"ทำไงดีล่ะพี่นะ"
"เฉยๆไว้ก่อน ตอนนี้พวกมันไม่เห็นเรา ปล่อยให้พวกมันผ่านไปเพราะทำอะไรตอนนี้ไม่ได้เลย"นรินทร์กัดฟันแน่นนึกแค้นใจเลือดชายชาติทหารไหลเวียนอย่างร้อนรน
กลุ่มคนไม่ทราบฝ่ายขนบางอย่างในลังไม้ข้ามลำธารเข้าไปป่า ปกรณ์ถอนหายใจโล่งอกที่พวกมันไม่ทันสังเกตเห็น นรินทร์ให้สัญญานออกจากที่สุ่ม ทั้งสองค่อยๆยกเปลสนามขึ้นเดินต่อเลียบลำธารไป
"เดี๋ยวจะไปไหนคิดว่าพวกข้าไม่รู้หรอ"ปลายกระบอกปืนจ่อเล็งมาที่นรินทร์และปกรณ์ ชายหนุ่มทั้งสองหยุดเดิน
"ไง ไอ้พวกทหารพาคนเจ็บมาด้วยนี่เอง"หนึ่งในพวกนั้นชะโงกดูภายในเปลแล้วหันไปซุบซิบกัน ชายวัยกลางคนที่ดูอายุมาที่สุดในกลุ่มคล้ายเป็นหัวหน้ารีบเดินเข้ามาดู
"หมอ นั่นใช่หมอพิมหรือเปล่า หมอเป็นอะไรพวกแกทำอะไรหมอ"ชายที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้นรีบวิ่งมาดูที่เปลสนาม
"เขาได้รับบาดเจ็บไม่สบายหนัก พวกเรากำลังพาเขาไปรักษาที่หมู่บ้าน"นรินทร์ตอบนิ่งๆนึกสงสัยว่าคนพวกนี้รู้จักพิมพลอยได้อย่างไร
"พวกแกพาหมอไปกับพวกฉัน"พวกมันพูดขึ้น นรินทร์ยืนนิ่งไม่ขยับเดินตามจนโดนปลายกระบอกปืนกระทุ้งที่หลังเข้า แล้วกระชากปืนที่ไหล่เขาไป
"อย่าลีลารีบเดิน"เสียงข่มกำชับเข้มนรินทร์จนใจต้องเดินหามเปลตามพวกคนแปลกหน้าที่พึ่งพบเจอไป
การเดินทางโดยแบกคนเจ็บไปด้วยในป่าไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะบางช่วงก็เป็นป่าหนาทึบจนไม้สามารถมองเห็นแสงสว่างจากดวงตะวันด้านบนได้ บางตอนก็ต้องเดินฝ่าพงหนามในดงไผ่จนทำให้หนามแหลมเกี่ยวเนื้อจนได้แผล แต่นายทหารทั้งสองก็ไม่ปิดปากบ่นยังคงหามเปลที่มีร่างพิมพลอยไปโดยไม่ให้กระทบกระเทือนหญิงสาวเลย
"พี่นะมันจะพาพวกเราไปไหน"ปกรณ์แอบมากระซิบถามหลังจากที่พวกมันสั่งให้หยุดพักได้
"ไม่รู้สิ ตามพวกมันไปก่อนตอนนี้พวกเราเป็นรองอยู่"นรินทร์ตอบ ปกรณ์พยักหน้าเข้าใจ
"คุยอะไรกัน ลุกๆรีบเดินต่อ"หนึ่งในพวกมันพูดขึ้น นรินทร์หันไปลูบศีรษะร่างหมดสติของพิมพลอยเบาๆ
"ทนหน่อยนะคุณพิม"ร่างบางนิ่งไม่ตอบสนอง นรินทร์เป็นห่วงหญิงสาวก้มลงจุมพิศที่หน้าผาก
"เฮ้ย! แกทำอะไรหมอ"ร่างนรินทร์ถูกกระชากไหล่ นายทหารหนุ่มหันมองหัวหน้าของพวกมันที่ยืนอยู่ด้านหลัง
"แล้วพวกแกจะทำไม นี่เมียเขาผัวเขา จะทำอะไรกันก็เรื่องของเขา"ปกรณ์ปราดเข้ามาขวางหน้าทั้งสองไม่ให้ปะทะกัน
"อะไรนะ ผัวเมีย พวกแกอย่ามาโกหกหมอพิมยังไม่แต่งงานแล้วมันจะเป็นผัวหมอได้ยังไง หรือว่าแกข่มขืนหมอ"ร่างใหญ่ชี้หน้านรินทร์อย่างโมโหกับเรื่องราวที่ได้รับรู้
"เขาเป็นสามีของเราอูซอ"เสียงแหบพร่าดังขึ้นจากร่างที่อยู่บนเปลสนาม
"พิมพลอย/หมอ"เสียงดังเรียกหญิงสาวขึ้นพร้อมกัน พิมพลอยลืมตาปรือหน้าและปากซีดเซียว
"คุณเป็นอย่างไรบ้างพิมพลอย"
"หมอๆฟื้นแล้ว"ชายทั้งสองมารุมไถ่ถามอาการพิมพลอย หญิงสาวยิ้มน้อยๆก็ยันกายขึ้นแต่ดัวยร่างกายที่ยังไม่แข็งแรงทำให้หญิงสาวล้มตัวลงอีก
"คุณยังไม่แข็งแรงอย่าพึ่งลุกเลย"นรินทร์เข้าประคองร่างบาง
"ใช่ๆหมอนอนก็เถอะ"อูซอรีบบอกอย่างเห็นด้วย
"ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ไหน แล้วอูซอล่ะจ้ะมาได้ไง”
"ฉันกำลังพาหมอไปรักษาที่หมู่บ้าน"อูซอแย่งพูดขึ้น
"ขอบใจนะอูซอ" อูซอหันมายิ้มอย่างได้หน้าให้นรินทร์เป็นการเยาะเย้ย
"ไอ้หมอนี้มันเป็นอะไรของมันพี่นะ"ปกรณ์ถามขึ้นอย่าสงสัยในท่าทีของอูซอ
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันมีความรู้สึกว่าเรื่องวุ่นๆกำลังตามมา"