พู่กันเดินหน้าบึ้งออกมาจากสตูดิโอ พยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่ในระหว่างทางกลับมีใครบางคนเดินตามหลังมาด้วย
“คุณพู่กันคะ”
“อ้าว! คุณปราด้ามีอะไรหรือครับ” เจ้าตัวฉีกยิ้มโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“คือ…ฉันอยากจะขอนามบัตรคุณพู่กันหน่อยค่ะ เผื่อว่ามีโอกาสได้ร่วมงานกันอีก ฉันชอบฝีมือการถ่ายภาพของคุณมาก ๆ”
“ผมไม่มีนามบัตรหรอกนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นขอเบอร์ติดต่อก็ได้ค่ะ”
พู่กันทำหน้าคิดเล็กน้อย เขากลัวว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไปจะตกอยู่ในมือของดินแดน นั่นจะทำให้ชีวิตเขาไม่มีความสงบสุขเหมือนแต่ก่อนแน่นอน
“ก็ได้ครับงั้นรอสักครู่” ในที่สุดก็ยอมให้ตามมารยาท เพราะถึงยังไงเขาก็ต้องเอาปากท้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษาให้ลูกสาวที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากแลกเบอร์โทรศัพท์กันแล้ว พู่กันก็ถือโอกาสขอตัวไปพบธาราอีกครั้ง ก่อนจะไปรอรับลูกสาวที่โรงเรียน
“คุณธาราครับ”
“อ้าว! เสร็จแล้วเหรอครับ ผมมัวแต่คุยกับลูกค้าเลยไม่มีเวลาอยู่ช่วยดูจนจบงาน ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เสร็จงานแล้วเลยมาลาจะรีบไปรับเนเน่ที่โรงเรียนค่ะ”
“ผมลืมไปเลยว่าใกล้จะถึงเวลาไปรับลูกแล้ว งั้นเราไปพร้อมกันเลยดีไหมครับ”
“หมายถึง…ไปรถคันเดียวกันหรือครับ”
“ใช่ครับ”
“แต่ผมขับรถมาเองคงไม่สะดวกเท่าไร”
“อ้อ…ผมเองก็ลืมไปเลย งั้นเจอกันที่โรงเรียนนะครับ”
“ได้ครับ…งั้นขอตัวเลยละกันนะครับ”
เจ้าตัวยกมือไหว้แล้วสะพายกระเป๋าออกมาจากสตูดิโออย่างเร่งรีบ นั่นเพราะกลัวจะบังเอิญเจอกับผู้ชายที่ไม่อยากเห็นหน้าที่สุดในตอนนี้
มาถึงลานจอดรถแล้วก็กดรีโมตปลดล็อกประตู จากนั้นเดินไปฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ในระหว่างกำลังคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่นั้น ประตูรถอีกฝั่งก็ถูกเปิดออก จากนั้นมีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามานั่งอย่างถือวิสาสะ
“นี่คุณ! ออกไปจากรถผมเดี๋ยวนี้เลยนะ” เมื่อรู้ว่าเป็นซุปตาร์หนุ่มชื่อดัง เขาก็จ้องเขม็งอย่างไม่เป็นมิตร แต่อีกฝ่ายกลับนั่งสวมแว่นกันแดดแบรนด์ดัง ลอยหน้าลอยตายิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ไม่ออกจนกว่านายจะยอมรับว่าเคยรู้จักฉัน”
“จะให้พูดสักกี่ร้อยครั้งว่าผมไม่เคยรู้จักคุณ คนอย่างผมคงไม่มีทางไปรู้จักกับซุปตาร์อย่างคุณได้หรอก ออกไปเดี๋ยวนี้ก่อนที่ผมจะแจ้งตำรวจมาลากตัวคุณออกไป อย่าเอาชื่อเสียงมาแลกกับตากล้องโนเนมอย่างผมเลยครับ นี่ถือว่าเตือนกันดี ๆ แล้วนะ” เขาพยายามควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในภาวะปกติ หากเอาแต่วีนใส่อาจทำให้เผลอพูดอะไรออกไปก็เป็นได้
“ไม่เจอกันนานปากเก่งขึ้นเยอะนะเรา” เขาว่าพลางเอื้อมไปจับมือเรียวดึงตัวเข้ามาใกล้ แม้ว่าเจ้าของรถจะพยายามขัดขืนแล้วแต่ก็สู้แรงผู้บุกรุกไม่ได้
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ! ก็ผมบอกไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนยังไงล่ะ เป็นบ้าหรือไง!”
“ฉันรู้ว่านายจำฉันได้แล้วทำไมถึงไม่ยอมรับ ไม่ดีใจหรือไงที่ฉันยังจำนายได้ ตอนนั้นเป็นคนมาบอกรักฉันเองไม่ใช่เหรอ” เขาเล่าย้อนถึงความเก่าความหลังให้ฟัง แต่สำหรับพู่กันแล้วไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น ไม่อยากย้อนนึกถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายมอบให้
“ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ยอมปล่อยผมจะร้องให้คนช่วย” ยังไงเขาก็ไม่มีทางยอมรับอะไรทั้งนั้น เขามีชีวิตใหม่มาตั้งห้าปีแล้ว จะไม่มีวันให้อดีตกลับมาทำร้ายชีวิตอีกเป็นแน่
“เอาเลย! นายจะได้เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ อยากได้งานเยอะ ๆ ไม่ใช่เหรอ เอาเลยสิ” ยิ่งอีกฝ่ายผยองลำพองขนต่อหน้า เขายิ่งโมโหหนักหน่วงยิ่งขึ้น อยากจะกระชากตัวเข้ามากำราบซะให้เข็ด
“หนึ่ง…สอง…สะ….อื้อ!!!!”
ยังนับไม่ถึงสามดินแดนก็ฉวยโอกาสดึงร่างบางเข้ามาประกบจูบ ล็อกใบหน้าสวยไว้ด้วยมือแกร่งทั้งสองข้าง กำปั้นน้อย ๆ ทุบเข้าที่แผงออกแกร่งซ้ำ ๆ แต่กลับไม่เป็นผลให้เขายุติรสจูบอันร้อนแรง รสสัมผัสในครั้งนี้ทำให้ความทรงจำของคนทั้งสองฉายวนซ้ำในหัวอีกครั้ง ดินแดนเคลิ้มกับความหอมหวานในโพรงปากจนถอนตัวไม่ขึ้น เวลาผ่านไปเนิ่นนานแต่เขากลับจำกลิ่นความหอมนี้ได้ขึ้นใจ ทำไมถึงเฉพาะเจาะจงแค่คนคนนี้นะ ทั้งที่มีคนจำนวนมากที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
เมื่อกำราบหนุ่มหน้าสวยจนพอใจแล้ว ดินแดนก็ผละใบหน้าออกมาอย่างช้า ๆ แววตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างเสน่หา ราวกับพึงพอใจกับรสสวาทในครั้งนี้เหลือคณา ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้นแต่ทว่า…
เพี๊ยะ!
“ฮึก…ออกไปจากรถผมเดี๋ยวนี้ไอ้สารเลว ถ้าคิดจะมาทำร้ายชีวิตกันอีกก็อย่าหวัง เพราะผมไม่ใช่พู่กันคนที่โง่เง่าเต่าตุ่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อย่าเข้ามายุ่งกับชีวิตผมอีกเป็นอันขาด” ในที่สุดพู่กันก็ไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้ ความกดดันปะทุออกมาอย่างหนักหน่วง เขาอยากจะด่าให้สาแก่ใจกว่านี้ แต่พอได้อยู่ต่อหน้ากลับคิดคำพูดไม่ออกนอกจากสั่งให้อย่าเข้ามายุ่งอีก
ดินแดนใช้ลิ้นดันที่กระพุ้งแก้มเมื่อรู้สึกชา ๆ จากการโดนฝ่ามือเรียวฟาดเมื่อครู่ ยกนิ้วขึ้นมาลูบไล้ริมฝีปากราวกับต้องการเย้ยหยันว่าเขาได้เอาชนะจนได้
“หึ ๆ ๆ ในที่สุดนายก็ยอมรับจนได้”
“ในเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ออกไปซะ! ก่อนที่ผมจะหมดความอดทนไปมากกว่านี้” เขากล่าวโดยไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่ายเลยสักนิด วางสายตาไว้ที่หน้ากระจกรถ
“ฉันออกไปแน่ ว่าแต่...ริมฝีปากนายยังหวานเหมือนเดิมเลยนะ ฉันชักจะติดใจซะแล้วสิ ไม่คิดอยากจะกลับมาคบกับฉันอีกเหรอ” สีหน้าคนพูดแฝงไปด้วยความหื่นกระหาย ใช่สิ! ก็ตอนนี้พู่กันที่เขาเคยรู้จักเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเด็กเฉิ่มเบ๊อะกลายเป็นหนุ่มหน้าสวยเซ็กซี่ปานนี้ เขาจะเก็บคำว่าขอโทษเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้ชักจะสนุกขึ้นมาอีกแล้วสิ
“ให้ผมไปคบกับหมาข้างถนนยังดีกว่าคบกับคนอย่างคุณ ไอ้เหี้ย ไอ้ผู้ชายหน้าตัวเมีย” พู่กันระบายความอัดอั้นตันใจลงในคำด่าเมื่อครู่จนหมดสิ้นแล้ว
“นี่นาย!” กำลังจะโน้มตัวเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่เจ้าเครื่องมือสื่อสารที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขัดจังหวะเสียก่อน
Rrrrr….
ได้ยินเสียงนั้นก็ทำให้ดินแดนนึกขึ้นได้ ว่าขอตัวมาเข้าห้องน้ำเพียงแค่ไม่นาน ตอนนี้ผู้จัดการสาวคงคิดว่านานเกินไป จึงได้โทรมาตามเช่นนี้
“ฝากไว้ก่อนเถอะ…แล้วเจอกันนะน้องพู่กันเมียพี่ หึ ๆ ๆ” เขาส่งยิ้มร้ายให้ก่อนจะลงจากรถไป
พู่กันรีบล็อกรถทันทีกลัวว่าอีกฝ่ายจะย้อนกลับมาอีก ฟุบหน้าลงบนพวงมาลัยรถ ปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่อย่างนั้น รู้สึกเหมือนช่วงเวลาที่เขาถูกดินแดนทำลายได้หวนคืนมาอีกครั้ง
“ฮือ… ทำไมคุณต้องเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้งด้วย ผมเกลียด! เกลียดคนอย่างคุณที่สุด ไอ้ผู้ชายสารเลว!”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพู่กันเข้าใจว่าตัวเองเข้มแข็งมากจนเกินพอแล้ว แต่พอเจอกับเหตุการณ์เมื่อครู่กลับทำให้ความอ่อนแอเข้ามาจับจองพื้นที่หัวใจอีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาจะสู้เพื่อลูกสาวตัวน้อย จะไม่ยอมให้เนเน่รู้เด็ดขาดว่ามีพ่อเลว ๆ อย่างนี้