บนบ้านไม้ยกสูงหลังคามุงด้วยหญ้าของตาเฒ่าอูเล มะเมียะและพิมพลอยนั่งรออย่างร้อนใจ สาวน้อยชะเง้อคอยาวออกไปดูตามทางเดินแนวชายป่ามืดมิดไร้วี่แววของคนที่ออกไปตามหา
"เที่ยงคืนกว่าแล้วนะหมอพิมพวกนั้นยังไม่กลับมาเลย"เสียงเด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นกังวล
"ฉันรู้สึกไม่ดีเลย มะเมียะ"พิมพลอยบอกขณะนี้สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก
"หมอพิม ไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ เดี๋ยวพวกชาวบ้านก็คงหาเจอ"มะเมียะปลอบพิมพลอย ถึงหล่อนจะนึกชังน้ำหน้าแม่คนกรุงนั้นอยู่บ้างแต่ก็รู้สึกใจหายที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
"เพราะฉันแท้ๆเลยมะเมียะ ถ้าฉันไม่ลืมสร้อยไว้คุณลดาคงไม่มารับเคราะห์แทนฉันแบบนี้"
"หมอพิมอย่าโทษตัวเองเลยจ้ะ ถ้าแม่นั้นไม่อยากได้ผัวคนอื่นคงไม่เป็นแบบนี้ต่างหาก"มะเมียะอดไม่ได้ที่จะค่อนแคะจนพิมพลอยหันมาตีที่แขนเบาๆ ประโยคแย่งสามีที่มะเมียะพูดแทงในใจคนฟังให้เจ็บแปลบ ดูเหมือนว่าจะเป็นเธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายที่สมควรถูกตราหน้า ทั้งสองอาจจะคบกันมาก่อนอยู่แล้ว
"หมอพิมนอนก่อนไหมจ๊ะดึกแล้ว"เด็กสาวเอ่ยถามขึ้น
"มะเมียะง่วงก็นอนก่อนเถอะ ฉันจะรอก่อน"พิมพลอยส่ายหน้าปฏิเสธ มะเมียะจึงล้มตัวลงนอนใกล้ๆหญิงสาวพิมพลอยปิดปากหาวน้อยๆทั้งที่เธอยังเป็นกังวลอยู่แต่ทำไมรู้สึกง่วงเหลือเกิน สายลมพัดเอาอากาศเย็นๆมากระทบผิวกาย พิมพลอยห่อไหล่ด้วยความหนาว ตาปรือลงเหมือนจะหลับเสียให้ได้ จมูกต้องกลิ่นบางชนิดลอยมาตามลมเหมือนจะหอมก็ไม่เชิง กลิ่นเอียนๆจนรู้สึกคล้ายมึนเมาอยากเข้าสู่ห้วงนิทราเสียให้ได้
"นายทหารทางนี้ๆ เจอแล้วๆ"เสียงชาวบ้านร้องขึ้นขณะที่พวกของนรินทร์กำลังเดินกลับหมู่บ้าน ทุกคนกรูกันเข้าไปตามเสียงร้องเรียก ร่างของลดานอนหมดสติพิงโคนต้นไม้ใหญ่อยู่ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน แต่ไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บอื่นใบหน้าของหล่อนชีดขาวราวกับกระดาน
"ลดาๆ"นรินทร์เขย่าตัวปลุกร้องเรียกชื่อของหล่อน แต่ไม่เป็นผลจึงรวบร่างหญิงสาวอุ้มขึ้นรีพาร่างไร้สติออกมาจากป่า
"พวกเราตามหาที่นี่ไปแล้วนะครับทำไมเราไม่เห็น"คนขี้สงสัยอย่างปกรณ์ทักขึ้นมองภูมิทัศน์คุ้นตาในความมืด ถึงป่าจะมืดทึบเพียงใดแต่ชายหนุ่มจำไม่ผิดแน่ว่าเคยเดินผ่านต้นไม้นี้ไปแล้ว ต้นตะแบกใหญ่สูงชะลูดลำต้นทอดยาวขึ้นสู่ฟ้า
"ผีคงบังตาเราไว้"คะหยิ่นตอบขณะเดินตามหลังพวกของนรินทร์ไป
"ไม่หรอกไอ้คะฉิ่น เราตามรอยมันไปรอยก็ยังเห็นชัดว่าอุ้มแม่หนูนี้ไปด้วย แต่รอยมันเหมือนหลอกให้เราตามลึกเขาไปและหลงทางในป่าแล้วมันก็ย้อนกลับมาทิ้งแม่หนูนี้ไว้"ผู้เป็นพ่ออย่างอูเลแสดงความคิดเห็น
"แล้วมันจะหลอกเราให้หลงทาง แล้วย้อนกลับมาปล่อยเหยื่อไว้หรอ ทำไปทำไม"ปกรณ์เอ่ยขึ้นอีก
"เพราะมันไม่ได้ต้องการตัว แค่ใช้แม่หนูนี้เป็นเหยื่อล่อให้เราตามหา"
"แล้วมันต้องการอะไรล่ะพ่อ"คะฉิ่นยังสงสัย
"บางอย่างที่อยู่ในหมู่บ้านเรา"ตาเฒ่าเอ่ยเสียงเรียบเมื่อนรินทร์ฟังอูเลพูดจบเหมือนเลือดจับตัวแข็งเป็นก้อนกายเย็นเฉียบไปถึงขั้วหัวใจ
"พิมพลอย!!"
เสียงร้องไห้โหยหวนราวกับจะขาดใจเหมือนดังอยู่ไม่ไกลนักดึงโสตประสาทหญิงสาวที่ใกล้เคลิ้มหลับตื่นจากภวังค์ขึ้น พิมพลอยเขย่าแขนมะเมียะเพื่อปลุกให้ตื่นแต่ไม่เป็นผล เด็กสาวยังหลับเป็นตาย หญิงสาวรวบรวมความกล้าก้าวลงจากบันไดเปิดไฟฉายสาดส่องลงไปด้านล่าง ลำไฟฉายตกกระทบร่างของใครคนนึงเป็นที่มาของเสียงร้องไห้นั้น
"ใครน่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"พิมพลอยตะโกนถามไปแต่ร่างนั้นยังร้องไห้อยู่เหมือนเดิมไร้ซึ่งเสียงตอบรับ ด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวก้าวเดินไปหาทันที
"รัองไห้ทำไมคะ ให้ฉันช่วยอะไรไหม"พิมพลอยเอื้อมมือจะไปแตะที่ไหล่ เมื่อลำแสงไฟฉายส่องชัดให้เห็นร่างหญิงสาวชาวบ้าน ผมยาวปล่อยสยายลงกลางหลัง
"หมอพิมไป..หนี...ไป"เสียงพูดเย็นจับใจ ร่างนั้นค่อยๆหันมาใบหน้าขาวซีด ในตาแดงกล่ำมีลิ่มเลือดทะลักออกจากปากเวลาพูด พิมพลอยจำใบหน้านี้ได้ดี
"ปาลี!"หญิงสาวก้าวเท้าถอยหลังด้วยความตกใจจนปะทะร่างของใครอีกคนทำให้เธอล้มลง
"หมอพิม ตื่น...ตื่น...เดี๋ยวนี้...หนีไป"ร่างใครคนนั้นชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ ตวาดลั่นเสียงดังหน้าตาน่ากลัวไม่ต่างจากปาลี ใช่แล้วอีกร่างคือร่างของเปีย สาวชาวบ้านที่เพิ่งตายไปไม่นานนี้
"มะเมียะ!มะเมียะ"นรินทร์วิ่งขึ้นบันไดบ้านมาเห็นมะเมียะนอนหลับอยู่จึงเรียกปลุก สาวน้อยสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจจ้องหน้านายทหารหนุ่มและคนอื่นๆที่เข้ามารุมล้อม
"พิมพลอย พิมพลอยอยู่ไหนมะเมีย"เสียงถามดังขึ้นจนเกือบจะตะโกน
"หมอพิมก็อยู่ข้างๆนี่ไงจ้ะ"มะเมียะตอบนายทหารหนุ่มงงๆแล้วหันไปข้างกายที่มีแต่ความว่างเปล่า
"อ้าว หมอพิมหายไปไหนแล้ว"เด็กสาวตาเบิกโพลงมองหาหญิงสาวข้างกายที่บัดนี้อันตรธานหายไปเสียแล้ว
"นั้นสิ พวกข้าถึงได้เอ็งว่าหมอไปไหน"ตาเฒ่าอูเลถามขึ้นอีกคนขณะที่มะเมียะยังสับสนอยู่
"เอ็งเห็นหมอครั้งสุดท้ายที่ไหนฮะ"เสียงตาเฒ่าอูเลตะคอกขึ้นอีก
"นั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้แหละ ฉันถามหมอว่าง่วงไหมแต่หมอบอกว่าไม่แล้วฉันก็หลับไปก่อน"
"ก่อนหน้านั้นมีอะไรแปลกๆผิดสังเกตุไหมมะเมียะ"นรินทร์ถามขึ้น มะเมียะนั่งนึกทบทวนความจำสักครู่ก็พูดขึ้น
"ฉันนั่งอยู่กับหมอพิม ได้กลิ่นบางอย่างแปลกๆแล้วฉันก็ง่วงมากเลยหลับไป"
"เอ็งว่าเอ็งได้กลิ่นอะไรนะ"
"ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ พ่อ จะหอมก็ไม่เชิงกลิ่นมันชวนให้หนังตาหนักๆ"อูเลได้ยินที่มะเมียะบอกถึงกับลืมตาโต ตาเฒ่านึกเจ็บใจตนเองที่ลืมไปได้อย่างไร วันก่อนก็เคยได้กลิ่นนี้และก็ก่อนหน้านั้นนานมาแล้วก็อีก
"หรือว่า"
"หรือว่าอะไรอูเล"นรินทร์ถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
"นายทหารตั้งใจฟังอูเลดีๆนะ มันอาจเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่เชื่อเถอะสิ่งที่เราเจออยู่มันไม่ใช่คน!"
"อูเลพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ"นรินทร์ทขมวดคิ้วหน้าฉงนมองผู้พูดอย่างอูเล
"เรื่องมันเกิดนานมาแล้ว เป็นเรื่องที่คนเฒ่าคนแก่เล่ากันปากต่อปาก มันเหมือนผีดิบสิงร่างคนเป็นกัดกินจากข้างใน แล้วยึดร่างไปจะออกหากินด้วยการเสพสังวาสกับหญิงสาวเพื่อดูดเอาพลังชีวิต"นรินทร์ได้ฟังอูเลอธิบายแทบไม่เชื่อหูตนเอง ว่าเรื่องเล่าหรือนิทานปรัมปราจำพวกนี้จะเป็นเรื่องจริง
"แล้วมันต้องการอะไร "นายทหารหนุ่มขบกรามแน่นพูดอย่างเคร่งเครียด
"มันต้องการบางอย่างในตัวหมอเพื่ออะไรอูเลไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆหมอกำลังตกอยู่ในอันตราย"
"แล้วเราจะช่วยพิมพลอยได้ยังไงอูเล"นรินทร์ถามอย่างร้อนใจแม้จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
"ฉันคาดว่ามันจะพาร่างหมอเข้าไปในป่าลึกเพื่อทำอะไรบ้างอย่าง ไม่งันมันน่าจะฆ่าทิ้งที่นี่แล้ว"สิ้นเสียงของตาเฒ่าอูเล ทั้งหมดตกตะลึงกับเรื่องเล่านั้น
"งันรีบไปเถอะ รีบไป"นายทหารหนุ่มเอ่ยเร่งคว้าปืนจะพุ่งลงจากบ้าน ร่างใหญ่เต็มไปเม็ดเหงื่อถลาลงจากบ้านไม้ยกสูง
"ไปจับนายทหารไว้ไอ้คะฉิ่นรอให้เช้าก่อน พรุ่งนี้เราจะออกล่ามัน"คะฉิ่นกระโดดลงตามไปห้ามนายทหารที่กำลังเลือดร้อนให้หยุดลงเสียก่อน นรินทร์จำใจต้องเดินกลับมา
"การจะตามจับมันใช้แค่ปืนไม่ได้นะนายทหาร"อูเลบอกเมื่อนรินทร์เริ่มใจเย็นลงบ้างแล้ว
ร่างของลดาถูกวางลงบนแคร่โดยมีมะเมียะจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ ใบหน้างานซีดเซียว แพขนตาหนาปิดสนิท ตามร่างกายไม่มีบาดแผลอะไรจนทำให้มะเมียะสงสัย
"ทำไมคุณเขาถึงไม่โดนมันทำร้ายอะไรเลยล่ะจ๊ะพ่อ"เด็กสาวพาซื่อหันถามตาเฒ่าผู้อยู่ใกล้เคียง
"เออ จริงด้วยไหนบอกว่ามันต้องการพลังชีวิตผู้หญิงไงพ่อ"คะฉิ่นก็ตั้งข้อสังเกตุ ดวงตาเรียวรี่มองอย่างสงสัย
"ที่มันไม่ทำเพราะข้าคิดว่าแม่หนูนี้ท้อง"
"ฮะ!ท้อง"หลายเสียงอุทานขึ้นพร้อมกันแต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าเห็นจะเป็นนรินทร์ นายทหารหนุ่มนิ่วหน้ามองร่างงามที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
"วิญญานที่มาเกิดเป็นวิญญานบริสุทธิ์ยังไม่ได้ก่อกรรมทำชั่วมันเลยไม่สามารถแตะต้องได้"
"อ๋อ ฉันว่าแล้วท้องนี่เองถึงได้ขึ้นไปเสนอตัวสวมรอยเป็นหมอเพราะคิดจะจับนายทหาร คิดจะหาพ่อให้เด็กสินะ"มะเมียพูดขึ้นก่อนคะฉิ่นจะรีบตะครุบปากเมียสาวไว้ เด็กสาวดิ้นพยายามพูดอู้อี้
นายทหารหนุ่มคิดตามคำของมะเมียะ คนอย่างลดาไม่น่าจะดั้นด้นมาถึงที่นี่ได้ถ้าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง แต่ใครล่ะที่ทำให้ลดาท้องในเมื่อเขาเลิกกับเธอนานแล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นเขา ชายหนุ่มนึกสงสารอดีตคนรักใช้มือลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ ทำให้มะเมียะมองด้วยความนึกหมั่นไส้แทนหมอพิมของเธอ
ไก่ขันบ่งบอกเวลาเช้า แสงอาทิตย์ทอแสงผ่านทิวเขาใหญ่สัญญาณของสิ่งมีชีวิตต่างๆเริ่มดำเนินชีวิตตามกิจวัตรประจำวันของมัน ร่างใหญ่ของนรินทร์นั่งพิงเสาเรือนเหม่อลอยใต้ตาของชายหนุ่มหมองคล่ำจนคนที่พบเห็นอดสงสารไม่ได้ ลดาฟื้นขึ้นมาได้สักพักเธอได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากทรงยศแล้ว หญิงสาวมองจ้องไปที่นรินทร์ความรู้สึกผิดก่อขึ้นในใจ เธอไม่คิดว่าการกระทำของเธอจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ เธอแค่ต้องการให้ลูกของเธอมีพ่อเป็นคนดีๆอย่างนรินทร์ ไม่ใช่ไอ้นายแบบสารเลวนั้น แต่ใครจะไปรู้ล่ะเธออุตส่าห์ดั้นดนมาตั้งไกล กลับกลายเป็นว่าอดีตหวานใจของเธอกำลังแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ เธอจึงต้องยอมทำเรื่องเลวๆอย่างการแย่งสามีชาวบ้านที่เคยเป็นคนรักเก่าเธอ แต่ตอนนี้เธอรู้แน่ชัดแล้วว่าคงไม่สามารถแยกทั้งคู่ออกจากกันได้เพราะนรินทร์ได้หมดรักเธอไปแล้ว คนที่เขาเป็นห่วงและมีอยู่เต็มหัวใจคือผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียว
"นะ ภรรยาของนะต้องปลอดภัยลดาเชื่อ"ลดาเดินมาตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆเธอยอมแพ้แล้ว เธอคงไม่สามารถแย่งเขาจากผู้หญิงคนนั้นได้จริงๆ มือเรียวบีบไหล่กว้างของชายหนุ่มเป็นเชิงให้กำลังใจ
"ขอบใจนะลดา"ชายหนุ่มฝืนยิ้ม เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้เลย เขากังวลเป็นห่วงพิมพลอยอยากเร่งเวลาให้เช้าเร็วๆ พาลคิดไปต่างๆนานาว่าหญิงสาวจะเป็นอย่างไรบ้าง
"นายทหารเตรียมตัวเถอะ อีกสักหน่อยเราจะออกเดินทางแล้ว"ตาเฒ่าอูเลเดินมาบอก ร่างใหญ่ของลุกขึ้นทันที รีบเร่งเตรียมของจำเป็นอย่างรวดเร็ว
อูเลสวดบริกรรมคาถาพอแสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องขึ้นเต็มดวง ตาเฒ่าปักธูปกำใหญ่ในมือลงดิน ควันธูปลอยคละคลุ้ง นรินทร์ยกมือขึ้นไหว้นึกอธิฐานขอเจ้าป่าเจ้าเขาให้พิมพลอยปลอดภัยและขอให้เขาได้พบเธอโดยเร็ว
คณะที่ออกติดตามหาหญิงสาวมีเพียงสี่คนเท่านั้น คือนรินทร์ อูเล คะฉิ่น และปกรณ์ ส่วนทรงยศ นรินทร์ให้ดูแลลดาไว้ อูเลบอกกับเขาว่าไม่ต้องเกณฑ์ชาวบ้านไปเยอะเพราะต้องเขาป่าลึกและอีกอย่างถ้าเข้าป่าลึกก็ไม่มีใครอาสาไปแน่นอน
"ไปเราไปกันเถอะป่าเปิดแลัว"ตาเฒ่าเงยหน้ามองท้องฟ้าใสเหมือนเป็นใจให้คณะเดินทางทั้งหมด
"เดี๋ยวอูเลให้ฉันไปด้วย"ทุกสายตาจับจ้องไปที่ต้นเสียง ร่างชายฉกรรจ์ผิวคล้ำปรากฎขึ้น
"เอ็งจะไปกับพวกข้าจริงๆหรอว่ะอาเช"ตาเฒ่าอูเลมองร่างมาใหม่ ชายชาวบ้านผิวคล้ำเข้มกร้านแดด โหนกแก้มนูนชัด สายตาเขามีแววอาฆาตแค้นพยักหน้าตอบ
"จ้ะ ฉันไปด้วยฉันจะไปแก้แค้นมันที่มันฆ่านางเปียเมียฉัน"อาเชพูดอย่างเจ็บแค้นอูเลพยักหน้าอนุญาตการมีคนอาสาไปด้วยอีกหนึ่งคนยอมดีกว่า
"ไป งันก็ออกเดินทาง"ตาเฒ่าอูเลยกมีดขึ้นตัดต้นไม้ที่ขวางอยู่ด้านหน้าเป็นการตัดไม้ข่มนาม เสียงนกร้องอยู่บนยอดไม้ใหญ่เสียงไก่ป่าและสรรพสัตว์ทั้งหลายร้องระงมไม่เงียบเหงาวังเวงเหมือนเมื่อคืน ป่าทั้งป่าได้เปิดให้พวกเขาแล้ว
พิมพลอยเริ่มขยับตัว ร่างทั้งร่างของเธอเมื่อยขบไปหมด เธอมองไปรอบๆนึกทวนความทรงจำ พิมพลอยจำได้ว่าเห็นปาลีและเปียมาบอกให้เธอตื่นและหนีไป เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาปลุกมะเมียะแต่ไม่มีวี่แววว่าเจ้าหล่อนจะตื่น มีเสียงอะไรบ้างอย่างเหมือนค่อยกระซิบให้เธอไปซ่อน เธอจึงวิ่งไปแอบในตู้เก่าๆของคะฉิ่น โดยทิ้งมะเมียะนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ตู้ไม้ใบเก่าปิดไม่สนิทมีช่องเล็กๆพอให้หญิงสาวมองลอดออกมาได้แต่ที่เธอแทบไม่เชื่อสายตาคือ ร่างของเงาดำทะมึนในตาแดงฉานมาพร้อมกลิ่นฉุนชวนคลื่นไส้เวียนหัวหนังตาหนักเหมือนจะหลับไปทุกขณะ มันเดินโยกตัวมาใกล้ร่างของมะเมียะมันชะโงกหน้ามาเกือบชิดเด็กสาว แล้วหันมองไปรอบๆเหมือนจะหาบ้างอย่าง นัยน์ตาสีแดงเหมือนจับจ้องมาที่เธอ ภาพที่พิมพลอยเห็นน่าสยดสยองยิ่งนัก ร่างบางใช้มืออุดปากและจมูกไว้ไม่ให้ได้กลิ่น เธอนั่งนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะกระดิก หัวใจดวงน้อยเต้นอยู่ในอกจนแทบจะระเบิด หญิงสาวมองภาพตรงหน้าอย่างระทึกขวัญ เงาดำค่อยๆเลื่อนกายออกห่างถอยลงจากบ้านไปพร้อมกลิ่นที่ชวนเวียนหัว
"หมอพิม เร็ว ไปเร็ว รีบหนี"เสียงกระซิบดังแผ่วอยู่ข้างหู พิมพลอยได้สติค่อยๆออกจากตู้มาปลุกมะเมียะอีกรอบแต่ก็เหมือนเดิม เด็กสาวนอนหลับเหมือนสลบพิมพลอยตัดสินใจทิ้งมะเมียะไว้วิ่งลงบันไดไปเธอคว้ามีดติดตัวมาได้เพียงหนึ่งเล่ม
ขาเรียวยกผ้าถุงวิ่งหนีเข้าในป่าคนละทางกับที่เงาประหลาดไป เธอวิ่งฝ่าดงไม้ใหญ่น้อยไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ถึงจะเป็นคืนเดือนมืดแต่หญิงสาวไม่รู้สึกกลัวเธอกลับรู้สึกว่ามีเงาแสงสีขาวสองดวงคอยนำทางเธอไปตลอดจนเธอมาซ่อนตัวที่โคนต้นไทรใหญ่นี้
"ขอบคุณเธอทั้งสองมากนะ เปีย ปาลี"หญิงสาวยกมือพนมขึ้นแนบอกระลึกถึงวิญญาณของหญิงทั้งสอง
"ขอให้บุญอันเป็นกุศลที่ฉันได้ทำส่งเธอไปในพบภูมิที่ดี"พิมพลอยยกมือขึ้นเหนือหัวตั้งจิตแผ่บุญกุศลไปให้ดวงวิญญาณทั้งสองที่ช่วยเธอไว้เมื่อคืน
ร่างบางค่อยๆลุกจากใต้โคนไม้ใหญ่มือเล็กจับรากต้นไทรที่ห้อยย้อยลงมาพยุงกายลุกขึ้น ตามเนื้อตัวหญิงสาวเต็มไปด้วยรอยหนามคมเกี่ยวจนเลือดซิบ หญิงสาวเงยหน้ามองด้านบนมีแสงแดดจากดวงอาทิตย์แสงลอดใบไม้หนาลงมาบ้าง
"คงจะเช้าแล้ว"หญิงสาวลากสังขารสะบักสะบอมเต็มไปด้วยรอยแผลก้าวออกเดิน เท้าเล็กไร้ซึ่งรองเท้าก้าวเดินอย่างช้าๆฝ่าดงไม้หนา
"นายทหารมาดูอะไรนี้เร็ว"คะฉิ่นร้องเสียงหลง ใบหน้าของเขาตื่นตระหนกสุดขีด
"มีอะไรว่ะไอ้คะฉิ่น"อูเลร้องถาม
"มาดูเร็วเถอะพ่อศพใครไม่รู้"ทุกคนได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งมาดู ร่างเน่าใกล้ขึ้นอืดสันนิษฐานรูปลักษณ์เป็นชาย อาเชเอาไม้ท่อนยาวเขี่ยพลิกศพขึ้น หนอนไต่ยั้วเยี้ยออกจากปากและหู ภาพนั้นทำให้ปกรณ์ต้องโก่งคออ้วก
"ศพใคร"นรินทร์เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
"จำชุดไม่ได้หรอนายทหาร"นรินทร์เพ่งมองชุดเสื้อผ้าศพแสนคุ้นตามันคล้ายกับเสื้อคนป่วยที่สถานีอนามัย
"หรือว่าจะเป็น..."
"ใช่แล้วนายทหารกระเหรี่ยงที่นายทหารพามานั่นแหละ"
"จะเป็นไปได้ไงพ่อฉันเป็นคนฝังศพมันกับมือ"คะฉิ่นพูดอย่างไม่เชื่อสายตา
"ไอ้ผีดิบคงใช่ร่างนี้เพื่อออกหากินเป็นแน่ แต่เมื่อร่างเริ่มเน่ามันคงสละร่างทิ้งแล้วหาร่างใหม่"
"ปัญหาอยู่ที่ว่ามันไปสิงใคร"นรินทร์เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย ทุกคนต่างมองหน้ากันแล้วขบคิด
"ดีขึ้นหรือยังคะคุณ"มะเมียะถามลดาที่นอนซมอยู่บนแคร่ไม้ เด็กสาวยกขัาวต้มร้อนๆที่ต้มใหม่ๆว่างลงตรงหน้าลดา
"ลุกขึ้นมากินอะไรหน่อยสิสงสารลูกในท้อง"
"เธอรู้ได้ยังไง"ลดาหน้าตาตื่นใช้มือกุมท้องไว้มองมะเมียอย่างสงสัย
"โอ๊ย เขารู้กันหมดแล้วว่าคุณท้อง รวมถึงเรื่องที่คุณตั้งใจจะแย่งผัวคนอื่นด้วย"มะเมียพูดขึ้น ลดาสลดลงเธอรู้สึกอายจริงๆที่เด็กสาวอายุน้อยกว่าเธอหลายปีมาต่อว่า
"นี่เธอนะหยุดพูดได้แล้ว คนกำลังป่วยอยู่นะ จะไปไหนก็ไป"ทรงยศเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีออกปากไล่มะเมียะ สาวน้อยหันมาแลบลิ้นใส่ก่อนสะบัดก้นเดินหนีไป
"อย่าไปฟังแม่นั้นเลยนะครับคุณลดา ทานข้าวดีกว่าครับผมป้อน"ทรงยศตักข้าวต้มในถ้วยร้อนๆขึ้นเป่าก่อนจะยื่นส่งให้หญิงสาว
"ขอบใจนะยศ"ลดาอ้าปากรับช้อนที่ยื่นให้อย่างไม่ถือตัว ทำไมเธอไม่เคยสังเกตุเลยนะว่าคนที่อยู่ข้างๆเธอและดีต่อเธอมาเสมอคือทรงยศ
ชายทั้งห้าคนต่างช่วยกันขนไม้แห้งมาฌาปนกิจศพให้กระเหรี่ยงหนุ่ม นรินทร์ก้มพิจารณาดูซากศพใกล้ๆยังเขายังสงสัยว่า ซากศพใกล้เน่านี้จะสามารถลุกขึ้นเดินได้จริงๆหรือ
"ผมว่าเรารีบเผามันเถอะครับเห็นแล้วสยอง"ปกรณ์ว่าพลางลูบแขนที่ขนลุกชัน
"ใช่ๆนายทหารเผาเถอะคะฉิ่นกลัวว่ามันจะลุกขึ้นมาเดินได้อีก"
"ซากศพนี่มันจะเดินได้จริงๆหรอ"นรินทร์ยังสงสัยเพราะมันค้านกับหลักวิทยาศาสตร์ของโลกที่เจริญแล้ว
"ได้สิจ้ะ ไม่งันมันคงในมาอยู่ในป่านี่ได้หรอก ฉันเป็นคนฝั่งมันกับมือ"
"แต่สัตว์คงขุดศพแล้วลากมาก็ได้"
"นายทหารดูที่ตีนของศพสิจ้ะ โคลนหุ่มเต็มไปหมดเหมือนมันเดินลุยมา แล้วอีกอย่างที่ซากไม่มีรอยกัดแทะของสัตว์เลย แสดงว่าวิญญาณนั้นพึ่งจะละจากร่างนี้ไปเมื่อรุ่งสางนี้เอง"อูเลเดินมาไขข้อข้องใจให้นรินทร์
"ถ้าอย่างนั้นก็เผามันซะเถอะ"
"จ้ะ"คะฉิ่นรอเวลานี้มานานยิ้มขึ้นมุมปากก่อนจุดไฟที่กองไม้ พระเพลิงยังทำหน้าที่ชำระล้างได้ดีเสมอร่างซากศพของกระเหรี่ยงค่อยๆเผาไหม้ไปจนเหลือแต่ซากดำๆ
คณะเดินทางได้โอกาสพัก คิดหาทางไปต่อพอดี อูเลเอาข้าวเหนียวกับเนื้อแห้งออกจากย่ามมาให้ทุกคนรับประทาน ปกรณ์เมินหน้าหนีไม่แตะเนื้อแห้งซักนิด เพราะการนั่งกินข้าวข้างเชิงตะกอนเผาศพทำให้นายทหารหนุ่มรุ่นน้องกลืนไม่ลง
"แล้วถ้ามันทิ้งร่างไปแบบนี้ แล้วพิมพลอยจะอยู่ที่ไหนล่ะ"
"มันอาจสิงร่างใหม่แล้วพาหมอไปก็ได้นะนายทหาร"
"ใช่ๆปัญหาอยู่ที่ว่าเราไม่รู้ว่ามันไปสิงใครแล้วเดินไปทางไหน"คะฉิ่นออกความคิดเห็นด้วยอีกคน
"อาเชว่าหมอต้องอยู่ในป่านี้แหละ"
พิมพลอยเดินโซซัดโซเซใช้ท่อนไม้แห้งยันกายเดิน ปากและคอหญิงสาวแห้งเป็นผง เนื้อตัวซีดเซียวจากการขาดน้ำ ท้องน้อยๆร้องประท้วงร่างบาง
"โอ๊ย!"กิ่งไม้คมที่หญิงสาวใช้มีดตัดก้านออก แทงเข้าข้างสะโพกเนียนจนผ้าถุงขาดเลือดไหล พิมพลอยล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บ กัดฟันไม่ส่งเสียงร้องฉีกแขนเสื้อพลิกเอาด้านในปิดปากแผล ถ้าเธอยังออกจากป่าไม่ได้ภายในวันนี้ต้องแย่แน่ๆ หญิงสาวคิดตามหลักพยาบาลที่เรียนมา ถ้าเธอไม่ตายเพราะขาดน้ำกับอาหารก็คงต้องเป็นแผลติดเชื้อตาย ไหนจะสัตว์ป่ากับไอ้ผีร้ายนั้นอีกล่ะ พิมพลอยคิดแล้วค่อยๆหมดสติไป
ลดาอาการดีขึ้นมากสามารถลุกขึ้นเดินได้แล้ว หญิงสาวไม่อยากรบกวนมะเมียะมากเพราะรู้ว่าเด็กสาวไม่ค่อยชอบเธอ จึงชวนทรงยศกลับไปพักที่บ้านพักของนรินทร์ซึ่งอยู่ข้างบ้านของพิมพลอย
"เดินไหวไหมครับคุณลดา"ทรงยศถามอย่างเป็นห่วง
"ไหวจ้ะ ฉันพอจะไหว"ลดายิ้มตอบ ใช้แขนจับไหล่ของทรงยศเพื่อพยุงตัว
"ถ้าคุณลดาดีขึ้นแล้วผมจะพาคุณกลับออกไปจากหมู่บ้านนี้นะครับ"
"ยังหรอกยศ ฉันยังอยากรู้ข่าวของนะกับภรรยาเขาอยู่"
"นี่คุณยังคิดจะ..."ทรงยศนึกตบปากตัวเองที่ปากไวอีกคนแต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าลดาจะกลับไปหานรินทร์อีกถ้าภรรยาของนรินทร์ตาย
"ไม่ใช่แบบที่นายคิดหรอกยศ ฉันแค่เป็นห่วงอยากให้เขาทั้งคู่รอดปลอดภัย ฉันทำผิดกับพวกเขาสองคนไว้มาก"ลดาพูดเศร้าๆทรงยศได้แต่ใช้สายตาปลอบโยนเพราะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เขาคิดถึงวันที่เขาดักรอพูดกับนรินทร์หลังจากกลับจากน้ำพุร้อน
'พวกนายสองคนพาลดาขึ้นมาบนนี้ได้ยังไงในเมื่อถนนขาด'
'พวกเราจอดรถไว้ด้านล่างแล้วเดินลุยน้ำส่วนที่แคบที่สุดข้ามมาครับ'
'แล้วที่มานี้มีอะไรกัน อย่าบอกนะว่าพวกนายเป็นห่วงฉัน ที่ฉันหายเข้าป่าเป็นเดือนไม่มีใครตามหา'
'ผู้หมวดครับเห็นใจคุณลดาด้วยเถอะครับเธออุตส่าห์ขึ้นเขามาตามหาผู้หมวดถึงที่นี่'
'ยศฉันรู้ว่านายจะพูดอะไร แต่ฉันกับลดาเราจบกันไปแล้ว นายก็รู้นี่ว่าฉันแต่งงานแล้ว'
'ครับผมทราบ แต่คุณลดาเธอต้องการผู้หมวดนะครับ’
ยศ เรื่องของฉันกับลดามันเป็นไปไม่ได้ ฉันรู้ว่ายังมีคนที่รักและเป็นห่วงลดาอีกคน ฉันเอาใจช่วยนายนะยศ'
ทรงยศพยุงลดามาจนถึงบ้านพัก เขาให้เธอนั่งบนเตียงในห้องก่อนจะรินน้ำในเหยือกยื่นให้เธอ
"ขอบใจมากนะยศ เธอช่วยฉันมาตลอดเลย"หญิงสาวเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มเบาๆ
"ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ผมก็จะช่วย หรือมีอะไรที่สามารถทำแทนผู้หมวดได้ผมก็จะทำครับ"ทรงยศตัดสินใจบอกความในใจของเขาไปอย่างจริงจัง แล้วหันหลังก้าวออกมา
"เดี๋ยวก่อนสิ อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน"ลดาส่งเสียงแผ่วเอ่ยร้องขอร่างสูง
"ครับ"ทรงยศเดินกลับมานั่งลงที่พื้นด้วยความเคยชิน
"ยศ ขึ้นมานั่งด้านบนสิ"ลดารั้งแขนชายหนุ่มขึ้นนั่งข้างกายบนเตียง เธอลืมคนที่แสนดีอย่างทรงยศไปได้อย่างไร ทรงยศเป็นเพื่อนเล่นกับเธอมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อของทรงยศเป็นทหารรุ่นน้องพ่อเธอที่เสียชีวิตในสงคราม ทางบ้านเธอจึงให้งานแม่ของทรงยศและให้เขามาอยู่ในบ้านในฐานะแม่บ้าน ทรงยศค่อยเป็นห่วงเป็นใยเธอเสมอเป็นเหมือนองครักษ์คอยคุ้มกันเธอ พวกเราเติบโตมาด้วยกันจนวันที่ทรงยศสอบติดนายร้อยเดินตามรอยพ่อของเขา และทำให้เธอได้เจอกับใครอีกคน นรินทร์นักเรียนนายร้อยหนุ่มหน้าตาดีรุ่นพี่ของทรงยศ ทำให้เธอกับทรงยศค่อยๆห่างกันไปแต่เขาก็ยังค่อยดูแลเธออยู่ห่างๆเสมอมา
"ไม่เป็นไรดีกว่าครับ"
"เธอรังเกียจฉันหรือยศ"ลดาพูดเสียงเบาทำหน้าสลดลง ทรงยศค่อยๆเลื่อนตัวขึ้นนั่งบนเตียง
"ทำไมเธอไม่ตอบล่ะ เธอรังเกียจคนใจง่ายที่ท้องกับใครก็ไม่รู้อย่างนั้นใช่ไหม"
"เปล่านะครับผมแค่คิดว่า..."
"คิดว่าอะไร คิดว่าฉันมันน่ารังเกียจไม่น่าเข้าใกล้ใช่ไหม"หยาดน้ำตาใสร่วงลงจากตาคู่สวย ทรงยศเจ็บแปลบที่หัวใจเมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาว นิ้วเรียวยกขึ้นบาดน้ำตาบนแก้มใส ลดาช้อนตาขึ้นมองแพรขนตาหนากระพริบถี่
"ถ้าเธอไม่ได้รังเกียจจูบฉันสิยศ"ลดาส่งสายตาเว้าวอน ร่างสูงของทรงยศโน้มลงแตะริมฝีบาง ประทับจูบอย่างอ่อนหวานลงบนปากหญิงสาว ลิ้นเย็นสอดแทรกเข้าในปากลิ้มรสหอมหวานภายใน มือใหญ่ประคองศีรษะหญิงสาวเข้าใกล้พรมจูบไปทั่วใบหน้าหญิงสาว มือหนาเลื่อนเกาะกุมหน้าอกนุ่มบีบเคล้นคลึงอย่างถนุถนอม ปากเลื่อนต่ำลงไซ้ซอกคอขาวจนลดาเสียวซ่าน
"ซี๊ด..ยศ..ลดาเสียว"ร่างบางสั่นระริกกับความเสียวซ่านที่ชายหนุ่มบรรจงมอบให้
"คุณลดาครับ ผมรักคุณลดามาตลอด รักมานานแล้ว"ชายหนุ่มพูดเหมือนพร่ำเพ้อ มือใหญ่เลื่อนปดเสื้อผ้าของหญิงสาวออก ร่างกายขาวเนียนขาเรียวยาวของนางแบบอย่างเธอทำให้เขาลุ่มหลง จ้องมองร่างเปลือยด้านหน้าราวกับจะกลืนกิน สิ่งที่เขาฝันมาตลอดกำลังจะเป็นจริงแล้ว
"อย่ามองมากสิ ลดาอายนะ"หญิงสาวเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวยิ่งทำให้ชายหนุ่มแข็งขันชูชัน เขาก้มลงจูบเท้าเรียวลิ้นเลียไล้จากปลายเท้าไปที่ต้นขางาม ลดาบิดเร่ากับความเสียวซ่านที่ชายหนุ่มมอบให้ เขาจุมพิศเบาๆตรงที่แสดงความเป็นหญิงของเธอ ลิ้นเปียกลิ้มเลียกลีบบางอย่างไม่รังเกียจ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ให้เธอเลยแม้แต่นรินทร์เอง
"อ่าห์...เสียวแรงอีกนิดยศ"ลดาร้องเสียงหลงจับศีรษะทรงยศกดลงมือจิกเข้าในผมของเขา
"ดีไหมครับ"
"จ้ะ ดี"ลดาหอบถี่หลังจากที่เธอถึงจุดสุดยอดโดยที่เขายังไม่ได้ปลดปล่อยเลย
"ให้ลดาช่วยนะยศ"ลดารูดซิบกางเกงทหารลง ความเป็นชายคับแน่นด้านในดีดออกมาโชว์ ลดาตาโต ถึงจะเล็กกว่าของนรินทร์นิดหน่อยแต่ก็ใหญ่กว่ามาตรฐานชายไทยมาก หญิงสาวก้มลงดูดเลียอย่างไม่รังเกียจ ทรงยศได้แต่สูดปากเสียวครางต่ำในลำคอ เขาไม่เคยคาดคิดว่านางในฝันกำลังดูดเลียให้เขาอยู่
"อ่าห์..."ความเสียวกระสันถาโถม ทรงยศจับลดานอนหงายบนเตียงแล้วขึ้นคร่อมจับความเป็นชายสอดแทรกเข้าด้านในอ่อนนุ่มและชื้นแฉะ
"เบาๆนะยศ"ลดาร้องบอก จากขนาดแล้วลดากลัวกระทบกระเทือนลูกในท้องของเธอ
"ครับ ผมจะทำให้เขาเป็นลูกของเรา" ทรงยศสอดใส่อย่างนิ่มนวล บิดเอวหมุนวนสร้างความเสียวซ่านให้กับอีกฝ่าย
"เร็วๆเถอะยศลดาใจจะขาดแล้ว"ลดาจิกเล็บลงที่หลังของชายหนุ่มเอ่ยปากเร่งเร้ายกเอวรับจังหวะแรงขึ้นและแรงขึ้น
"อ่าห์..."
"อ่ะ..อ่าห์"ร่างหญิงสาวสั่นทิ่ม ทรงยศหมดร่างทรุดตัวซบลงกับอกคู่งาม
"ลดาคิดว่าลดารักยศนะ"ลดาจูบที่หน้าผากของชายหนุ่ม ทรงยศยิ้มหวานกอดร่างบางไว้แน่น