1

1628 คำ
      “วดีต้องแต่งงานกับคุณคิน เขาชอบวดีมาก ถึงกับมาทาบทามสู่ขอวดีกับย่าด้วยตัวเอง” คุณหญิงนรากรเอ่ยเรื่องสำคัญตรงประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม          “แต่วดี...” ราชาวดีมีท่าทีตกใจและคาดไม่ถึงว่าเรื่องสำคัญที่ถูกผู้เป็นย่าเรียกมาพูดคุยคือเรื่องการแต่งงานกะทันหันแบบนี้          “เราจะใฝ่ต่ำเหมือนพ่อรึไง” พอได้ยินคำว่าแต่... ของหลานสาวคนเดียว คุณหญิงนรากรก็อารมณ์ขึ้น ลูกชายทำให้ท่านผิดหวังมาครั้งหนึ่งแล้ว หลานสาวจะต้องไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังอีก          “คนที่คุณหญิงย่ากำลังดูถูกเป็นแม่ของวดี”          ราชาวดีเกลียดนักกับการที่มีใครมาดูถูกมารดา ถึงท่านจะเป็นแค่สาวชาวบ้าน แต่ท่านก็คือผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ เป็นผู้หญิงที่รักเธอที่สุด เป็นผู้หญิงที่เสียสละและเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีงามที่สุดในความรู้สึกของเธอ          “ย่าจะไม่แตะแม่ของวดีก็ได้ แต่ตอนนี้เรากำลังมีปัญหาทางการเงินอย่างหนัก คุณคินเขาเป็นคนเก่ง ย่ารู้จักกับเขามานานแล้ว เขาจะเข้ามากอบกู้บริษัทของเราและทำให้ครอบครัวเราลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง”          เพราะท่านบริหารงานผิดพลาด เรื่องถึงได้เป็นแบบนี้ แต่คุณหญิงนรากรไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง          “เพราะวดีไม่เอาไหน ทำงานไม่เป็น เราเลยมีปัญหาแบบนี้”          คุณหญิงนรากรยังโทษคนอื่น แม้ราชาวดีเองจะสำนึกว่าเธอไม่เหมาะกับงานบริหาร เธอไม่มีหัวทางด้านนี้ เธอถนัดเย็บปักถักร้อย งานบ้านงานเรือน ทำอาหาร ศิลปะและการวาดรูป แต่เธอจำใจต้องเรียนบริหารธุรกิจตามที่ผู้เป็นย่าสั่ง          หากไม่ใช่เพราะก่อนบิดามารดาจะสิ้นใจได้สั่งเสียเอาไว้ เธอคงไม่ต้องมาอยู่ภายใต้การดูแลของคนเป็นย่าผู้แสนเผด็จการและเอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้          “เตรียมตัวเอาไว้ คุณคินจะมารับเราออกไปทานข้าวข้างนอก ถ้ายังฉลาดก็อย่าทำให้ย่าต้องลำบากใจไปมากกว่านี้ เพราะไม่เช่นนั้นย่าจะคิดว่าวดีเป็นคนอกตัญญู” เจอประโยคนี้เข้า ราชาวดีถึงกับพูดไม่ออก “ค่ะ คุณหญิงย่า”          ราชาวดีจำใจต้องรับคำ เธอไม่เคยรู้จักภาคินมาก่อน เพราะไม่ชอบสุงสิงกับใครและเก็บตัวอยู่กับบ้าน เธอไม่ชอบความวุ่นวายหรือคบหาเพื่อนมากมาย กลับชอบชีวิตเรียบง่าย อยู่ที่เงียบๆ คุยกับคนแค่คนเดียวและมีความสุขกับตัวเอง สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ถึงเธอจะเรียนคณะบริหารธุรกิจ แต่เธอมักไปขลุกตัวอยู่ที่คณะศิลป์ ถึงขนาดไปแอบลงเรียนวาดรูปและงานศิลปะที่นั่น ทำให้เธอมีเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้องที่คณะนั้นมากมาย แตกต่างจากคณะที่เรียนอยู่อย่างสิ้นเชิง          “ส่วนเรื่องรัชภาคย์ แกตัดใจไปซะเถอะ” คุณหญิงนรากรพูดเสียงเฉียบ สรรพนามเปลี่ยนไปตามอารมณ์ที่หงุดหงิด          “แต่พี่ภาคย์เป็นคนดี”          “แกหุบปากไปเลยยัยวดี ยังไงแกกับเขาก็ไม่มีวันลงเอยกันได้ เพราะแกจะต้องแต่งงานกับคนที่ย่าหาให้เท่านั้น”          แม้จะยอมรับว่ารัชภาคย์เอางานเอาการ พอเรียนจบก็กลับมาช่วยบิดาบริหารงาน แต่ท่านก็คิดว่าภาคินมีฐานะที่เหนือกว่ารัชภาคย์ทุกอย่าง ที่สำคัญท่านพึงพอใจในตัวภาคินมากกว่าชายหนุ่มข้างบ้านที่ไม่ค่อยมีสัมมาคารวะสักเท่าไหร่          ราชาวดีจะต้องทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง ตอนลูกชายคนเดียวของท่านไปคว้าหญิงชาวบ้านมาเป็นเมีย อยู่กินกันที่บ้านนอกคอกนาก็แทบจะอกแตกตายอยู่แล้ว ถ้าต้องให้ราชาวดีออกเรือนไปกับครอบครัวที่ไม่กินเส้นกัน ท่านคงตรอมใจตาย          ราชาวดีก้มหน้าเม้มปากแน่น เธอรู้ดีว่าคัดค้านไปก็เปล่าประโยชน์ อย่างไรแล้วผู้เป็นย่าก็ไม่เห็นดีเห็นงามกับเธอด้วยประการทั้งปวง          “ฉันให้คนจัดเสื้อผ้าเอาไว้ให้แกแล้ว แกต้องแต่งตัวสวยๆ ไม่ใช่แต่งตัวซอมซ่อไม่สมกับเป็นหลานฉัน ผู้ชายน่ะเวลามองผู้หญิง เขามองหน้าตาก่อนเป็นอันดับแรก แกจะไปแบบทุเรศๆ ลูกกะตา ฉันฆ่าแกแน่”          คุณหญิงนรากรสั่งเสียงเฉียบ ปมในใจของท่านคือลูกชายดันไปคว้าเมียที่ไม่มีสกุลรุนชาติลำบากยากจนมาเป็นสะใภ้ ดังนั้นหลานสาวคนเดียวที่กำเนิดขึ้นมาจะต้องแต่งงานกับผู้ชายดีๆ ไม่อย่างนั้นท่านจะไม่ยอมเด็ดขาด ราชาวดีชอบแต่งตัวแปลกๆ เหมือนพวกข้างถนน เสื้อผ้าแต่ละชุดน่ารำคาญตา แล้วไหนจะเครื่องประดับอีก รุงรังไม่น่ามอง “ค่ะ คุณหญิงย่า” ราชาวดีจำต้องรับคำ ไม่อยากให้ท่านโมโหไปมากกว่านี้ บางทีการดูตัวอาจจะไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่คิดก็เป็นได้ “ดีมาก เดี๋ยวฉันให้คนเอาเครื่องเพชรไปให้ แกนี่ไม่เคยหัดแต่งเนื้อแต่งตัวให้มันดีๆ เมื่อไหร่จะมีผู้ชายดีๆ มาสนใจ เรื่องรัชภาคย์ก็ลืมมันไปซะ ทำยังไงก็ได้ให้มันเลิกตอแยกับแก ถ้าแกทำไม่ได้ ฉันจะจัดการเอง”          คุณหญิงนรากรพูดเสียงเฉียบตามนิสัยที่ไม่มีวันยอมอ่อนลงให้ใคร แม้แต่ลูกชายคนเดียวที่ท่านรักหนักหนาก็ไม่เว้น ในตอนนั้นเมื่อลูกชายเลือกภรรยาที่ไม่คู่ควร ท่านก็ตัดหางปล่อยวัดไม่ไปสนใจไยดีอีก จนกระทั่งเกือบสิ้นใจนั่นแหละ ถึงได้รับการติดต่อจากลูกชายอีกครั้ง พอได้เห็นหน้าหลาน ท่านก็ใจอ่อนยวบลงทันที          “ไม่ต้องค่ะ วดีจะจัดการเรื่องนี้เอง”      ราชาวดีพูดเสียงตกใจ ไม่อยากให้ผู้เป็นย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะจะยิ่งยุ่งเหยิงกันไปใหญ่ เธอรู้นิสัยของคุณย่าข้อนี้ดี เธอเองก็ไม่อยากคบหากับรัชภาคย์ในฐานะคนรักอีกแล้ว เพราะยิ่งคบกันไปยิ่งอึดอัด เธอนับถือรัชภาคย์เป็นแค่พี่ชาย นานไปยิ่งถลำลึก อยากให้รัชภาคย์ตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าให้เขามาเสียเวลากับเธอแทนที่จะได้เจอกับผู้หญิงคนอื่นที่ดีกว่า          “ดี ถ้าย่ายังเห็นแกไปมาหาสู่กับมันอีก อย่าหาว่าย่าไม่เตือน ย่ารู้ว่าแกไม่ได้คิดกับมันมากเกินกว่าพี่ชายน้องสาว ถ้าไม่รักไม่ชอบก็บอกให้มันตัดใจไปซะ อย่าไปให้ความหวังลมๆ แล้งๆ เพราะความสงสารหรือเกรงใจ”          ราชาวดีถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อลับร่างของผู้เป็นย่า เธอก้มมองโทรศัพท์อ่านข้อความของรัชภาคย์แล้วถอนใจอีกรอบ บางทีเธอก็สับสนในความรู้สึก ไม่แน่ใจว่าคิดยังไงกับรัชภาคย์กันแน่ อาจเพราะตั้งแต่เธอย้ายจากบ้านนอกมาอยู่กับคุณหญิงย่า รัชภาคย์เป็นเพื่อนบ้านคนเดียวที่ดีกับเธอ เขาเหมือนพี่ชาย เหมือนเพื่อน และรับฟังเธอทุกเรื่อง เมื่อเขาขอคบเธอในฐานะคนรัก เธอจึงตกปากรับคำ เธอไม่เคยรู้สึกหึงหวงเขาเมื่อเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเลย พอคบกันนานเข้าความรู้สึกยิ่งเด่นชัดว่าเรื่องของเธอกับเขามันเป็นไปไม่ได้          หญิงสาวตัดสินใจตอบข้อความรัชภาคย์กลับไปว่าขอเลื่อนนัดเป็นพรุ่งนี้ เพราะวันนี้เธอต้องออกไปทานข้าวกับภาคิน บางทีหากเธอได้พูดคุยกับภาคิน เธออาจจะขอกู้เงินหรือทำอะไรสักอย่าง          ใช่... เธอโง่จนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีให้บริษัทอยู่รอด และบางทีภาคินอาจจะไม่อยากแต่งงานกับเธอจริงๆ ก็ได้ เมื่อคิดจนปวดหัว เธอจึงสลัดมันออกไป ลองออกไปคุยกับเขาดูก่อน ดูนิสัยใจคอกันเพื่อประเมิน บางทีเธออาจจะขอความอนุเคราะห์อะไรจากเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย ราชาวดีนั่งกอดอกอย่างหงุดหงิดกับการรอคอย เพราะคนที่นัดเอาไว้ยังไม่มา แถมยังเลยเวลานัดมาพอสมควร ถ้าคิดว่ามาไม่ได้ จะนัดมาทำไม หรือคิดว่าใหญ่โตร่ำรวยมาจากไหน ถึงได้มาสายขนาดนี้          “ขอโทษนะครับ ที่ผมมาช้า”          ราชาวดีเงยหน้าขึ้นเตรียมจะตำหนิ แต่เธอต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนตรงหน้า เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ดวงตาของเขาคมเข้มดูมีเสน่ห์ เธอกวาดมองใบหน้าเรียวคมสัน คิ้วเข้ม จมูกโด่งและริมฝีปากสีแดงสดของเขาแล้วใจสั่น เธอหลุบตาลงรู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวและมันคงจะแดงไปถึงใบหู เพราะรู้สึกหูร้อนจนต้องยกมือขึ้นลูบ          “ไม่เป็นไรค่ะ”          “ผมมีงานด่วนเข้ามา ต้องขอโทษจริงๆ ที่ให้คุณรอ แต่ผมโทรหาคุณแล้ว โทรไม่ติดน่ะครับ”          “คุณมีเบอร์ของฉันด้วยเหรอคะ” ราชาวดียกโทรศัพท์ขึ้นดู ก่อนจะบอกเขาว่าโทรศัพท์แบตหมด นึกตำหนิตัวเองที่ต่อว่าเขาในใจ ที่แท้เขาก็พยายามติดต่อมาบอกเธอแล้ว          “คุณหญิงย่าของคุณให้ไว้น่ะครับ เผื่อติดต่อกัน”          เขาพูดคุยกับเธออย่างเป็นกันเอง ราชาวดีเคยนึกจินตนาการก่อนหน้านี้ว่าเขาคงจะเจ้ายศเจ้าอย่างหรือมองคนเหยียดๆ เหมือนคนรวยทั่วไป คุณหญิงย่าของเธอถึงจะไม่รวยเหมือนก่อน แต่ตอนนี้ก็ยังหยิ่งและไว้ตัวเหมือนเดิม แต่นั่นคงเป็นนิสัยของท่านที่แก้ยังไงก็แก้ไม่หาย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม