สาวน้อยของผม
คฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางพื้นที่กว่า 10 ไร่ อาณาเขตของตระกูล วิริยะไพศาล เจ้าของธุรกิจนำเข้ารถยนต์หรูและเจ้าของธุรกิจสีเทามาเฟียทรงอิทธิพลอันดับต้นของไทย
“ตึก ตึก ตึก”
เสียงฝีเท้าวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านอย่างรวดเร็ว ทำให้หนุ่มใหญ่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์แล้วตวัดสายตามองไปทางบันไดด้วยความไม่พอใจ
“ไอ้ภัทร!!! หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้!”
เสียงตวาดดังลั่นทำให้ชายหนุ่มหน้าคมร่างใหญ่ในชุดไพรเวทหยุดวิ่งกะทันหันจนแทบจะล้มลงไปข้างหน้า
“จะรีบไปตายไหน!”
เสียงทุ้มตวาด เมื่อเห็นบุตรชายคนเล็กวิ่งมาหน้าตาตื่นราวกับมีเรื่องอะไรอย่างนั้นแหละ
“โถ่! พ่อ.... อย่าขัดจังหวะผมสิ! เดี๋ยวไปรับน้องแก้วไม่ทัน”
มือหนาตบเข้าศีรษะตนเองอย่างเบาๆ แล้วบอกขึ้น
”ไม่ทันห่าแกสิ! บ้านของหนูแก้วติดกับเราขนานนี้จะมาไม่ทันมื้อเย็นก็ให้มันรู้ไป”
ว่าแล้วไม่มีผิด.... ต้องวิ่งไปหาสาวน้อยคนสวยข้างบ้านแน่นอน ถ้าเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับสาวน้อยที่มีนามว่า “แก้วเกล้า” อย่าหวังว่าเจ้าลูกชายของเขาจะให้ความสนใจ แต่ถ้าหากเป็นเรื่องของหญิงสาวไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามรับรองได้เลยว่า....ไม่มีทางปล่อยให้คาดสายตาและต้องให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก
“พ่อไม่เข้าใจวัยรุ่นเลยจริงๆ ผมไปรับน้องมาช่วยแม่ทำกับข้าวก่อนนะ”
พูดเสร็จชายหนุ่มก็รีบวิ่งออกไปยังหน้าบ้านทันที.... แต่กลับไม่ได้ตรงไปยังประตูแต่อย่างใด เพราะเขามีทางลับที่สร้างขึ้นเพื่อให้สองบ้านไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
“ทายสิใครเอ๋ย???”
ร่างหนาเดินย่องให้ยังข้างหน้าม้านั่งที่มีสาวน้อยคนสวยของเขานั่งรออยู่แล้วค่อยๆ ใช้สองมือปิดตาของหญิงสาวเบาๆ
“พี่ภัทร....”
น้ำเสียงหวานตอบแล้วดึงมือหนาออกจากใบหน้าของตนเอง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วหันไปหาพี่ชายข้างบ้าน
“รอพี่นานไหมคะน้องแก้ว”
นัยน์ตาคมจ้องมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยความหลงใหล ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน... น้องน้อยของเขาก็ยังน่ารักในสายตาของเขาเสมอไม่มีเปลี่ยน
“ไม่นานค่ะ ให้แก้วเดินไปเองก็ได้นิค่ะ พี่ภัทรไม่ต้องมารับก็ได้บ้านก็อยู่ติดกันขนานนี้”
“ไม่ได้จ๊ะ พี่รับปากแล้วว่าจะต้องไปรับน้องมาทานมื้อเย็นด้วย แต่... ว่าวันนี้น้องจะทำอะไรให้พี่ทานดีคะ”
“ไม่บอกค่ะเป็นความลับ แก้วว่าเราไปหาคุณป้าดีกว่านะคะเดี่ยวอาหารจะไม่เสร็จทันมื้อเย็น”
มือหนาถือโอกาสจับมือเรียวบางแล้วเดินจูงมือไปยังบ้านของตนที่อยู่กันเพียงไม่ถึง 20 ก้าว สาวน้อยร่างบางผิวขาวเนียนละเอียด ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักราวกับตุ๊กตา บุตรสาวคนเล็กของนักธุรกิจนำเข้าและส่งออกเครื่องดื่มรายใหญ่ของไทย... มีนามว่า “แก้วเกล้า รัตนกุล” อายุ 20 ปี นักศึกษาภาควิชาบริหารธุรกิจ น้องน้อยของชายหนุ่มร่างหนาเจ้าของใบหน้าคม ดวงตาสีเทา มีชื่อว่า “ณภัทร วิริยะไพศาล” เจ้าของธุรกิจบ่อนคาสิโนและสนามแข่งรถ
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
มือเรียวบางยกมือไหว้สวัสดีผู้ใหญ่ประจำบ้านด้วยความอ่อนน้อมสนิทสนมเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องครัว
“ไหว้พระเถอะลูก... ป้าเตรียมของให้หนูเสร็จเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ พร้อมแสดงฝีมือแล้วยัง”
หญิงสาวผู้เป็นมารดาของชายหนุ่มถาม ไม่วายจะส่งสายตาจิกกัดใส่เจ้าลูกชายที่ยืนสิงสาวน้อยจนตัวแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกัน
“พร้อมแล้วค่ะคุณป้า พี่ภัทรคะ.... แก้วขอตัวไปทำอาหารก่อนนะคะ”
“ได้ครับ เสร็จแล้วอย่าลืมไปตามพี่นะที่ห้องทำงาน”
หญิงสาวลงมือจัดการทำแกงส้มปลากะพงเมนูสุดโปรดของชายหนุ่ม เธอได้ยินเขาบ่นมาหลายวันว่าอยากจะกินแกงส้มฝีมือของเธอ เมื่อได้จังหวะเวลาว่างเธอเลยตอบตกลงมาทานข้าวเย็นที่บ้านของเขาและลงมือทำของโปรดให้ทาน ใช้เวลาไม่นานอาหารทุกอย่างก็เสร็จพร้อมทาน หญิงสาวได้เข้าไปสวัสดีแก่ผู้ใหญ่ของบ้านทุกคนตามมารยาทและนั่งพูดคุยไถ่ถามสารพัดสุขดิบกันตามประสาคนสนิทระหว่างรอสาวใช้จัดเตรียมโต๊ะอาหาร
“เรียนเป็นยังไงบ้างล่ะหนูแก้ว” “ก็ยากนิดหน่อยคะคุณลุง แต่ได้พี่กานต์มาช่วยสอนด้วยเลยทำให้ไม่ค่อยปวดหัวเท่าไร”
“ดีแล้วล่ะ ตั้งใจเรียนนะลูก ต่อไปจะได้มาช่วยแบ่งเบางานพวกพี่ๆ เขา”
“ค่ะคุณลุง” “ขออนุญาตค่ะท่าน มื้อเย็นพร้อมรับประทานแล้วค่ะ”
“หนูขอตัวไปตามพี่ภัทรก่อนนะคะ”
“เชิญเลยจ้ะหนูแก้ว”
สองสามีภรรยามองตามแผ่นหลังสาวน้อยด้วยความชื่นชมพวกเขารู้จักสนิทสนมกับครอบครัวของหญิงสาวมานานทำให้ไปหามาสู่กันบ่อยครั้ง ยิ่งเจ้าลูกชายคนเล็กของเขาแล้วไม่ต้องพูดถึง แทบโผล่หน้าไปหาทุกวันเลยด้วยซ้ำไปหากมีเวลาว่าง
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
มือเรียวบางเคาะประตูขึ้นเมื่อเดินมาถึงยังหน้าห้องทำงานของชายหนุ่ม เธอรู้จักบ้านหลังนี้ดีราวกับบ้านของตนเองเพราะว่ามาวิ่งเล่นบ่อยๆ ในตอนเด็กทำให้รู้ว่าแต่ละห้องนั้นเป็นห้องอะไรบ้าง
“เข้ามา”
เสียงทุ้มตะโกนบอกขึ้น ทำให้หญิงสาวเปิดประตูเข้าไป พบชายหนุ่มกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเคร่งเครียด
“ลงไปกินข้าวได้แล้วค่ะพี่ภัทรอย่ามั่วแต่ทำงานมากเกินไป”
เสียงหวานเอ่ยบอกเมื่อเข้ามาถึง เธอไม่ค่อยชอบสักเท่าไร ที่เห็นชายหนุ่มหมกมุ่นอยู่กับการทำงานโดยไม่ยอมดูแลสุขภาพของตัวเอง
“ครับๆ พี่ไม่ทำแล้วครับน้องแก้ว เราไปทานข้าวกันดีกว่านะคะ”
ร่างหนารีบปิดเอกสารลงทันทีเมื่อโดนหญิงสาวเอ็ดเข้าใส่ จากนั้นก็พากันลงไปยังห้องอาหารเพื่อทานมื้อเย็น
ภายในห้องอาหารโต๊ะขนานใหญ่ถูกจัดวางเรียงไปด้วยอาหารมื้อเย็นมากมายสำหรับสมาชิกในบ้านทั้งหมด 6 คน เป็นกฎของบ้านที่ต้องให้สมาชิกทุกคนกลับมาทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันทุกวันหากไม่มีธุระเรื่องสำคัญห้ามเบี้ยวเด็ดขาด
“น้องแก้วทำอะไรให้พี่กินคะ"
เสียงทุ้มถามขึ้นเมื่อนั่งลงยังเก้าอี้ โดยมีพ่อกับแม่ของเขามานั่งรออยู่แล้ว
“แกงส้มปลากะพงใส่ยอดมะพร้าวอ่อนค่ะ แก้วได้ยินมาว่าใครบ้างคนอยากกินก็เลยต้องมาทำให้”
เสียงหวานบอกขึ้นแล้วหันมายิ้มให้กับชายหนุ่ม ไม่ว่าเขาอยากจะกินอะไร ไม่มีเลยสักครั้งที่เธอจะไม่ทำให้ทาน ไม่รู้เพราะอะไรกัน... เธอมีความสุขทุกครั้งเมื่อเห็นชายหนุ่มกินอาหารฝีมือของเธอหมดทุกอย่าง
“พี่เองจ้ะ ขอบคุณมากนะครับที่มาทำของโปรดให้พี่ทาน”
เขาอยากจะดึงร่างของน้องน้อยมากอดแล้วหอมแก้มสักฟอดให้รางวัล แต่ต้องหักห้ามใจตัวเองไว้ ว่าตอนนี้น้องน้อยของเขานั้นโตเป็นสาวแล้วนะจะให้ทำเหมือนตอนเด็กๆ ไม่ได้
เมื่อสมาชิกมากันครบแล้วทุกคนต่างฝ่ายก็ลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าทันทีด้วยความหิวโหย บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่ละคนต่างผลัดกันเล่าเรื่องราวต่างๆ ของตนเองที่ผ่านพบไปเจอมา ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความอบอุ่น ใบหน้าคมหันมองสาวน้อยข้างๆ เป็นระยะ สิ่งเดียวที่สะกดให้เขาหลงใหลในตัวของน้องน้อยได้ไม่เปลี่ยนแปลงคือ รอยยิ้ม ไม่ว่าจะเหนื่อยหรือท้อมากแค่ไหนเพียงแค่หยิบภาพถ่ายของสาวน้อยขึ้นมาดูก็ทำให้เขามีกำลังใจมากยิ่งขึ้น “รอยยิ้มของเธอ คือ กำลังใจให้กับเขา”