เช้าวันนี้หญิงสาวตื่นเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เป็นกระเป๋าใบไม่ใหญ่ ขนาดพอดีกะทัดรัด เหมาะสำหรับเดินทางไปไหนมาไหนสะดวก เมื่อจัดเก็บของที่ต้องการเสร็จแล้ว ก็จัดการกับร่างกายของตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยนชุดที่คิดว่าเหมาะสำหรับการเดินทางที่สุด การไปกาญจนบุรีครั้งนี้หยกรดามีเป้าหมายปลายทางอยู่ที่ ‘ปางไม้ภูตลา’ การเดินทางครั้งนี้ไปแบบคนธรรมดา จะไม่แต่งตัวโอเว่อร์เหมือนที่แต่งปกติ จะแต่งแบบหญิงสาวชาวบ้านใสซื่อไร้เดียงสา เธอจำเป็นต้องเก็บตัวตนที่แท้จริงไว้ภายใน เสื้อผ้าแบรนด์ดังต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นของตลาดนัดราคาถูก โชคดีที่คนใช้ในบ้านหุ่นพอๆ กับเธอ จึงไปขอซื้อต่อมา ก็เล่นตื่นตั้งแต่ตีห้าไปปลุกคนใช้แต่เช้าเพื่อถามซื้อชุด ดีที่มีแต่ชุดสวยๆ ไม่อยากเชื่อเสื้อผ้าตลาดนัดจะสวยไม่แพ้ชุดแพงๆ ที่ตนเคยใส่ประจำ
พอแต่งตัวเสร็จหยกรดาเห็นตัวเองในกระจกก็แทบกรี๊ด ตั้งแต่จำความได้เธอไม่เคยมีโมเมนนี้กับเขาเลย ไม่อยากเชื่อ บก.นิตยสารชื่อดังจากอิตาลีต้องมาเป็นคนธรรมดาเดินดินบ้านๆ แต่ต้องทนเพื่อค้นหาความจริงเรื่องพี่สาว หลังจากส่องกระจกอยู่สักพักเมื่อคิดว่ารับตัวเองได้แล้วจึงลากกระเป๋าออกจากห้องไป เพื่อจะไปยังเป้าหมายที่วางไว้
“อ๊าย...อาหยกลื้อเป็นอะไรรึเปล่าลูก”
กิมฮวยแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่คนอย่างหยกรดาแต่งตัวปอนๆ เสื้อผ้าราคาถูกๆ ไม่มีแบรนด์ดังบนเนื้อตัวสักชิ้น มันเกิดอะไรกัน หรือว่าเมื่อคืนลูกสาวนางล้มหัวฟาดพื้นจนสมองกลับ
อย่าว่าแต่กิมฮวยเลย พนักงานในร้านที่มาทำงานแต่เช้าต่างพากันมองนายสาวด้วยความตกใจเช่นกัน ปากที่ไม่ได้ทาสีแดงแจ๊ดเหมือนอย่างที่เคย แถมหน้าที่ซีด ปกติจะต้องชมพูเด้งไม่ตกสี คิ้วก็ต้องเป๊ะ ตาก็ต้องเป๊ะ แต่ดูตอนนี้สิมันคืออะไร ไม่มีแม้แต่ลิปสติกสีแดงคิ้วสีน้ำตาลเข้ม แก้มชมพูเข้ม มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่หยกรดาไม่แต่งแบบนี้ก็ดูสวยหวานเหมือนกับผู้เป็นพี่สาวที่จากไปไม่มีผิด ก็หงสรถไม่ชอบแต่งหน้าทาปากเหมือนหยกรดา เลยดูน่ารักไร้เดียงสา พอหยกรดาแต่งเหมือนบ้างแทบจะแยกไม่ออกเลยเหมือนคนคนเดียวกันเสียมากกว่า
“ลื้อร้องเสียงดังอะไรกันกิมฮวย” ภาคภูมิได้ยินเสียงร้องของภรรยาเลยเดินออกมาดูว่าเสียงดังด้วยเรื่องอะไรกัน
“อาเฮียก็ดูเอาสิคะ” พยักพเยิดไปทางด้านหยกรดา
คนไม่รู้เรื่องมองตามทิศทางที่ภรรยาพยักพเยิดไป
“อาหงส์!...”
“ไม่ใช่ค่ะป๊าหยกเอง” หยกรดาแก้ต่างให้ตัวเอง
“ทำไมลื้อแต่งตัวแบบนี้อาหยกไม่เหมือนลื้อเลยนะ ป๊าคิดว่าเป็นพี่สาวลื้อเสียอีก” ถามด้วยความอยากรู้
“แล้วนั่นกระเป๋าอะไรอาหยก ลื้อจะไปไหน” กิมฮวยเพิ่งจะสังเกตเห็นกระเป๋าของบุตรสาว
“กระเป๋าเดินทางไงม้า พอดีหยกจะไปทำงานที่กาญจนบุรีสักสามเดือน ทางบริษัทที่หยกทำงานเขาให้หยกไปเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวของไทยเรา และอั๊วก็เห็นว่ากาญจนบุรีเหมาะที่สุด ไหนจะน้ำตกเอย ภูเขาเอย และล่องแก่งเอย น่าไปทั้งนั้นเลยค่ะ” แผนการโกหกได้เริ่มขึ้นแล้ว
“แล้วทำไมลื้อแต่งตัวแบบนี้อาหยก มันไม่ใช่ลื้อเลยนะ อีกอย่างเมื่อวานลื้อไม่เห็นบอกป๊ากับม้าเลยว่าจะไปทำงาน”
ภาคภูมิซักบุตรสาวเป็นการใหญ่
“พอดีอั๊วอยากกลมกลืนกับคนทั่วไปเขาบ้าง ไม่อยากแต่งตัวเยอะ เดี๋ยวคนที่กาญจนบุรีเห็นจะตกใจเอา หยกจะบอกป๊าม้าได้ไงก็ในเมื่อเจ้านายเขาเพิ่งโทรมาสั่งเมื่อคืนนี้เอง เป็นงานด่วนเลยต้องไปแบบด่วนๆ ค่ะป๊า” เรื่องแหลนี่ไม่มีใครเกินเธอแล้ว
“แน่ใจนะว่าลื้อจะใส่ชุดนี้ ไม่อายคนแน่นะลูก แล้วจะเอารถไปเองหรือนั่งรถตู้” กิมฮวยถามอย่างเป็นห่วง
“รถทัวร์ค่ะ จะได้ได้บรรยากาศ ก็ดูชุดหยกสิม้า มันเหมาะกับรถทัวร์มากกว่า คิกๆ”
“อย่าไปนานนะ รีบทำงานให้เสร็จแล้วกลับมาบ้านให้ชื่นใจ ไม่มีอาหงส์แล้วนะ ลื้อดูแลตัวเองดีๆ นะป๊ากับม้ามีลื้อคนเดียว จะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ นะอาหยก”
ภาคภูมิไม่อยากให้บุตรสาวไปเลย ใจจริงอยากให้ลาออกจากงานมาช่วยงานที่บ้านมากกว่า แต่ถึงบอกไปหยกรดาก็ไม่ยอมออกจากงานที่รักมาง่ายๆ แน่
“ค่ะอาป๊า”
หยกรดาวางกระเป๋าเดินทางแล้วเดินเข้ามาสวมกอดผู้มีพระคุณทั้งสองพร้อมกับหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของทั้งสอง และภาพครอบครัวอบอุ่นนี้เองทำให้พนักงานในร้านต่างพากันยิ้มตามให้กับความรักของครอบครัวที่แสนยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะทำอะไรดีไม่ดีมาถึงแม้ที่อื่นไม่ยอมรับเรา แต่ครอบครัวพร้อมจะอ้าแขนรอรับเราเสมอในยามที่เราอ่อนแอ
“ไปนะคะม้า ป๊า ชุดนี้และในกระเป๋าทั้งหมดหยกซื้อมาจากพี่นาค่ะ” ก่อนจะไปไม่ลืมบอกที่มาของชุดโลโซที่ตนใส่ บอกเลยแม้ไม่มียี่ห้อแต่ก็สวยได้เมื่ออยู่บนร่างของหยกรดา
“เดินทางปลอดภัยนะอาหยก ไปถึงแล้วโทรหาม้ากับป๊าด้วยนะ”
กิมฮวยมองตามบุตรสาวด้วยความอาลัย ถึงจะไปไม่นานแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะลางสังหรณ์ของนางมันบอกมาแบบนั้น บอกว่าการไปของหยกรดาในครั้งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่รู้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดกันแน่ ต้องคอยดูกันต่อไป