Chapter 1 หนีรัก (2)
ทิวเขาสลับซับซ้อนทอดเป็นแนวยาวถูกปกคลุมด้วยไม้ใหญ่น้อยจนแลดูเขียวขจี หมอกเรี่ยต่ำกระจายอยู่ในซอกเขาที่เบื้องล่างคืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ อากาศยามนี้ค่อนข้างเย็นสบายไม่ร้อน
ผู้กองทัตเทพเพิ่งฝากรอยเท้าลงบนผืนแผ่นดินด้ามขวานเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งภายหลังจากที่ได้แนะนำตัวในฐานะผู้บัญชาการฐานของที่นี่แล้ว ผู้กองหนุ่มจึงเดินสำรวจตรวจตรารอบๆ ฐานปฏิบัติการเฉพาะกิจแห่งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเริ่มทำหน้าที่ผู้บัญชากองร้อยย่อยแห่งนี้ กองร้อยที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและอันตราย
ยามได้ทอดสายตาไปยังทิวเขาเบื้องหน้า แวบหนึ่งรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อการขอย้ายมาปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยเพียงลำพังเช่นนี้ทำให้เขาอดคิดถึงเพื่อนไม่ได้ ซึ่งในวันนี้ทุกคนต่างมีเส้นทางเดินเป็นของตัวเอง เพื่อนของเขาก็ต้องเดินไปในเส้นทางที่ได้เลือกแล้ว…เขาทำใจไว้แล้วว่าสักวันมันจะต้องมาถึง วันที่เขาจะต้องเติบโตและแยกย้ายจากกันตามภาระหน้าที่ของแต่ละคน
“ผู้กองครับ ทานข้าวก่อนครับ”
เสียงทหารพลาธิการเดินมาเรียกผู้บังคับบัญชาคนใหม่ เนื่อง จากเห็นว่าเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่ผู้กองประจำฐานก็ยังไม่ปรากฏกายภายในโรงอาหาร
“อืม…เดี๋ยวผมไป”
ผู้กองทัตเทพตื่นจากภวังค์ ชายหนุ่มหันไปพยักพเยิดกับอีกฝ่าย ก่อนเดินไปยังโรงอาหารที่อยู่ถัดไปไม่ไกล
+++++
“ผู้กองครับ…ผมได้ข่าวว่าวันนี้มีคุณครูคนใหม่มาประจำที่โรงเรียนข้างล่าง คุณครูดูยังเด็กจนทหารแย่งกันขอไปอยู่ชุดคุ้มครองครูกันเป็นแถว”
ร้อยตรีนรธีร์ เชาวกร ผู้หมวดหนุ่มที่ประจำฐานอยู่ก่อนชวนเจ้านายคนใหม่สนทนาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ผู้หมวดหนุ่มมีผิวค่อนไปทางขาว หน้าตาออกไปทางตี๋หล่อแบบลูกคนจีน ดูภายนอกแล้วเหมือนเป็นหนุ่มเจ้าสำอางมากกว่าที่จะมาเป็นทหารชายแดนใต้
“เหรอ คุณครูสวยไหม ผมชักอยากเห็น” คนฟังเอ่ยถามไปอย่างนั้นเพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจ ชายหนุ่มสนใจกับอาหารตรงหน้ามากกว่าเรื่องที่ผู้หมวดหนุ่มเล่าให้ฟังเสียอีก
“ผู้กองไม่อยากลงไปพิสูจน์กับเขาเหรอครับ” หมวดธีร์เอ่ยถามก่อนตักข้าวเข้าปาก
“ไม่ละ…ผมเห็นคนสวยจนเบื่อแล้ว” ผู้กองหนุ่มปฏิเสธพลางยิ้มเล็กน้อย
“เบื่อจริงๆ เหรอครับ”
ผู้หมวดหนุ่มยิ้มตอบ พลางทำหน้าคล้ายไม่เชื่อกับคำพูดเมื่อสักครู่
“ถ้าหมวดอยากลงไป พรุ่งนี้ผมอนุญาตให้หนึ่งวัน จะฝากให้หมวดเลยไปทำธุระในตัวเมืองด้วย”
ผู้กองทัตเทพเอ่ยคล้ายกับรู้ใจผู้ใต้บังคับบัญชาว่าต้องการสิ่งใด และนั่นก็เรียกรอยยิ้มสมหวังขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่ายหนึ่งทันที
+++++
สองสัปดาห์ถัดมาเวลาประมาณเกือบสิบโมงเช้า ผู้กองทัตเทพได้รับข่าวสารลับๆ ว่ากองกำลังของผู้ก่อความไม่สงบมีแผนที่จะลอบวางระเบิดชุดทหารพรานบริเวณเส้นทางคุ้มครองครู จึงมีการขอความร่วมมือให้ฐานปฏิบัติการแต่ละฐานเตรียมความพร้อมสำหรับย้อนเกล็ดแผนของอีกฝ่ายทันที
เมื่อมีการประชุมเกี่ยวกับแผนการปฏิบัติงานร่วมกับทีมอื่นๆ แล้ว ผู้กองทัตเทพจึงนำมาประชุมกันเองอีกทีภายในฐานของตนเอง เพื่อเตรียมมอบหมายบุคคลที่คิดว่าเหมาะสมสำหรับปฏิบัติการลับครั้งนี้ ซึ่งหมวดนรธีร์ก็อยู่ในชุดปฏิบัติการครั้งนี้เช่นเดียวกัน
“ไอ้แบงค์ ครั้งนี้ผู้กองจะลงพื้นที่เองว่ะ”
เสียงหมวดนรธีร์กระซิบกระซาบกับหมวดธวัชหรือหมวดแบงค์ภายหลังจากรับทราบแผนการเรียบร้อยแล้ว
“เออ กูรู้แล้ว ป่ะ นอนเอาแรงก่อน”
หมวดธวัชกระซิบกลับมาก่อนเดินแยกออกไปเพื่อพักผ่อน ทิ้งให้เพื่อนอยู่กับผู้บังคับบัญชาตามลำพัง
“อืม…ไงล่ะ ได้คุยกันหรือยังคุณครูคนสวยของหมวดน่ะ ตอนเย็นผมเห็นเทียวลงไปเกือบทุกวัน”
ผู้กองทัตเทพเอ่ยแซว เมื่อผู้หมวดหนุ่มยังคงนั่งอยู่ในห้องวางแผนไม่ลุกเดินตามเพื่อนไป
“นิดหน่อยครับ” ผู้หมวดหนุ่มตอบพลางส่งยิ้มขี้เล่นให้เจ้านาย
“ระวังจะหลงเสน่ห์คุณครูจนเสียงานเข้าล่ะหมวด”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับผู้กอง แอบมองพอเป็นกำลังใจทำงานครับ” หมวดนรธีร์พูดไปยิ้มกริ่มไป เขาไม่ได้บอกเจ้านายว่ายามนี้ได้แอบปิ๊งคุณครูคนสวยเข้าให้แล้ว
“หวังว่าหมวดคงไม่กลืนน้ำลายตัวเองหรอกนะ” ผู้กองทัตเทพมองหน้าอีกฝ่ายพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย คล้ายเตือนสติอยู่ในที
“สำหรับผมงานมาก่อนเสมอครับ…”
“อืม…ดีแล้วที่หมวดคิดแบบนี้”
“ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตไปนอนเอาแรงก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะได้ลุยอย่างเต็มที่”
ผู้หมวดหนุ่มทำความเคารพก่อนหันหลังเดินจากออกมา การที่ผู้บังคับบังชาลงพื้นที่ด้วยตัวเองทำให้ผู้หมวดหนุ่มรู้สึกอบอุ่นใจและมีกำลังใจขึ้นมาอีกมาก สำหรับการปฏิบัติงานที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อชีวิต
เช่นนี้
เช้าวันถัดมาปฏิบัติการย้อนเกล็ดกลุ่มที่จะทำการโจมตีชุดทหารพรานได้เริ่มขึ้น ทีมปฏิบัติการจากกองทัพไทยได้สุ่มวางกับระเบิดในเส้นทางที่คาดว่าฝ่ายตรงข้ามจะผ่านมาเพื่อเข้าฝังตัวเตรียมลอบโจมตีเจ้าหน้าที่ไทย โดยมีชุดจู่โจมของผู้กองทัตเทพและชุดจู่โจมจากฐานอื่นๆ ฝังตัวโอบอยู่ด้าน หน้าและด้านข้างเพื่อเตรียมยิงถล่มฝ่ายตรงข้ามที่รอดชีวิตจากการวางระเบิดดังกล่าว
ชุดจู่โจมทั้งหมดฝังตัวซ่อนอยู่ไม่นานนัก ทีมสังเกตการณ์ได้รายงานความเคลื่อนไหวของเป้าหมายผ่านทางวิทยุให้ทุกทีมได้รับทราบ ทุกทีมมาร์คเป้าหมายของตนเองแล้วรายงานผ่านทางวิทยุกลับไป
“ตูมมม!”
เสียงเคลย์มอร์ดังสนั่นตรงบริเวณที่เป้าหมายกำลังขับรถผ่านมา หลายชีวิตที่นั่งมากับรถยนต์คันแรกถูกแรงระเบิดอัดจนเสียชีวิตทั้งหมด ส่วนกองกำลังที่ตามมาอีกคันเมื่อเห็นว่าฝ่ายตนโดนเล่นก่อนจึงรีบกระจายเข้าฝังตัวตามแนวชายป่าด้วยความตกใจ
เสียงระเบิดลูกแรกเป็นสัญญาณว่าชุดจู่โจมของนักรบไทยที่ฝังตัวอยู่ต้องโจมตีเป้าหมายพร้อมกันทันที
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เสียงปืนดังรัวเป็นชุดออกมาจากทุกทิศทางโดยไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน แต่คราวนี้ทางฝ่ายของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเป็นฝ่าย
เสียเปรียบ เนื่องจากถูกโอบล้อมเอาไว้แทบทุกด้านของชุดจู่โจมจากกองทัพไทย เสียงการปะทะสนั่นป่าเกิดขึ้นประมาณสิบกว่านาที ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่ความเงียบสงบ ทิ้งไว้เพียงความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากการปะทะที่ผ่านมา
เมื่อแน่ใจว่าเป้าหมายเสียชีวิตหมดแล้ว ทีมสังเกตการณ์จึงรายงานสถานการณ์เพื่อให้ชุดที่รับผิดชอบเข้าเคลียร์พื้นที่ทันที