EP3.2 ll นุ่น นัท นนท์ [2]

1534 คำ
“ไอ้นนท์โสดนะ จีบได้” ไอ้หลิวว่าแล้วทำตัวเป็นพ่อสื่อ ฉันยิ้มแห้งๆ ให้มัน ไม่ได้พูดอะไรต่อ “มึงมีคนที่ชอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะนนท์” คนที่ชื่อเจเอ่ยขัดคอขึ้นแล้วหัวเราะเหมือนจงใจแกล้งดักทางเพื่อน คนถูกแซวยิ้มน้อยๆ แล้วเลื่อนสายตามามองฉันพร้อมกับตอบสั้นๆ “เออ ใช่” ฉันยกแก้วขึ้นกระดกไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างต้องการจะสื่อความหมาย ความร้อนของแอลกอฮอล์แล่นพล่านผ่านทุกเซลล์ของร่างกาย รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างประหลาด รู้งี้ไม่มาซะก็ดีหรอก บรรยากาศอึดอัดฉิบหาย แกล้งนอนหลับอ่อยไอ้นุ่นอยู่ที่หอมันยังฟินซะกว่า ทำไมฉันต้องอุตส่าห์ถ่อมาตั้งไกลเพื่อมาเจอเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ด้วย เซ็งเป็นบ้า! “หลิว มึงมานี่แป๊ปดิ” ฉันว่าก่อนจะกวักมือเรียกมันยิกๆ เพิ่งสังเกตว่าทุกคนนั่งตรงข้ามฉันหมดเลย ไม่รู้เป็นโรคสังคมรังเกียจหรือฉันแปลกแยก ไอ้หลิวเลิกคิ้วสูงนึกสงสัยว่าฉันเรียกไปทำไม “อะไรวะ” “เออน่ะ” ฉันตัดบทแล้วตบเก้าอี้ข้างๆ ให้มันมานั่งเสมือนเป็นคำสั่งที่มันต้องทำตาม ไอ้หลิวเลยจำใจหยุดเม้าส์มอยกับเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลทองขยับมานั่งข้างฉันแทน ฉันเหล่สายตามองนนท์ที่ทำเป็นมองนู่นนี่นั่นไปเรื่อย แต่ฉันรู้ว่าเขากำลังใส่ใจฉันอยู่ ฉันเลยขยับเข้าไปกระซิบข้างหูไอ้หลิวเพื่อป้องกันสายเสือกทุกประเภท “มึงโทรหาไอ้นุ่นให้กูหน่อยดิ” “ทำไมไม่โทรเองวะ” ไอ้หลิวทำหน้างงพูดเสียงเบา “เออน่ะ แล้วบอกมันด้วยว่ากูหงอยมากที่มันไม่มา” “มึงก็บอกมันเองสิ” “ไม่ มึงนั่นแหละบอก เพราะกูชวนมันแล้ว มันไม่มา กูไม่อยากเป็นผู้หญิงเร้าหรือ เข้าใจปะ?” ฉันอธิบายสาเหตุให้มันฟัง ฉันจะออกหน้าชวนไอ้นุ่นอีกได้ยังไง ฉันต้องเป็นผู้หญิงเข้าใจง่ายในสายตามันสิ ขืนไปวอแวมันก็รู้หมดว่าฉันอยากให้มันมา เสียเซลฟ์ตาย ไม่เอาหรอก “ไม่เข้าใจอ่ะ” “ไม่ต้องเข้าใจหรอกหลิว กูรู้ว่ามึงโง่ ก็แค่ทำตามที่กูพูดอ่ะ ไม่ต้องฉลาดก็น่าจะทำได้นะ” “หลอกด่ากูนี่หว่า ไอ้นัท เดี๋ยวโดน” ไอ้หลิวเขม่นฉันพร้อมเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “เออน่ะ แล้วก็บอกมันด้วยว่ากูอยากให้มันมามาก แต่ไม่อยากวอแว เพราะเห็นมันง่วง” ฉันสคริปต์ให้ไอ้หลิวเรียบร้อย ประโยคนี้ถูกแต่งเติมเพื่อเสริมสร้างให้ฉันดูเป็นผู้หญิงที่เข้าอกเข้าใจและเป็นคนดีมาก ควรค่าแก่การอุปถัมภ์เป็นเมียเอก “มึงดูอยากให้ไอ้นุ่นมาจังเลยนะ คิดอะไรกับมันปะเนี่ย?” ไอ้หลิวจับผิดแต่ด้วยความโคตรเนียนระดับฟูลเฮชดีของฉัน มันก็ต้องถอยทัพกลับไปเมื่อฉันตอบด้วยน้ำเสียงนาบนิ่ง “แล้วมึงชวนกูมาเที่ยวด้วยนี่มึงคิดอะไรกับกูปะละ?” มันเงียบ ทำหน้าเหวอเหมือนโดนผีหลอกก่อนจะแค่นหัวเราะในลำคอยอมยกธงขาวให้ฉันแต่โดยดี “ไอ้นุ่นมันจะมาเหรอ มันตัดสินใจแล้วนิว่ามันจะไม่มา มึงก็รู้มันไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ หรอก” ไอ้หลิวร่ายยาวถึงนิสัยของไอ้นุ่น ซึ่งฉันก็รู้ข้อนี้ดี แต่ถ้าสถานการณ์เปลี่ยน การตัดสินใจมันก็เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน “งั้นมึงก็บอกไปว่ากูเมามาก และทุกคนไม่ว่างที่จะไปส่งกู จะให้ขึ้นแท็กซี่กลับคนเดียวก็กระไรอยู่ กูเป็นสาวเป็นแส้ โอเคปะ?” ฉันไม่ได้เป็นคนพูดจาบีบบังคับให้มันมาแค่สร้างสถานการณ์บังคับให้มันมา แถมนิสัยอย่างไอ้นุ่นไม่ใช่คนชอบเซ้าซี้อะไรมากนัก ทุกอย่างเลยเข้าทางฉันง่ายๆ นอกจากฉันจะไม่เสียหายอะไรแล้ว ยังรักษาภาพลักษณ์ที่แสนดีนี่ไว้อีกโขได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง! “คือจะให้มันมาให้ได้ว่างั้น” คนร่างสูงถอนหายใจให้กับความดื้อดึงของฉันก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงข้างซ้ายเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วจ้องฉันที่กำลังระบายยิ้มแทนคำตอบ “ใช่ ถ้ากูอยากให้มันมา มันก็ต้องมา” เนื่องจากที่นี่มันไกลจากหอไอ้นุ่นอยู่พอสมควร ทำให้ฉันต้องนั่งฆ่าเวลาและอดทนมองหน้าเจ้าของนัยน์ตาเรียวรีที่มีผมสีดำสนิท เขาทำหน้าเดายากแถมชอบยิ้มแปลกๆ ฉันยิ่งอึดอัดหนักเข้าไปใหญ่ ผิดกับไอ้หลิวและเจที่กำลังเฮฮา หนักๆ เข้าพวกมันก็ลุกขึ้นมาเต้นแร้งเต้นกาเหมือนเลดี้กาก้าเข้าสิง “ไม่ไปเต้นเหรอ?” นนท์คนที่ฉันไม่ค่อยนึกอยากจะเสวนาด้วยเอ่ยปากขึ้นมาพลางชายนัยน์ตาไปทางพวกไอ้หลิว ราวกับเสนอให้ฉันร่วมแจม ฉันส่ายหัวแล้วยกแก้วในมือกระดกให้ความรู้สึกคุกรุ่นนี่หายไป “ไม่ล่ะ” ฉันตอบสั้นๆ แล้วมองเขาอย่างพิจารณา “ผอมลงนะ” “เครียดสะสมมั้ง เลยกินอะไรไม่ค่อยลง” คำพูดของเขาเหมือนไม่มีอะไรแต่แฝงไปด้วยอะไรหลายอย่าง ทำให้ฉันเลือกที่จะเงียบและนั่งเฝ้าภาวนาให้ไอ้นุ่นมาเร็วๆ ก่อนที่เส้นเลือดในสมองของฉันจะแตกตายกลายเป็นผีที่ไร้ผัว ไม่ ฉันจะยังตายไม่ได้ ฉันต้องแต่งงานก่อนถึงจะถือว่าใช้ชีวิตในชาตินี้คุ้มค่าแล้ว “เอาเบอร์มาหน่อย” คนร่างสูงว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยื่นให้ฉัน เขาไม่ได้ขอแต่เขาสั่งทำให้ฉันอ้ำๆ อึ้งๆ ถ้าเป็นคนอื่น ฉันอาจจะด่าพ่อล่อแม่ไปแล้ว แต่สำหรับนนท์... ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะด่าแม้แต่คำเดียว คนตรงหน้ายิ้มหวาน ขณะที่ฉันยิ้มแหยๆ แต่ก่อนที่ฉันจะยื่นมือไปรับโทรศัพท์ของเขามากด ก็ดันมีมือของใครบางคนแตะที่บ่าฉันซะก่อน จากที่นนท์มองฉันเขาก็เลื่อนสายตาไปจ้องคนมาใหม่ด้วยความสงสัยร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร ใบหน้าฉายแววดุมาแต่ไกลยืนค้ำหัวฉันอยู่ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงทรงพลังให้คนรอบข้างสยบฟังอย่างง่ายๆ “ไป ไอ้นัทกลับ” ไอ้นุ่นว่า ไม่มีเกริ่นนำหรือถามไถ่ถึงใครทั้งสิ้น มือแข็งแรงนั่นเลื่อนจากบ่ามาจับที่ข้อมือก่อนจะตวัดหางตาไปที่นนท์แวบนึง คือฉันก็รู้นะว่ามันไม่ใช่คนพิธีรีตองอะไรมากนัก แต่มันจะไม่สนใจบรรยากาศรอบข้างเลยไม่ได้นะ “เดี๋ยว เรายังคุยกับนัทไม่จบ” คนร่างสูงยิ้มเป็นมิตร ก่อนที่ไอ้นุ่นจะสำเหนียกได้ว่ามันควรจะมีมารยาททางสังคมขั้นพื้นฐาน มันเลยพยายามฉีกยิ้มประหลาดๆ ตอบรับกลับไป แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งแย่ “หวัดดี เรานุ่น” ไอ้นุ่นแสดงความเป็นมิตร แต่หน้าโคตรจะไม่เป็นมิตร รอยยิ้มพยายามของมันดูตลกและหลอนกว่าเดิมอีกสิบเท่า เอาง่ายๆ หน้ามันหาเรื่องมากกว่าหาเพื่อนอ่ะ “ไอ้นัทมันเมาแล้ว คุยกับนายไม่รู้เรื่องหรอก” มันเอ่ยแล้วหันมาโฟกัสที่หน้าฉัน ทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่าตอแหลอะไรไว้ก่อนหน้านี้ ฉันก็เลยแกล้งทำหน้าเพลียๆ ตาเยิ้มๆ นิดหน่อยออกไปทางอ่อยนิดนึง แกล้งเมาแบบฟรุ้งฟริ้ง เมานิ่งๆ เมาแบบนางเอก จะไม่มีการเมาแล้วออกอาการเรื้อนต่อหน้าเพื่อนนุ่นไม่ว่าประการใดๆ ก็ตาม “แปปเดียว คุยไม่นานหรอก” นนท์พูดต่อทำเอาฉันคิดไม่ตก กลุ้มอกกลุ้มใจจนเผลอแสดงออกทางสีหน้า เหมือนไอ้นุ่นจะทันสังเกตเห็น มันเลยโน้มตัวลงมากระซิบถามเสียงเบา “เอาไง จะคุยกับมันก่อนมั้ย?” ฉันส่ายหัวแทนคำตอบ “โอเค” ไอ้นุ่นพยักหน้าเข้าใจอย่างง่ายดายโดยไม่ถามหาเหตุผลอื่น ซึ่งก็เป็นข้อดีของมันที่ฉันชอบอีกอย่างนึง นัยน์ตาสีดำสนิทของมันจ้องหน้าฉันราวกับกำลังประเมินท่าทีว่าฉันรู้สึกยังไงอยู่ ใบหน้าฉันขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะแอลกอฮอล์แต่เหงื่อเม็ดเล็กบนหน้าผากฉายแววกังวลนิดหน่อย “ไม่ชอบหน้ามันเหรอ?” ไอ้นุ่นโพล่งขึ้นมาแล้วสบตาฉัน ฉันเงียบ ความจริงบอกว่าเขาไม่ชอบหน้าฉันน่าจะถูกกว่า เมื่อเห็นฉันไม่ตอบ ไอ้นุ่นเลยถอนหายใจยาวพลางจับแขนฉันแน่นขึ้นแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้จนไหล่ติดกัน มันตีหน้านิ่งไม่ปรากฎอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า มันมองฉันทีนึง แล้วมองนนท์ทีนึงก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบถามเสียงต่ำ “กระทืบมันเลยมั้ย เดี๋ยวช่วย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม