บนเตียงขนาดคิงไซส์ของโรงแรมหรูใจกลางเมืองกรุงกำลังร้อนระอุไปด้วยบทรักสวาทร้อนแรงระหว่างมาเฟียหนุ่มรูปงามลูกครึ่งไทย-อิตาลีกับนางแบบหุ่นเซ็กซี่ดาวรุ่งที่กำลังมาแรงของประเทศไทย ในห้องสูทหรูเต็มไปด้วยเสียงหอบหายใจแรงถี่บวกกับเสียงครางผสานกันจนแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่พายุสวาทจะสงบลง
ชายหนุ่มพลิกตัวลงจากร่างบางก่อนที่จะคว้ากดรีโมทกดเปิดจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่เมื่อกิจกรรมรักเสร็จสิ้นลง
“ออกไปซะ”
เสียงทุ่มทรงอำนาจออกคำสั่งไร้เยื่อใยเป็นภาษาอังกฤษราวกับเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอบนเตียงกว้างใหญ่แห่งนี้
นางแบบสาวรีบถลาลงเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเต็มพื้นก่อนที่จะออกจากห้องตามคำสั่งโดยไม่เอ่ยอะไรให้รำคาญใจราวกับรู้หน้าที่ดีว่าเมื่อเสร็จกิจแล้วเธอนั้นก็หมดประโยชน์ แม้จะรู้สึกติดใจบทรักเร่าร้อนถึงพริกถึงขิงของบุรุษเพศรูปงามตรงหน้ามากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องขอเป็นครั้งที่สามเพราะเธอถูกจ้างมาเพียงชั่วโมงเดียวแล้วเธอก็ใช้เวลานั้นหมดไปแล้ว
ฟรานเซส ซานอาร์โด้ มาเฟียหนุ่มวัยสามสิบห้าปีเจ้าของความสูง หนึ่งร้อยแปดสิบสองเซนติเมตร เอนตัวพิงหัวเตียงในขณะที่กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ช่องหนึ่งซึ่งกำลังถ่ายทอดรายการแข่งขันทำอาหารของเหล่าดาราอยู่
ไม่ใช่เพราะเขาชอบดูรายการทำอาหารแต่อย่างใดหากแต่เป็นเพราะดาราสาวสวยคนนั้นต่างหาก แม้เธอจะอยู่ใต้ร่มผ้ามิดชิดและมีผ้ากันเปื้อนปิดทับอีกที แต่รูปร่างได้สัดส่วนของเธอกลับสะดุดตาชวนให้คิดลึกจินตนาการไปถึงใต้ร่มผ้าของเธอ และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกไม่นานเธอจะต้องคลานเข่าสลัดผ้ามาให้เขาได้เชยชมเหมือนผู้หญิงค่อนโลกที่เขาเลือกพวกเธอมาด้วยวิธีการชี้นิ้วเวลาต้องการให้พวกเธอมาปรนเปรอความสุขบนเตียง
ชายหนุ่มโยนรีโมทลงบนเตียงก่อนที่จะลุกขึ้นเต็มความสูงเดินโทงๆเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายจากคราบเหงื่อตามตัว ราวยี่สิบนาทีก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูพันไว้รอบเอวหลอมๆเผยกล้ามเนื้อท่อนบนเป็นมัดๆแข็งแรงตามแผงอกกว้างมีขนดกดำขึ้นกระจายไปทั่วแลดูเซ็กซี่ชนิดที่สาวๆเห็นแล้วต้องกลืนน้ำลายลงคอเพระความกระหายอยากแนบชิดอิงแอบและสัมผัสมัน
ระหว่างที่เขากำลังแต่งตัวเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเพียงเอ่ยอนุญาตแต่ไม่ได้สนใจหันไปมองเพราะรู้ว่าเป็นใคร
“ทุกอย่างที่ท่านสั่งพร้อมแล้วครับ”
เลขาหนุ่มที่มีนามว่านิโคลกล่าวรายงานหลังจากที่เข้ามาในห้องสูทหรู
“อืม…ฉันพร้อมแล้ว เตรียมออกรถได้เลย”
ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวเม็ดสุดท้ายแล้วพลิกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาแบรนด์หรู
“ครับท่าน”
เลขาหนุ่มโค้งคำนับก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อจัดการตามที่นายสั่งอย่างไม่รีรอ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ ชานเมือง
บ้านไม้หลังเล็กสีฟ้าอ่อนเต็มไปด้วยเหล่าชายฉกรรจ์ในชุดสูทเนี๊ยบสีดำนับสิบคนยืนกระจายไปทั่วทั้งบริเวณภายในและภายนอกบ้านเพื่อดูแลความปลอดให้กับผู้เป็นนายซึ่งเป็นมาเฟียหนุ่มรูปหล่อปานเทพบุตรนั่นเอง
ภาพการปรากฏตัวของกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับยายชมพูหญิงชราวัยแปดสิบสองปีที่ยังแข็งแรงเกินอายุจริงแต่อย่างใด เพราะนางคุ้นชินเสียแล้วกับการที่เห็นกลุ่มคนน่ากลัวพวกนี้คอยติดตามตัวหลานชายทุกครั้งที่มาเยี่ยมเยียน
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่และแก่ตายที่เมืองไทย เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมให้เสียเวลา”
หญิงชราเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เพราะนางรู้ดีว่าหลานคนโตไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้เลยแม้แต่นิดเดียว ต่างจากพี่น้องอีกสองคนที่พูดภาษาไทยได้สบายหายห่วง
“ผมเปล่ามาเกลี้ยกล่อมคุณยายให้ไปอยู่อิตาลีนะครับ แต่ที่ผมมาครั้งนี้แค่มีเรื่องจะมาคุยกับอันเดรียน้องชายของผมเท่านั้น”
ฟรานเซสเอ่ยกับผู้เป็นยายด้วยน้ำเสียงอ่อน
“ทำไม? จะตามน้องชายกลับไปเป็นมาเฟียงั้นสิ ถ้าอยากให้หลานชายฉันไปเป็นมาเฟียเหมือนพวกเธอข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับคุณยาย ผมแค่จะมาคุยเรื่องเรียนของอันเดรีย ได้ข่าวว่าเขาสอบแพทย์ติด”
“เรื่องเรียนของอันเดรียฉันจัดการเองได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายหรอก จะส่งเสียหลานชายสักคนให้เป็นหมอมันจะยากเย็นอะไรนักหนาแล้วถ้าคิดจะเอาเงินที่ได้จากการเป็นมาเฟียมาให้น้องเรียนละก็หยุดคิดไปได้เลย หลานฉันแค่คนเดียวฉันดูแลเองได้”
หญิงชราดักคอไว้เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“โถ่…คุณยาย”
มาเฟียหนุ่มผู้เหี้ยมโหดและเก่งกาจในการเจรจาธุรกิจถึงกับอ่อนใจเมื่อเจอไม้ดื้อของยายชมพู เพราะแบบนี้สินะพ่อเขาถึงชอบพูดว่าเสมอว่า ’หญิงไทยใจแข็ง’ เพราะฉะนั้นอย่าริอ่านทำให้พวกเธอโกรธเชียว ไม่อย่างนั้นจะได้รับการอภัยยาก งานนี้เห็นทีพ่อเขาจะพูดถูก
ย้อนไปเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้วเมื่อมาเฟียหนุ่มอิตาลีนามว่า คาร์โด้ ซานอาร์โด้ ได้มาเที่ยวเมืองไทยบังเอิญพบกับสาวงามนางหนึ่งที่ทำให้หัวใจเขาสั่นไหวตั้งแต่แว๊บแรกที่พบ เขาสั่งให้ลูกน้องสืบเรื่องราวของเธอจนทราบว่าเธอชื่อช่อฟ้า
คาร์โด้เริ่มตามจีบช่อฟ้าอย่างจริงจังแต่เธอนั้นกลับบ่ายเบี่ยงไม่อยากสานสัมพันธ์ด้วยเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มนั้นเป็นมาเฟีย แต่ด้วยความพยายามและแน่วแน่ไม่นานก็สามารถเอาชนะใจเธอจนได้ และในที่สุดทั้งสองก็ตกลงคบหาดูใจกัน แต่เรื่องก็ไม่จบสวยอย่างที่คิดไว้เมื่อครอบครัวเธอไม่เห็นด้วยเนื่องจากพ่อเธอเป็นตำรวจส่วนแม่เธอก็เป็นครู ความรักของทั้งสองเลยถูกกีดกัน แต่ในที่สุดพ่อแม่เธอก็ต้องใจอ่อนเมื่อเห็นว่าลูกสาวตัวเองรักมาเฟียหนุ่มจริง
เมื่อทั้งสองแต่งานแล้วก็ย้ายไปอยู่ที่อิตาลี ช่อฟ้าได้ให้กำเนิดบุตรชายถึงสามคนด้วยกัน มีนามว่า ฟรานเซส คริสเตียน และอันเดรียตามลำดับ ครอบครัวก็เหมือนจะแฮปปี้ดีถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ในตอนนั้นคาร์โด้ยังมีศัตรูด้านธุรกิจที่ไม่ลงรอยกันทำให้คู่อริสั่งคนมาลอบยิงถึงในบ้าน ช่อฟ้าเห็นเหตุการณ์เลยเข้าไปบังกระสุนทำให้ตัวเองนั้นต้องเสียชีวิตทั้งที่เพิ่งคลอดลูกชายคนเล็กได้ไม่ถึงสามเดือน
การสูญเสียภรรยาสุดที่รักครั้งนั้นทำให้คาร์โด้แทบจะเสียสติซ้ำร้ายยังถูกแม่ยายโกรธเกลียดโทษว่าเพราะการเป็นมาเฟียของเขาทำให้ช่อฟ้าต้องตาย ยายชมพูมารับศพลูกสาวพร้อมกับหลานคนเล็กกลับไปยังประเทศไทยและประกาศชัดเจนว่าจะเลี้ยงหลานให้เติบโตบนทางเดินอื่นที่ไม่ใช่มาเฟีย แม้ยายชมพูอยากจะได้หลานอีกสองคนไปเลี้ยงแต่คาร์โด้ก็ปฏิเสธเพราะการเลี้ยงเด็กแต่ละคนนั้นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล คาร์โด้ไม่อยากให้ยายชมพูต้องลำบากเพราะรู้ดีว่ายายชมพูไม่มีทางรับเงินจากเขาแน่เพราะนางเกลียดลูกเขยมาเฟียอย่างเขาเข้ากระดูก
และนี่จึงเป็นต้นเหตุของการไม่ลงรอยระหว่างลูกเขยกับแม่ยายส่วนหลานๆที่อยู่กับพ่อก็พลอยถูกหารเลขไปด้วยเมื่อเติบโตบนเส้นทางมาเฟียตามรอยพ่อ
ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานแล้วแต่ยายชมพูก็ยังปฏิเสธความช่วยเหลือจากคาร์โด้และหลานอีกสองคนที่พยายามส่งทรัพย์สินเงินทองมาให้ทุกปี แต่ก็ยังดีที่ยายชมพูยังอนุญาตให้มาเยี่ยมอันเดรียหลานชายคนสุดท้องได้…
“ถ้ายังอยากกินเกงเขียวหวานฝีมือฉันอยู่ละก็ไม่ต้องพูดมากนั่งกินไป”
คำสั่งของยายชมพูทำให้มาเฟียหนุ่มผู้ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดต้องก้มหน้าก้มตาตักอาหารเข้าปากเงียบๆเพราะไม่มีทางเลือกอื่น
เมื่อเรื่องที่ตั้งใจมาคุยไม่สำเร็จอย่างน้อยก็ขอให้เขาได้ทานเกงเขียวหวานฝีมือยายที่เขาเฝ้าคิดถึงนักหนามานานนับปีก็ยังดี หากเชฟอิตาลีที่เขาจ้างมานับสิบคนทำเกงเขียวหวานคล้ายยายชมพูสักครึ่งหนึ่งเขาก็คงไม่ต้องทนคิดถึงฝีมือยายขนาดนี้หรอก
“แล้วนี่เมื่อไหร่จะแต่งงาน หรือว่าเพราะเป็นมาเฟียเลยไม่มีใครกล้าตกลงปรงใจแต่งงานด้วย”
แม้คำถามจะฟังดูแข็งกระด้างแต่ก็เจือไปด้วยความเป็นห่วงที่เห็นหลานชายตัวดีไม่ยอมมีครอบครัวสักทีทั้งที่อายุก็ปาไปเลขสามกว่าแล้ว
“ผมยังไม่คิดเรื่องแฟนครับ”
ฟรานเซสตอบจากใจ เขาเชื่อว่ามีผู้หญิงอยากเข้ามาหาเขาด้วยความเต็มใจมากมายเพียงแต่เขายังไม่คิดถึงเรื่องแต่งงาน
“แล้วคิดจะทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยล่องลอยไปตลอดชีวิตเลยหรือไง”
“เปล่าครับผมแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่”
“ไม่เจอคนที่ใช่หรือว่ารักใครไม่เป็นกันแน่ คริสเตียนก็เหมือนกันเห็นข่าวควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าในแต่ละวันฉันละหนักใจจริงๆ ฉันนึกอยู่แล้วไม่มีผิดว่าพ่อพวกเธอคงสอนแต่เรื่องป่าเถื่อนโหดร้ายถึงได้กลายเป็นคนไม่มีหัวใจกันอยู่แบบนี้ รู้อย่างนี้ฉันเอาพวกเธอกลับมาเลี้ยงให้หมดตั้งแต่ทีแรกก็สิ้นเรื่อง”
ยายชมพูถามเองตอบเอง แถมยังพูดเลยไปถึงเรื่องน้องชายอีกคนแล้วก็จบลงที่พ่อของเขาเป็นคนผิดเพราะเส้นทางมาเฟียอีกตามเคย เรื่องนี้หลานๆทุกคนได้ยินเป็นประจำและต่างก็ชินไปแล้วกับคำพูดแดกดันของยายเลยไม่มีใครถือสาอะไร ได้แต่นั่งเงียบๆฟังนางบ่นไปเรื่อยเปื่อย
“……..”
“ถ้าขืนยังใช้ชีวิตกันอยู่แบบนี้ พวกเธอก็จะกลายเป็นปีศาจไร้หัวใจเข้าสักวัน มีหลานกับเขาแต่ไม่มีใครได้ดั่งใจสักคน แล้วแบบนี้จะให้ฉันนอนตายตาหลับได้ยังไง”
“เรื่องนั้นคุณยายไม่ต้องห่วงเหรอกครับ ถึงพวกเราจะเป็นมาเฟียแต่ก็มีหัวใจ สักวันผมจะพาแฟนมาแนะนำให้คุณยายรู้จักเองครับ”
ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ฟรานเซสพูดไปแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ชอบเห็นคนแก่คิดมากกระมัง
“ให้มันจริงเถอะ ไม่ใช่ว่าให้ฉันตายไปเสียก่อนล่ะ”
ยายชมพูเอ่ยพลางทำตาขวางไม่เชื่อคำพูดของหลานชายคนโตสักเท่าไหร่