บทที่ 1 จากกันตลอดกาลแต่ไม่ลืมจากใจ 2

1537 คำ
หลังจากงานศพของพี่สาวเสร็จหยกรดาก็โทรไปขอลางานกับทางบริษัทที่ทำอยู่สามเดือน เพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ก่อน ยิ่งตอนนี้ไม่มีพี่สาวแล้วท่านทั้งสองคงหาคนช่วยงานลำบาก ไหนจะเรื่องบัญชีของร้านทองอีก จ้างลูกจ้างมาก็ทำงานไม่ถูกใจ จนเธอต้องต้องอยู่ช่วยท่านทั้งสองก่อนถึงแม้ว่ามันจะเป็นงานที่ไม่ชอบ แต่มันก็คือกิจการของครอบครัว และมันก็เป็นหน้าที่ของลูกที่ดีที่เธอควรทำ หนึ่งอาทิตย์แล้วที่หงสรถจากไปไม่มีวันกลับ วันนี้หยกรดาตั้งใจจะมาทำความสะอาดห้องของพี่สาวเหมือนอย่างทุกวันที่เข้ามาทำ ถึงแม้ว่าเจ้าของห้องนี้จะจากไปแล้ว แต่หญิงสาวก็มาทำความสะอาดห้องให้สะอาดอยู่เสมอเสมือนกับว่าหงสรถยังอยู่กับเธอไม่ได้ไปไหน “อาเจ๊วันนี้หยกมึนกับบัญชีมาก ป๊าน่าจะจ้างพนักงานบัญชีมาทำ เจ๊ว่าไหม ขนาดพนักงานขายป๊ากับม้ายังกล้าจ้างมาตั้งแปดคนเลยเพิ่มพนักงานบัญชีอีกคนจะเป็นไรเนอะเจ๊เนอะ” กวาดห้องไปพูดคนเดียวไป เหมือนอย่างทุกครั้งที่เข้ามาในห้องนี้ “หยกลืมไปว่าเจ๊หลับอยู่ ไม่กวนแล้ว แต่ก็อดไม่ได้หยกเรียนจบมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกบรรณาธิการมานะ ไม่ได้เรียนจบบัญชีมาเหมือนกับเจ๊ สอนหยกให้ตายหยกก็ไม่เอา ปวดหัวไม่ชอบเลขเจ๊ก็รู้อ่ะ แต่ก็อย่างว่าเนอะธุรกิจครอบครัวต้องช่วยๆ กัน” พูดไปเรื่อยตามประสาคนพูดมากอย่างเธอ “ขัดๆ เช็ดๆ” ทำความสะอาดห้องไปร้องเพลงไป แล้วจังหวะที่เช็ดโต๊ะเครื่องแป้งที่ติดกับตู้เสื้อผ้า อยู่ดีๆ ก็มีซองจดหมายสีขาวหล่นลงมา “เอ๊ะ! อะไรกันนะ ทำไมเราไม่เคยเห็น มาทำความสะอาดก็บ่อย หลังตู้เสื้อผ้าเราก็ปีนเช็ดถูกแล้วนะแต่ไม่เคยเห็นซองจดหมายนี้เลย” เอ่ยพลางแกะอ่านจดหมายในซอง ด้วยความอยากรู้ว่ามันเป็นจดหมายอะไรกันแน่ “ปางไม้ภูตลาที่รัก” เมื่ออ่านข้อความในจดหมายแล้วถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยใคร่รู้ พลิกหน้าพลิกหลังก็ไม่เห็นมีข้อความอื่นนอกจากคำว่า ‘ปางไม้ภูตลาที่รัก’ ต้องมีอะไรที่นี่แน่ แล้วทำไมถึงเป็นที่นี่ด้วย “ปางไม้ภูตลามันคือที่ไหนกันนะ แล้วทำไมมันมาอยู่ในห้องอาเจ๊ แถมจดหมายนี้ก็ลายมือเจ๊ชัดๆ มันต้องมีอะไรแน่” ว่าแล้วก็รีบถือซองจดหมายวิ่งออกจากห้องหงสรถกลับไปห้องของตนเพื่อเปิดโน้ตบุ๊กค้นหาปางไม้ภูตลา ว่ามันคือที่ใดกันแน่ และมันเกี่ยวอะไรกับพี่สาวของตนกัน พอเปิดเครื่องโน้ตบุ๊กก็ไม่รอช้าเข้า google ค้นหาปางไม้ภูตลาว่ามันอยู่แห่งหนใดของประเทศไทย ไม่นานข้อมูลที่ต้องการก็โชว์ที่หน้าจอ หยกรดาไล่สายตาอ่านที่อยู่ของปางไม้ ก่อนจะหยิบกระดาษและปากกาที่ใกล้มือมาจดที่อยู่ไว้ “ที่นี่สินะที่อาเจ๊อยากให้หยกไป ขอบคุณนะเจ๊ที่ช่วยชี้ทางให้น้อง” ขอบคุณกับอากาศด้วยหวังว่าคำพูดของตนจะล่องลอยไปหาผู้เป็นพี่สาวที่จากไป “อย่างที่หยกบอกอาเจ๊วันที่มาถึงงานศพเจ๊ หยกจะหาความจริงของเรื่องนี้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง อาเจ๊อย่าห่วงหยกเลยนะ หยกจะดูแลตัวเองให้ดี ไม่ให้ใครทำอะไรได้ มีแต่น้องเจ๊จะไปทำร้ายเขามากกว่า” หยกรดากำกระดาษแผ่นเล็กในมือไว้แน่นเมื่อคิดถึงพี่สาวที่จากไป แล้วน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลริน ทั้งๆ ที่ได้บอกตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ เมื่อคิดถึงหงสรถ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “อาหยกลื้ออยู่ในห้องรึเปล่า?” “อยู่จ้าม่าม้ามีอะไรคะ” คนในห้องรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะรีบมาเปิดประตูให้ผู้เป็นแม่ได้เข้ามา “ไม่มีอะไรหรอก พอดีม้าเดินผ่านห้องอาหงส์เห็นเปิดอยู่ คิดว่าลื้ออยู่ทำความสะอาดในนั้น แต่ม้าเข้าไปไม่เจอลื้อเลยมาตามที่ห้อง” “พอดีหยกมาคุยงานกับลูกน้องค่ะม้า ลูกน้องโทรมาปรึกษาเรื่องงานน่ะ” เอ่ยโกหกคำโตเท่าบ้าน เพราะไม่อยากให้แม่รู้ว่าตนนั้นกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ในเวลานี้ “แน่นะไม่ใช่มาแอบร้องไห้คิดถึงอาหงส์นะ” มีหรือคนอย่างนางกิมฮวยจะเชื่อ ก็เล่นตาแดงเต็มตาขนาดนี้ยังจะมาโกหกอีก “แหม!...ม้ามันก็ต้องมีบ้าง หรือม้าไม่คิดถึงอาเจ๊ หยกรู้นะว่าม้านอนกอดป๊าร้องไห้ทุกคืน เพราะคิดถึงอาเจ๊” “รู้ทันม้าอีกแล้ว พูดแล้วก็คิดถึงอาหงส์ ไม่น่าคิดสั้นเลย ไหนจะหลานในท้องอีก” พูดถึงลูกสาวคนโตทีไรกิมฮวยน้ำตาคลอทุกที ก็ลูกสาวทั้งคนมาจากไปแบบไม่บอกกล่าวเช่นนี้เป็นใครจะทำใจได้ “ม้าอย่าเศร้าไปเลยนะ เดี๋ยวอาเจ๊จะไม่สบายใจ ตอนนี้อาเจ๊กับหลานน้อยคงกำลังมองเราอยู่นะม้า อย่าร้องนะเดี๋ยวหยกร้องตาม” ไม่ใช่แค่แม่ที่เสียใจกับการจากไปของพี่สาว เธอเองก็เสียใจไม่แพ้แม่เช่นกัน “เราต้องเข้มแข็งสิ เวลาอาหงส์มองพวกเราจากบนสวรรค์จะได้มีความสุข” กิมฮวยนำผ้าเช็ดหน้าที่ถือติดมือมาด้วยขึ้นมาซับหน้าตา ก่อนจะช้อนหน้าขึ้นยิ้มให้ลูกสาวคนเล็ก เพื่อจะได้ไม่เป็นห่วงตน “ม้าหยกถามไรหน่อยสิคะ” หยกรดาอยากรู้ว่าตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาหงสรถได้ออกไปไหนมาไหนบ่อยไหม ไปเที่ยวไหนบ้าง และไปไหนบ่อยที่สุด ก็ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้กลับมาบ้านเลยเพราะงานติดพันเยอะเหลือเกินที่อิตาลี ถ้าไม่เกิดเรื่องหงสรถก็คงไม่ได้กลับมาเมืองไทยง่ายๆ “ลื้อจะถามอะไรม้าอาหยก?” “คือหยกอยากรู้ว่าอาเจ๊มีแฟนไหมม้า และตลอดเวลาที่หยกไม่ได้กลับมาบ้านเจ๊ไปเที่ยวไหนบ่อยที่สุด” “เรื่องนี้เอง ม้ากับป๊าก็ไม่รู้นะว่าอาหงส์อีมีแฟนไหมแต่ตลอดเวลาหนึ่งปีมานี้อาหงส์ดูมีความสุขมาก ม้ายังแซวเลยว่าแอบมีแฟนรึเปล่า แต่พี่สาวลื้อไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟังเลยนอกจากบอกว่าเพื่อนกันเท่านั้น แต่เสาร์-อาทิตย์อาหงส์ชอบออกไปข้างนอกบ่อยๆ บอกว่านัดเพื่อนไว้ แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนคนไหนสงสัยจะเป็นแฟนกัน อาหงส์เป็นแบบนี้อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะขอลางานม้ากับป๊าไปเที่ยวกาญจนบุรีสองเดือน ม้าสังเกตนะหลังจากกลับมาจากกาญจนบุรีดูอาหงส์ซึมเศร้ายังไงไม่รู้ เป็นแบบนี้มาสักพักจนพี่ลื้อคิดสั้นนั่นแหละอาหยก” ยิ่งพูดถึงหงสรถยิ่งทำให้คิดถึง นางไม่คิดไม่ฝันว่าลูกสาวจะมาตายจาก ทั้งๆ ที่ผู้เป็นแม่น่าจะจะตายก่อน แต่มันก็เป็นไปแล้ว เมื่อชีวิตคนเราหาอะไรที่แน่นอนไม่ได้ เหมือนอย่างหงสรถที่นางและสามียังคาดไม่ถึงเลยว่าจะเลือกจบชีวิตตัวเองในวัยสาวเช่นนี้ หยกรดาได้ฟังเรื่องราวที่มารดาเล่าให้ฟัง เมื่อคิดตามและประมวลเหตุการณ์ทุกอย่างเพื่อหาต้นเหตุของการฆ่าตัวตายของพี่สาว และนั่นมันก็ใช่ที่กาญจนบุรี เป็นสถานที่สุดท้ายที่พี่สาวเธอไปก่อนจะฆ่าตัวตาย และจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก ‘ปางไม้ภูตลา’ ความจริงต้องอยู่ที่นั่นแน่ “ม้าอย่าเศร้าไปเลยนะ อาเจ๊อยู่ในนี้เราเสมอค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วแต่เจ๊ยังเป็นที่รักของเราทุกคนค่ะ” เธอตบอกซ้ายของตนเพื่อตอกย้ำให้แม่รู้ว่าถึงวันนี้หงสรถไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ยังอยู่ในใจเธอเสมอ ไม่ว่าจะนานเพียงไรพี่สาวที่แสนดีก็ยังคงอยู่ในนี้ “ม้าไปดูหน้าร้านกับป๊าก่อนนะ สายแล้วลูกค้าคงมากันเยอะแล้ว ลื้อก็รีบแต่งตัวไปช่วยกันทำงานด้วยล่ะอาหยก” กิมฮวยข่มความเศร้าไว้ข้างใน ก่อนจะแสร้งยิ้มแล้วลุกเดินจากไป “อาเจ๊หยกจะหาความจริงเรื่องนี้เอง ผู้ชายคนนั้นต้องได้รับโทษที่ทำกับเจ๊และหลานของหยก เป็นกำลังใจให้น้องสาวคนนี้ด้วยนะเจ๊นะ” พูดอย่างหมายมั่นก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างที่ผู้เป็นแม่บอก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม