“แค่คิดก็สนุกแล้ว เดี๋ยวฉันให้น้องชายทำเพจให้แกนะ จะได้ โปรโหมตทางออนไลน์ด้วยอีกทาง” ธีรยายิ้มตาเป็นประกาย
“บอกก่อนนะฉันไม่มีเงินงบส่วนนั้น หากต้องจ่ายค่าทำเพจด้วย ฉันคงไม่ไหว”
“นี่ๆ ยัยดา แกบอกใคร นี่ฉันนะรยาเอง เรื่องที่อยากทำฉันเต็มใจ ฉันไม่กล้าคิดเงินแกหรอก น้องฉันก็เรียนเรื่องนี้มาด้วยจะได้ถือโอกาสฝึกไว้ก่อน ฉันเอากล้องมาเอง ฉันจะเก็บรูปให้ได้มากที่สุด เวลาที่เอารูปสวยๆ ลงเพจ คนจะได้สนใจเพิ่มขึ้น”
กว่าจะหลับคืนนั้นสองสาวคุยกันจนดึก ณดาลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าเธอมีเรื่องทุกข์ใจ
ตอนที่ 4.คนก็จากไปแล้ว เยื่อใยก็คงไม่มี
ชวกรรู้เป็นคนสุดท้าย ตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งและเริ่มทำงานวันที่สาม เขาไม่เห็นหน้าณดาเลยนับตั้งแต่วันนั้น แต่เพราะกำลังยุ่ง เลยพยายามสลัดความกังวลทิ้ง จนในวันนี้แหละเขาถึงเพิ่งรู้ความจริง ตอนที่เรียกหาณดา แต่กลับไม่มีเธออยู่ที่นี่แล้ว
“คุณชนคงไม่รู้ ยัยดาลาออกได้เกือบอาทิตย์แล้วค่ะ” พนักงานคนหนึ่งที่ทำงานในเทศบาลบอกเขา
“อ้าว!! ผมไม่รู้เลย แค่แปลกใจที่ไม่เห็นหน้า ลาออกแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ลาออกเลย เห็นรยาบอกว่ากลับบ้านน่ะค่ะ บ้านของยัยดาเขาอยู่ชายทะเล คงกลับไปทำงานส่วนตัว น่าเสียดายนะคะ หากอยู่คงช่วยงานคุณชนได้อีกเยอะ” คนพูดอดแดกดันไม่ได้ ณดาทำงานรับใช้ ชวกรเหมือนเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของเขา แต่วันที่เขาประสบความสำเร็จ คนที่ยืนเคียงข้างกับเป็นผู้หญิงคนอื่น
“...” ชวกรเม้มปาก ไม่ได้ถามอะไรอีก เขาเดินเลยกลับไปที่ห้องทำงาน ล้วงโทรศัพท์มากดโทร.ออก อย่างน้อยณดาควรบอกให้เขารู้บ้าง ไม่ใช่หายไปดื้อๆ
‘ไม่มีสัญญาณจากเลขหมายที่ท่านเรียก’
ไม่ว่าจะพยายามกดโทร.ออกกี่ครั้ง คำตอบที่เขาได้รับก็คือเสียงรอสายที่บอกว่าปลายทางไม่สามารถติดต่อได้
“ดาคงเปลี่ยนเบอร์” ชวกรพึมพำ แล้วก็ยัดโทรศัพท์ส่วนตัวเก็บไว้ที่เดิม มีคนเดียวที่สามารถบอกเขาได้ แต่คนคนนั้นไม่น่าจะตอบความจริง การล้วงข้อมูลของณดาจากธีรยามันยากเกินไป ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางปริปากบอกเขาแน่ๆ
“คิดอะไรอยู่คะ นั่งเหม่อเชียว ภัคเข้ามาในห้องจนถึงตัวคุณอยู่แล้วคุณยังไม่รู้ตัวเลยค่ะชน”
ภคมนทำลายภวังค์ของชวกร เขาสะดุ้งเล็กน้อย “ผมกำลังวางแผนเรื่องงานอยู่ครับคุณภัค ว่าแต่วันนี้เราสองคนไม่ได้นัดกันไว้นี่ครับ” ชวกรแย้ง
เขากับภคมนตัวติดกัน แทบไม่ห่างกันเลย ไม่ใช่เพราะอยู่ในช่วงดูดดื่มหรอกนะ แต่เกี่ยวพันกันเรื่องงาน หลายงานของภคมนต้องใช้เส้นสายของเขา บางครั้งชวกรก็รู้สึกอึดอัด ภคมนละโมบจนเขาใจไม่ดี
“ค่ะ ไม่ได้นัด ภัคเลิกคุยงานเร็ว เลยแวะมาหาคุณไม่ได้เหรอคะ?” ภคมนเอียงคอมอง แววตาวาววับ
“ได้สิครับ ห้องทำงานของผมยินดีต้อนรับคุณเสมอ”
“ดีค่ะ แบบนี้ภัคจะได้สบายใจ ภัคเพิ่งได้ยินข่าวดีมาด้วย คุณชนละคะรู้หรือยัง ผู้หญิงคนนั้นลาออกไปตั้งแต่วันที่ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว สงสัยรู้ตัวว่าจะถูกเขี่ยทิ้ง เลยรีบเผ่นไปเสียก่อน”
ชวกรหน้าตึง “ผมรู้ครับ ณดาเขากลับบ้านน่ะ เขาบอกผมไว้แล้ว” จะให้บอกภคมนว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องการตัดสินใจของณดาเลย มันก็ออกจะเสียหน้าไปสักหน่อย มันเหมือนกับว่าเขาเสียงเองที่ถูกทอดทิ้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งต่อกัน
“เหรอคะ ถึงว่า คุณชนดูไม่สนใจเลย ตัดใจจากหล่อนได้แล้วจริงๆ เหรอคะ?”
“ผมกับณดา แค่คนที่เคยมีอะไรกัน ไม่ได้ผูกพันถึงขั้นอาลัยอาวรณ์หรอกครับ”
“ดีค่ะ ภัคก็ไม่ชอบให้คุณคาราคาซังกับแม่นั่นนักหรอก ท่าทางผยอง เห็นแล้วขัดตาชะมัด” ภคมนอดขวางตาไม่ได้ เพราะเธออดระแวงไม่ได้ ชวกรกับณดาผูกพันกันมาหลายปี ต่อให้ตัดขาดกันจริงก็น่าจะเหลือเยื่อใย
“ยัยดาแกไปลำบากที่อื่นทำไม ในเมื่อตัวเองมีของดีแบบนี้อยู่หะ!!” การเดินทางสิ้นสุดลง ปลายทางคือบ้านน้อยติดชายทะเลของณดา
ทิวทัศน์ที่เห็น ธีรยาอดเสียดายไม่ได้ พื้นที่แห่งนี้สามารถสร้างรายได้มหาศาล มีงานหลายอย่างที่น่าทำได้ แถมยังเป็นต้นทุนที่ใช้ได้แบบไม่มีวันหมด ตัวบ้านห่างจากทะเลไม่เกินแปดร้อยเมตร ที่เห็นลิบๆ นั่นคือท้องทะเลสีฟ้าคราม มีไอเค็มๆ ลอยปะปนอยู่ในอากาศ
“ฉันอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด ฉันก็ต้องเบื่อบ้างสิ”
“ยัยดา ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะมาทำงานที่นี่กับแก ฉันต้องมีร้านกาแฟเล็กๆ ตรงนี้” ธีรยาพูดเสียงขึงขัง ท่าทางเอาจริง
“แกไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมรยา?” ณดาถามกลับ
“ไม่ฉันเอาจริง เดี๋ยวกลับไป ฉันจะลาออกแล้วขอสินเชื่อกับธนาคาร ฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนแกเอง” ธีรยาตอบ หลังวาดความฝันในอากาศ
“มันไม่ง่ายเหมือนที่คิดนะรยา ที่นี่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวสักหน่อย”
“มันก็ไม่ยากนี่ บ้านแกเป็นโฮมสเตย์ มีร้านอาหารด้วย ต่อให้ไม่มีแขกมาพัก แกก็น่าจะขายอาหารได้ แถวนี้ไม่ไกลจากตัวเมืองอย่างน้อยคนแถวนี้ก็น่าจะมาใช้บริการ รอให้เป็นรูปเป็นร่างก่อน สักพักก็มีคนรู้จักและแวะมาเที่ยวแน่ๆ”
ธีรยาเชื่อว่าหากไม่ยอมถอยตั้งแต่ก้าวแรก โอกาสก็น่าจะมาถึงในสักวัน มีคนบางจำพวกที่ชอบเที่ยวในแหล่งที่ยังไม่ดัง การเที่ยวแบบอนุรักษ์ เน้นสงบเงียบ และอิงธรรมชาติให้เยอะที่สุด เธอล้วงกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋า ตั้งใจเก็บภาพสวยๆ
“แกขนของขึ้นไปก่อนเลยยัยดา ขอฉันไปถ่ายรูปแปบ” ธีรยาวิ่งตัวปลิวลงไปที่ชายทะเล
ณดาโครงศีรษะบ่นอุบ “แกกำลังเอาเปรียบคนท้องนะยัยรยา”
จากนั้นก็ค่อยๆ ยกกระเป๋าสัมภาระลงจากท้ายรถยนต์
“หนูดา กลับมาแล้วเหรอ ป้ารอตั้งแต่เช้าแหนะ” สมศรีตะโกนลั่น พลางเดินกึ่งวิ่งมาจากบ้านหลังถัดไป “ป้าให้ยัยน้ำหวานทำความสะอาดบ้านไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ยัยหวานดีใจมากเลยนะที่รู้ว่าหนูดาจะกลับมาอยู่ที่นี่”
“สวัสดีค่ะป้า สบายดีใช่ไหมคะ ดาไม่ได้มาที่นี่นานเลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเลยนะคะ” หลังมองไปรอบๆ บ้านหลังนี้ยังเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคือทรุดโทรมลงกว่าเมื่อก่อน
“จะมีอะไรให้เปลี่ยนละ สมัยนี้หนุ่มๆ สาวๆ อยู่กันแต่ในเมือง ที่นี่ก็เหลือแค่คนแก่กับเด็กนั่นแหละ” สมศรีบ่นให้ฟัง ความเจริญทำให้คนท้องถิ่นต้องทิ้งบ้านเกิด ไม่อย่างนั้นจะไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว
โรงงานก็นิยมไปอยู่แถวที่การเดินทางสะดวก ใครที่อยู่ไกลออกไปก็ต้องกระเสือกกระสน ไม่อย่างนั้นคงได้อดตาย
“แต่ก็เจริญขึ้นนะคะ ถนนหนทางสะดวกสบายขึ้น”
ณดาชวนคุย สมศรีก็อาสาช่วยขนของ “ทำไมของเยอะจัง หนูดาจะกลับมาอยู่ที่นี่หรือไง แล้วงานละ?”
“ดาลาออกแล้วค่ะป้า ดาจะมาอยู่ที่นี่ ดาจะทำโฮมสเตย์ ช่วงนี้เปิดประเทศแล้วนักท่องเที่ยวน่าจะเยอะ”
“จะไหวเหรอ ที่นี่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวนะ”
“ต้องลองค่ะป้า หากเวิร์คคนแถวนี้จะได้มีรายได้ด้วย สมัยนี้นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวแบบอนุรักษ์ธรรมชาติค่ะ โรงแรมใหญ่ๆ ราคามันแพง เงินไม่ได้หาได้ง่ายๆ นี่คะ อะไรที่ประหยัดได้ พวกเขาก็ชอบแบบนั้น”
“ความคิดเข้าท่า ดีเหมือนกัน เด็กๆ ว่างงานจะได้อาศัยใบบุญ”
“ที่ท่าเรือยังมีเรือมาแวะบ้างไหมคะ?” ณดาถามกลับ
“มี แต่ไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน กฎหมายใหม่มันเข้ม ห้ามไปเสียทุกอย่าง จนชาวบ้านแทบจะอดตาย” การทำประมงสมัยนี้ยุ่งยาก เอกสารเยอะแยะไปหมด วิถีชีวิตคนมีบ้านติดทะเลเลยเปลี่ยนไป
“ดีนะคะ ไม่เลิกกันไปหมด ดาจะเอาท่าเรือนั่นแหละค่ะเป็นจุดขาย จัดของเสร็จดาจะไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านสักหน่อย ถ้าหากช่วยกันมันจะได้สร้างธุรกิจหมู่บ้านไงคะ คนสูงอายุจะได้พอมีรายได้”
ณดาคิดไว้หลายอย่าง คนแถวนี้ก็พอคุ้นหน้าคุ้นตากัน
และยิ่งธีรยาเอาด้วย เธอจะมีผู้ช่วยฝีมือดี ฝันของเธอคงไม่ไกลเกินความสามารถ
“ป้าเห็นมีเพื่อนมาด้วยไม่ใช่เหรอ?”
“ค่ะ ยัยรยาไงคะ สมัยเรียน ดไปกินไปนอนที่บ้านเขาบ่อยๆ”
“อ้อแม่หนูคนนั้นเอง ไปไหนเสียแล้วละ”