บทที่ 3 : ดงมาเฟีย (2)

1632 คำ
“เงินที่ผมจ่ายไปผมหวังผลลัพธ์ที่จะได้กลับคืน ไม่ใช่จ่ายเพื่อเอาไปละลายน้ำทิ้ง หวังว่าคุณจะศึกษาข้อมูลของผมใหม่ทั้งหมดและเข้าใจเจตนารมของผมว่าที่ผมจ้างคุณมาเพื่ออะไร” ชายหนุ่มเน้นเสียงหนักทุกคำราวกับจงใจตำหนิเธอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฟรานเซสก็หมายถึงอย่างที่พูดจริงๆ ปกติเขาไม่ชอบความผิดพลาดทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาลงทุนไปต้องเกิดผลและครั้งนี้ก็เหมือนกัน เขาตั้งความหวังกับเธอไว้สูงและต้องเป็นเธอเท่านั้นไม่มีใครแทนที่ได้ ดวงตาคมกริบจับจ้องดวงหน้างามนิ่ง สตรีมากมายที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตหลายเชื้อชาติหลายภาษาล้วนแต่เป็นดารานางแบบตัวท๊อปชนิดที่นักแสดงตัวประกอบอย่างเธอเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ แต่ที่เลือกเธอมาเพราะ ประโยคนิยามความรักของเธอบวกกับใบหน้าผุดผ่องงดงามและเรือนร่างสะดุดตาชวนให้คิดลึกจินตนาการไปไกลของเธอนั่นเอง เมริษาอาจจะไม่ดึงดูดสำหรับผู้ชายคนอื่นๆแต่สำหรับเขาแล้วยิ่งมองก็ยิ่งอยากครอบครอง นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขายอมจ่ายเพื่อให้ได้เธอมา “ฉะ…ฉันขอโทษค่ะ” เมริษาเอ่ยขอโทษน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดปนหวาดกลัว “ผมไม่ต้องการคำขอโทษ…ผมต้องการให้คุณศึกษาข้อมูลทั้งหมดของผมใหม่” “ฉันทราบแล้วค่ะ จะศึกษาข้อมูลของคุณใหม่ทั้งหมดเดี๋ยวนี้” เมริษาก้มหน้ารับทราบพร้อมกับสั่งตัวเองให้รีบปฏิบัติก่อนที่ใครบางคนจะหงุดหงิดโมโหขึ้นมา เธอไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าหากเขาโกรธขึ้นมาแล้วละก็จะสั่งลูกน้องของเขาฆ่าหั่นศพเธอตอนนี้เลยหรือเปล่า “ดี!” น้ำเสียงทุ่มดุดันน่าเกรงขามพร้อมกับพยักหน้าพอใจก่อนจะก้าวยาวๆเข้าไปยังห้องทำงานพร้อมเลขาคนสนิทที่มีนามว่านิโคลตามไปติดๆ เมริษาลอบถอนหายใจโล่งอกเมื่อร่างสูงใหญ่หายลับเข้าไปในห้องพร้อมปิดประตูตามหลัง หญิงสาวต้องตั้งสติใหม่ก่อนจะก้มลงเปิดแฟ้มเอกสารในมืออีกครั้ง และคราวนี้เมริษาตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะศึกษาข้อมูลเขาให้ถี่ถ้วนชนิดที่หาคำติเธอไม่ได้เลย “ชื่อฟรานเซส ซานอาร์โด้ ปัจจุบันอายุสามสิบห้าปี เป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลี แม่เป็นคนไทยชื่อช่อฟ้า ซานอาร์โด้ พ่อเป็นคนอิตาลีชื่อคาร์โด้ ซานอาร์โด้” ‘แสดงว่ายายเป็นคนไทยและอยู่เมืองไทย’ เมริษาสามารถให้คำตอบตัวเองได้ในทันทีเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เพราะแบบนี้สินะเขาถึงจะพาเธอไปหายาย แต่เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ ในนี้บอกว่าไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้! ‘นี่สินะจุดอ่อนคุณ เก่งทุกอย่างยกเว้นพูดภาษาแม่ตัวเองไม่เป็น’ เมริษานั่งอ่านเอกสารเกือบชั่วโมงก็ต้องเงยหน้าขึ้นพลางทำหน้าเซ็ง ‘อ่านมาตั้งนานยังไม่ถึงครึ่งเลย นี่มันประวัติคนหรือหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์โลกกันแน่เนี่ย ทำไมต้องละเอียดยิบย้อยและมากมายขนาดนี้ด้วย’ เมริษาอยากตะโกนออกมาดังๆ แต่ติดอยู่ที่ในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงเธอแค่คนเดียวยังมีบอดี้การ์ดราวสิบยืนนิ่งตามจุดต่างๆราวกับขอนไม้ไม่มีชีวิต จนเธออดคิดไปไม่ว่าพวกเขาไม่รู้สึกหิวหรือปวดฉี่กันบ้างหรือไง แต่ใครจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะตอนนี้ความอดทนเธอสิ้นสุดลงแล้ว เมริษาปิดแฟ้มเล่มหนาพร้อมกับวางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อรู้สึกคอแห้งอยากหาอะไรดื่มสักหน่อย เป็นจังหวะเดียวกับที่นิโคลเดินออกจากห้องตรงมาหาเธอพอดี “คุณเมริษาต้องการอะไรหรือเปล่าครับ” “ฉันรู้สึกคอแห้งค่ะอยากหาอะไรดื่มสักหน่อย” “เชิญคุณเมริษานั่งรอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมจะสั่งเครื่องดื่มมาให้ครับ” นิโคลบอกพร้อมกดโทรศัพท์ต่อสายเพื่อสั่งเครื่องดื่มขึ้นมาบนห้อง เมริษาจำใจต้องหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาตามเดิมพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อรอคอยเครื่องดื่มด้วยความอดทน และไม่นานเกินรอเครื่องดื่มหลากหลายก็มาเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะหน้าเธอให้เลือกดื่ม “ขอโทษนะคะคุณนิโคล คุณไม่ได้สั่งน้ำเปล่ามาหรอกเหรอคะ” เมริษาเงยหน้าถามชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าเมื่อพบว่าเครื่องดื่มราวสิบอย่างล้วนแต่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลทั้งสิ้น ซึ่งประเมินจากสายตาดูแล้วราคาก็คงสูงลิ้วชนิดที่ชาตินี้คนอย่างเธอคงไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองอย่างแน่นอน “ขอโทษครับที่ทำงานผิดพลาด โปรดรอสักครู่แล้วผมจะสั่งให้ใหม่ครับ” นิโคลกล่าวอย่างรู้สึกผิดเพราะปกติเวลาเจ้านายบ่นคอแห้งเขามักจะสั่งไวน์หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลมาให้เสมอ แต่ไม่คิดว่ากับเมริษาเธอไม่ได้หมายถึงคอแห้งเพราะอยากดื่มเอลกอฮอลหากแต่เป็นน้ำเปล่าแทน “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มอันไหนก็ได้” เมริษาพูดออกไปเพราะไม่อยากให้ให้อีกฝ่ายลำบากใจและเห็นเธอเป็นคนเรื่องมาก ไหนๆก็ไหนๆแล้วเป็นลูกจ้างเหมือนกันก็หัวอกเดียวกันจะมาตำหนิกันเองก็คงใช่เรื่อง “ขอบคุณค่ะ” เมริษากล่าวขอบคุณพร้อมกับรับแก้วไวน์ที่นิโคลรินส่งมาให้ก่อนจะยกขึ้นจีบแล้วต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงกับรสชาติไวน์ที่ซึมผ่านลิ้นนุ่มนิ่มของเธอ “รสชาติดีจังเลยนะคะ แล้วคุณนิโคลไม่ดื่มด้วยกันเหรอคะคนอื่นด้วย” เมริษาชื่นชมรสชาติของไวน์ที่เธอได้ลิ้มลองครั้งแรก เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เธอไม่เคยได้รับรู้มาก่อน พร้อมกับเอ่ยถามนิโคลและกับบอดี้การ์ดคนอื่นที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นตามประสาคนมีน้ำใจ แต่ทุกคนกลับพร้อมใจส่ายหน้าปฏิเสธราวกับนัดหมายกันเสียอย่างนั้น “เชิญตามสบายครับคุณเมริษา ถ้ามีอะไรขาดเหลือบอกผมได้ตลอดเวลาครับ” “แล้วคุณไม่กลับเข้าห้องทำงานแล้วเหรอคะ” เมริษาเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่านิโคลออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายนานแล้วและไม่มีท่าทีว่าจะกลับเข้าไปในนั้นอีก แล้วเธอก็ได้รับความกระจ่างเมื่ออีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ “ไม่แล้วครับ ท่านสั่งให้ผมออกมาดูแลคุณเผื่อคุณเมริษาต้องการอะไรเพิ่มเติมผมจะได้จัดการให้” เมริษาพยักหน้าเข้าใจ พลางคิดไปว่าการเป็นแฟนมาเฟียนี่ดีอย่างนี้นี่เอง มีคนคอยทำโน้นนี่ให้จนแทบจะไม่ต้องกระดิกนิ้วทำทุกอย่างด้วยตัวเองเลย “คุณนิโคลคะ ฉันขอถามอะไรคุณอย่างได้ไหมคะ” จู่ๆเสียงหวานก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย “คุณเมริษามีอะไรจะถามผมเหรอครับ” นิโคลย้อนถามด้วยความสงสัยขณะที่รินไวน์เติมให้เมริษาราวกับเป็นบริกรส่วนตัวให้กับเธอ เมริษายกแก้วไวน์กรอกเข้าปากดื่มรวดเดียวหมดเพื่อรวบรวมความกล้ากับคำถามที่เธอกำลังจะถามท่ามกลางความอึ้งตกใจของนิโคลไม่คิดว่าเธอจะดื่มหนักขนาดนี้ แต่ก็เลือกสงบปากสงบคำแล้วรินไวน์ต่อ “ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณกับคุณฟรานเซส และเห็นการทำงานร่วมกันที่ดูเข้าขากันมากจนฉันคิดว่าพวกคุณสองคนต้องสนิทสนมและรู้ใจกันมากเป็นพิเศษ แล้ว…คุณสองคนกำลังมีอะไรนอกเหนือจากเจ้านายลูกน้องอย่างที่ฉันคิดจริงไหมคะ” ที่ถามออกไปแบบนั้นเพราะเธอไม่อยากสร้างศัตรู เพราะถ้าหากเธอเข้ามาสนิทสนมกับฟรานเซสในฐานะแฟน…แม้จะเป็นเรื่องงานก็ตามที! แต่หากพวกเขามีอะไรเกินเลยกว่าลูกน้องเจ้านายก็คงต้องมีเรื่องหึงหวงกันบ้างแหละ เพราะฉะนั้นเธอควรจะศึกษาข้อมูลการทำงานของตัวเองให้รอบด้านเพื่อไม่ให้กระทบกับจิตใจใคร นิโคลมองหน้าเจ้าของคำถามด้วยสายตานิ่งอึ้งไปนิด ปนขบขันเพราะไม่คิดว่าเมริษาจะยิงคำถามมาแบบตรงๆชนิดที่ถ้าเป็นลูกกระสูนเขาก็โดนยิงหัวตายไปเรียบร้อยแล้ว เขาไม่รู้หรอกว่าไปแสดงท่าทางแบบไหนทำให้เธอเข้าใจผิดคิดไปไกลว่าเขากับเจ้านายมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แต่ที่น่าขบขันกว่าสิ่งอื่นใดคือเธอคิดได้ไงว่าเจ้านายเขาจะเป็นพวกรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน แค่นวดเคราประดาบบนใบหน้าหล่อเหลานั้นก็คงไม่มีใครกล้าคิดแล้ว “ไม่ครับ” นิโคลเลือกตอบสั้นๆเพราะไม่อยากหลุดขำออกมาต่อหน้าหญิงสาวเขาทำได้เพียงก้มลงรินไวน์ให้กับเธออีกครั้ง ‘ถ้าท่านรู้ว่าแฟนที่ตัวเองเลือกมากับมือคิดว่าท่านเป็นเกย์ อยากรู้จริงจะทำตัวยังไง’ นั่นเป็นสิ่งที่นิโคลคิดในใจจนต้องลอบยิ้มไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแววตาคู่สวยของหญิงสาวตรงหน้า “เอ่อ…ฉันขอโทษนะคะที่เข้าใจคุณผิด และต้องขอโทษด้วยที่ถามคำถามเสียมารยาทไปแบบนั้นกับคุณ” เมริษากล่าวขอโทษอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด สีหน้าและแววตารู้สึกผิดจากใจทำให้นิโคลถือโทษโกรธเธอไม่ลง “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม