หลัวเซียงเซียงยังตกใจกับการโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงของเขา ผู้ชายคนนี้เป็นเดอะแฟลช[1]หรือยังไง ตอนที่นางออกจากวังหลวงเขายังอยู่ในตำหนักฝ่าบาทแท้ ๆ ตอนนี้ทำไมมาโผล่ที่นี่แล้ว
หลงเฟยเยี่ยรีบบอกให้สองแม่ลูกหนีไป หลัวเซียงเซียงได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกเหมือนตนเองเป็นปีศาจร้าย ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด
"เรื่องดีไม่เคยทำ วัน ๆ คิดแต่ทำร้ายผู้อื่น"
เขาถลึงตาใส่นาง สั่งให้ทหารของตนเองคุ้มครองความปลอดภัยของชาวบ้าน หลัวเซียงเซียงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม นางไม่ได้สั่งคนเสียหน่อยพวกเขากระทำการเองโดยพลการ ทว่าในเมื่อเป็นองครักษ์ของนางหลัวเซียงเซียงจึงไม่อาจปัดความรับผิดชอบ
หลัวเซียงเซียงเห็นสายตาเหยียดหยามที่มองมาทำนางค้อนขวับ รู้สึกเกลียดสายตานี้จนแทบจะกระโดดขย้ำคอเขาอยู่แล้ว หน็อย คิดว่าตัวเองสูงส่งตายล่ะ ยัง ยังจะมองแบบนี้อีก เด๊ะ ตบสักป้าบดีไหม เหอะ ตรงไหนดี ที่กะโหลกนั่นสมควรที่สุด
ความในใจของหลัวเซียงเซียงนั้นชินอ๋องย่อมไม่รู้ ทว่าท่าทางเอาเรื่องดื้อด้านของนางก็ทำให้เขาพออ่านออก นางกำลังก่นด่าเขาในใจอยู่เป็นแน่
"ข้าไม่ได้ทำอะไร ท่านตาบอดหรือไงจึงมาใส่ร้ายข้า ท่านอ๋องข้าก็เป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่งจะทำอะไรผู้ใดได้"
เขาค้อมกายลงใกล้ ๆ ใบหูของนางเอ่ยเย็นชา
"มิใช่สตรีอ่อนแอผู้นี้หรือที่วางยาข้า มิใช่สตรีอ่อนแอผู้นี้หรือที่โบยเด็กกลางถนน และตอนนี้ยังคิดจะทำเรื่องเลวทรามอีกครั้ง หากข้าไม่มาพบเข้าเสียก่อน"
"เหอะ ทั้งหมดเป็นท่านที่คิดมากไปทั้งนั้น ชินอ๋องอย่าหาว่าข้าก้าวก่ายเลยนะ คนที่เอาแต่มองโลกในแง่ร้ายน่ะไม่เป็นโรคซึมเศร้าก็กลายเป็นบ้า ท่านก็ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกัน วันนี้พวกเราสองคนเจอกันมากพอแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันก็ขอทูลลาเพคะ"
นางยกนิ้วจิ้มเข้าที่อกของเขาก่อนจะโบกมือบ๊ายบาย ไม่คิดจะอยู่ร่วมซีนแย่ ๆ กับเขาเลยแม้แต่นาทีเดียว ดวงตากลมโตท้าทายสายตาอำมหิตโดยไม่หวาดกลัวและดื้อดึง
ตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องท่าทางอ่อนหวานขี้อายขลาดเขลาประดุจคุณหนูในห้องหอของหลัวเซียงเซียงก็เปลี่ยนไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา นางแสดงกิริยาต่ำช้าออกมาโดยไม่คิดเสแสร้ง ยังพยายามตีตัวออกห่างเช่นนี้ทำให้ความรู้สึกของเขาสับสนนัก กระทั่งวันนี้ก็เป็นการตอกย้ำแล้วว่าความจริงในใจของนางได้เปลี่ยนไปแล้ว
หลัวเซียงเซียงยอบกายอย่างเสียไม่ได้ ก่อนที่จะถูกหลิง หลิงประคองขึ้นรถม้าไป ในยามนั้นหลัวเซียงเซียงก็ได้พบตัวละครตัวใหม่ที่โผล่เข้ามาร่วมฉาก
"คุณหนูรอง ช้าก่อน"
หลัวเซียงเซียงนิ่วหน้า บุรุษผู้มาใหม่นับเป็นบุรุษร่างสูง ผิวคร้ามแดดจนกลายเป็นสีแทน แต่งกายด้วยชุดทหารเต็มยศรูปร่างบึกบึน ใบหน้าของเขายังคมคายหล่อเหลา ให้ตายเถอะถึงไม่ใช่สายฝออย่างสเปกของนางแต่ก็พอแทนกันได้
หลัวเซียงเซียงย่อมไม่รู้ว่าเขาคือใครเนื่องจากสมองทบทวนเรื่องที่ได้อ่านมาไม่ทัน แต่เขามีทีท่าสนิทสนมกับนางแบบนี้ คิดว่าคงเป็นคนคุ้นเคยแน่ ๆ จึงได้ยิ้มกว้างรับหน้าเอาไว้ก่อน
"สวัสดีคุณชาย"
คำทักทายประหลาดของนางทำให้หวังม่าหัวเราะออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่นางไม่ทำท่าเย่อหยิ่งและถอยห่างจากเขา หลัว เซียงเซียงใช้ศอกถองไปที่สีข้างหลิงหลิงก่อนจะเอ่ยถาม
"ใครอ่ะ"
หลิงหลิงยกมือป้องปากกระซิบบอกเบา ๆ
"คุณชายหวังม่าเจ้าค่ะ ตำแหน่งรองแม่ทัพคนในสังกัดบิดาของท่าน"
หลัวเซียงเซียงประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว คุณชายหวังคนนี้มีบทน้อยมาก เขาคือผู้ชายคนหนึ่งที่มีใจให้นางร้ายแต่ไม่สมหวัง ให้ตายเถอะคนหล่อขนาดนี้หลัวเซียงเซียงไม่อาจปล่อยเอาไว้แต่ นางส่งยิ้มหวานฉ่ำส่งน้ำเสียงหวานใสออกไป
"มีวาสนาได้พบ ช่างดียิ่งนัก"
เมื่อมีบุรุษอีกผู้หนึ่งพุ่งตัวเข้ามาหาหลัวเซียงเซียง ใบหน้าของหลงเฟยเยี่ยจึงกระตุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ท่าทางของหลัวเซียงเซียงที่แสดงออกต่อหน้าหวังม่านั้นล้วนเป็นท่าทางที่นางเคยแสดงออกกับเขามาก่อนยิ่งมองก็ยิ่งทำให้หลงเฟยเยี่ยรู้สึกรำคาญสายตา
"ท่านอ๋องนั่นแม่ทัพน้อยหวังม่ามิใช่หรือขอรับ เขากลับมาตั้งแต่เมื่อใด ดูท่าทางของคุณหนูรองจะสนิทสนมกับเขาไม่น้อย"
องครักษ์เจี้ยนหลางเอ่ยขึ้น
"นางจะสนิทกับผู้ใดย่อมไม่เกี่ยวข้องกับข้า"
"แต่นางคือว่าที่หวางเฟยนะขอรับ ชื่อเสียงของนางย่อมเกี่ยวกับชื่อเสียงของท่าน ท่านอ๋องจะปล่อยไปจริง ๆ หรือขอรับ"
หลงเฟยเยี่ยหันหลังทำท่าไม่สนใจ ทว่าในใจกลับร้อนรนอย่างประหลาด ที่ผ่านมาคนที่หลัวเซียงเซียงมักจะติดตามก็คือเขา กับบุรุษอื่นนางแทบไม่เคยสนทนาด้วยเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้หลงเฟยเยี่ยย่อมรู้ดี
ทว่าหลังจากที่เกิดเรื่องนั้นแล้วนางกลับชายตาแลชายอื่นเช่นนี้ หลงเฟยเยี่ยถึงกับกำมือแน่น เมื่อนึกถึงคำพูดเสียดแทงใจและเป็นถ้อยคำที่เขาไม่มีทางยอมรับโดยเด็ดขาด
นางหาว่าเขาเป็นไก่อ่อน ไม่แซ่บอย่างที่นางเคยเอ่ยไว้ หลัวเซียงเซียงจึงคิดมองหาบุรุษอื่น ตอบสนองความต้องการของนางเช่นนี้ ให้ตายเถิดหลัวเซียงเซียง บุรุษเช่นเขาฆ่าได้หยามไม่ได้ ที่เขายอมแต่งงานกับนางแน่นอนว่าเขาคิดจะล้างตาสักหน ทำให้หลัวเซียงเซียงผู้นั้นรู้ว่า บุรุษที่แท้จริงเป็นเช่นใด
หางตาของเขามองไปยังหลัวเซียงเซียง นางสนทนากับคนผู้นั้นอยู่ชั่วครู่จากนั้นจึงขึ้นรถม้าไป ใบหน้าของชินอ๋องกระตุกขึ้นอีกคราเมื่อพบว่าคนผู้นั้นกำลังขี่ม้าตามหลัวเซียงเซียงไป และเส้นทางที่นางกำลังไปนั้นก็มิใช่ทางกลับจวน
"ช้าก่อนท่านอ๋อง"
จู่ ๆ ก็มีคนมาขวางทางของเขาเอาไว้ เป็นชาวบ้านผู้หนึ่งที่คุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นก็มีชาวบ้านอีกหลายคนทำตาม
"ท่านอ๋อง ไหน ๆ ท่านก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกข้าน้อยนะขอรับ"
เมื่อเผชิญหน้ากับชินอ๋องผู้ทรงธรรม ชาวบ้านจึงถือโอกาสร้องเรียนคุณหนูรองผู้ชั่วร้ายโดยตรง องครักษ์เจี้ยนหลางขวางหน้าท่านอ๋องเอาไว้เพื่อความปลอดภัย หลงเฟยเยี่ยดันร่างสูงของเขาออกให้พ้นทางแล้วเอ่ยถาม
"พวกเจ้าคิดร้องเรียนเรื่องอันใดหรือ"
ชาวบ้านชราก้มหน้าต่ำหลั่งน้ำตาออกมา
"ท่านอ๋อง เดิมทีไม่มีผู้ใดกล้าด้วยเกรงบารมีของคุณหนูรองผู้นั้น แต่ข้าน้อยไม่อาจทนไหวจริง ๆ ขอรับ"
"ว่ามาเถิดไม่ต้องกลัว ข้าจะคืนความเป็นธรรมให้เจ้าเอง"
"ท่านอ๋อง คุณหนูรองช่างร้ายกาจวันก่อนวัวของข้าน้อยหลุดออกไปในเมือง ข้าน้อยพยายามลากมันมาแล้วแต่ดันไปเจอกับคุณหนูรองผู้นั้นเข้า วัวของข้าน้อยดันเกิดอุจจาระขึ้นมาต่อหน้านางคุณหนูรองโกรธมากจึงสั่งให้คนของนางเอาขี้วัวป้ายหน้าข้าเพื่อเป็นการทำโทษ ท่านอ๋องข้าอับอายยิ่งนัก ต่อหน้าคนมากเพียงนั้นนางยังทำเรื่องชั่วช้าได้"
องครักษ์เจี้ยนหลางเอ่ยเบา ๆ
"ขี้วัวหรือ นางช่างร้ายกาจยิ่ง"
หลงเฟยเยี่ยระอาใจ คนกล่าวโทษคนแรกยังเอ่ยไม่จบ คนที่สองก็ตามมา
"ท่านอ๋อง คุณหนูรองผู้นั้นยังพังร้านวาดภาพของข้า เพราะนางหาว่าข้าวาดนางอัปลักษณ์ ท่านอ๋องข้าทำเต็มที่แล้วนางนอกจากไม่จ่ายเงินยังพังร้านของข้าจนเสียหาย ข้าเองไม่กล้าไปร้องเรียนกับผู้ใด ยามนี้ข่าวมาว่าท่านกับนางได้รับสมรสพระราชทานแล้ว ท่านอ๋องท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะขอรับ"
หลงเฟยเยี่ยถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ ยามนี้ทุกคนต่างส่งเสียงเซ็งแซ่กล่าวโทษหลัวเซียงเซียงพร้อมกันจนเขารู้สึกปวดหู กระทั่งคนหนึ่งเอ่ยว่า
"ท่านอ๋อง ตัวท่านนางยังไม่ละเว้นไม่คิดเกรงกลัว นางยังกล่าวว่าท่านเป็นผู้รักษากฎหมายแท้ ๆ แต่กลับตัวเป็นเต่าชราไม่ทำหน้าที่ตนเองให้ดี ท่านอ๋องนางยังบอกให้ท่านลาออกจากราชการซะ อยู่ไปก็เปลืองภาษีประชาชนเปล่า ๆ ท่านอ๋องนางกล้าล่วงเกินท่าน ท่านจะปล่อยนางไปจริง ๆ หรือขอรับ ท่านอ๋องสตรีนางนี้อาศัยอำนาจบิดารังแกประชาชนมาโดยตลอด สมควรลงโทษนางให้หลาบจำนะขอรับ"
เขากำมือจนเส้นเลือดปูดโปน รู้สึกคล้ายมีไฟลุกไหม้เหนือศีรษะก่อนที่จะกลายเป็นอาการชาไปทั้งหนังศีรษะ
"หลัวเซียงเซียง! เจ้ามันสตรีปากสุนัข"
เชิงอรรถ
1. ^ เดอะแฟลช เป็นตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ในหนังสือการ์ตูนมีความสามารถคือวิ่งเร็วเหนือมนุษย์