สมควรรู้ทันทีว่าตอนนี้เจ้านายหนุ่มมุ่งเป้าไปทางหญิงสาว เข้าใจดีว่าตลอดระยะเวลาที่ตัวเองเป็นทั้งเลขาและเพื่อนคนเดียวของวทันยูนั้นเป็นเช่นไร ชายหนุ่มรับรู้ถึงความเคียดแค้นชิงชังเจ้าสัวเวทิตที่เป็นพ่อแท้ๆ ของเพื่อนรักดี และรู้ดีว่าเกลียดสองแม่ลูกอย่างจำปาและพรปวีณ์ สมควรได้แต่หวังว่าสักวันวทันยูจะละทิ้งความแค้นแล้วอยู่เพื่อตัวเองบ้าง แต่นับวันก็ยิ่งเพิ่มพูนความแค้น สะสมจนทำให้ตัวเองหมกมุ่น ชีวิตของวทันยูน่าสงสาร คนภายนอกอาจจะมองว่าดีเลิศน่าอิจฉา แต่ใครจะรู้จักเพื่อนคนนี้ดีเท่าเขาล่ะว่าน่าสงสารมากแค่ไหน
เฮ้อ!
สมควรถอนหายใจดังออกมาพร้อมเดินไปหยิบซองเอกสารตรงหน้าที่นายหนุ่มเพิ่งวางลงมาถือไว้
“ถอนหายใจทำไมสมควร และบอกกี่ครั้งแล้วเวลาอยู่ด้วยกัน นายไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณก็ได้ เราเพื่อนกันนะเว้ย! กูกับมึงโตมาด้วยกัน” เขารู้ดีว่าเสียงถอนหายใจของสมควรนั้นหมายถึงอะไร
“มันชินปากไปแล้วว่ะไอ้ยู จะให้สลับไปมา กูก็เบื่อว่ะ”
“งั้นมึงก็เรียกกูเหมือนอยู่ด้วยกันก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณยูหรอก มันขนลุก อ้อ...ไปได้แล้ว ไปสืบเรื่องของเจ้าสัวเวทิตมาด้วยว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ และกูมีความคิดดีๆ แล้วว่ะ” เขายกยิ้มร้ายเมื่อมีความคิดแทรกเข้ามาในหัว จริงอยู่เมื่อก่อนเขาไม่ต้องการจะเข้าไปวุ่นวายกับบริษัทของเจ้าสัวเวทิต ผู้เป็นบิดาให้ชีวิตตัวเองในใบสูติบัตร
“ความคิดดีๆ?” สมควรเลิกคิ้วจ้องมองหน้าเพื่อนที่โตมาด้วยกันอย่างไม่เข้าใจ
หึหึ
“เดี๋ยวมึงก็รู้เองไอ้สมควร ไปจัดการงานของมึงได้แล้ว มึงจำไว้ว่ามึงไม่ใช่แค่เพื่อน แต่มึงเป็นเหมือนครอบครัวกู เพราะกูมีแค่มึงและนมอิ่ม” เขาเน้นย้ำในท้ายประโยค
“อืม...ละ...แล้วเดี๋ยวยังไงจะบอกอีกทีถ้าได้ความคืบหน้ามา”
แล้วสมควรก็ออกจากห้องทำงานของวทันยูไปทำงานของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย สมควรเป็นหลานชายของนมอิ่ม สมควรไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน โดดเดี่ยวไม่แพ้เขา เพราะพ่อแม่แท้ๆ ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก นมอิ่มที่เป็นญาติคนเดียวของสมควรจึงรับสมควรมาอยู่ด้วย