บทที่ 2 – เธอกับแม่เธอแพศยาพอกัน 4

841 คำ
วทันยูมองบิดาผู้ให้กำเนิดตัวเองที่นั่งบนรถเข็นแล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยรู้ดีว่าเขามาที่นี่ทำไม เด็กนั่นคงไปฟ้องจริงสินะถึงได้ถ่อสังขารพิการมาถึงนี่ได้ในเวลานี้ ชายหนุ่มไม่คิดจะยกมือไหว้เขาเหมือนทุกครั้ง เขายังคงนั่งที่เก้าอี้ทำงานที่เดิม ไม่นึกสนใจผู้มาใหม่ที่มีผู้ติดตามมาด้วยเหมือนทุกครั้ง “ยูคุยกับพ่อก่อนได้ไหม” เจ้าสัวเวทิตเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบพร้อมหันมาสั่งประมวลด้วยสายตาให้ออกไปรอตัวเองข้างนอก เพราะอยากคุยกับลูกชายเพียงลำพัง “เด็กนั่นคงไปฟ้องสินะถึงได้มา แล้วทำไม ก็ในเมื่อผมเป็นผู้บริหาร ผมมีสิทธิ์จะไล่เธอออก และหุ้นที่เธอได้ไป ผมก็จะยึดคืนมาให้หมด” เขาวางปากกาที่จับในมือกระแทกกับหน้ากระดาษที่เปิดทิ้งไว้แล้วเงยหน้ามามองคนที่นั่งบนรถเข็นตรงข้ามโต๊ะทานตัวเองด้วยสีหน้าเคืองแค้นไม่พอใจอีกฝ่าย ยิ่งเห็นหน้าของบิดายิ่งทำให้นึกถึงมารดาที่จากไป เขากำมือตัวเองเข้าหากันเพื่อข่มอารมณ์โกรธของตัวเอง “น้องไม่ได้ฟ้องพ่อหรอกยู” “ปกป้องกันเหลือเกิน หรือว่าหล่อนเป็นลูกสาวของคุณที่เกิดกับผู้หญิงคนนั้นกันแน่” “ทำไมถึงพูดแบบนั้นยู พ่อมียูเป็นลูกคนเดียว” “เลิกแทนตัวเองว่าพ่อกับผมสักทีเถอะเจ้าสัว ผมจะอ้วก อีกอย่างพ่อผมได้ตายไปนานแล้ว ผมไม่มีพ่อ! ตุ้บ!” เขาตะโกนตอบสวนกลับทันควันพร้อมทุบมือกับโต๊ะทำงานหนึ่งทีด้วยความโมโหจัด “ทำไมยู อะไรทำให้ยูเกลียดพ่อมากขนาดนี้ และอะไรทำให้เราเป็นแบบนี้มายี่สิบกว่าปียู และเรื่องระหว่างเราไม่เกี่ยวกับหนูวี ลูกอย่าดึงคนนอกเข้ามาเกี่ยว” “หึ! ปกป้องกันเหลือเกิน คุณรู้ไหมก่อนแม่จะตายแม่ถามหาคุณจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต แต่เจ้าสัวก็ไม่ได้มาหาแม่ในวันนั้น เพราะออกไปกับผู้หญิงแพศยาคนนั้น” “พ่อขอโทษ แต่ถ้าพ่อไม่ออกไปกับจำปาตอนนั้น เธอและลูกก็...” “เลิกแก้ตัวสักทีเถอะ ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวของผู้ชายสารเลวอย่างคุณ คุณมันก็แค่ผู้ชายไม่รู้จักพอ และถ้าจะมาหาผมเพื่อพูดเรื่องหุ้นและเรื่องไล่ยัยเด็กนั่นออกก็เชิญกลับไป เพราะบริษัทนี้มันเป็นของผมแล้วไม่ใช่ของเจ้าสัวเวทิตอีกต่อไปแล้ว หรือคุณจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองยกมันให้ผมแล้วครับ” แม้แต่หน้าก็ไม่อยากเจอ เกลียดคนที่นั่งบนรถเข็นนัก หากว่าคนคนนี้ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด เขาคงได้ฆ่าอีกฝ่ายตาย ไม่ก็ลุกขึ้นไปอัดหน้าของอีกฝ่ายให้หายเคืองแค้นแล้วแน่นอน แต่ก็ได้แต่กัดฟันแน่นข่มความคิดของตัวเองไว้ในใจ “หรือถ้าอยากกลับมาก็เอาของคุณคืนไป ผมจะโอนทุกอย่างให้คุณเหมือนเดิมและผมจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก และคุณก็ไม่ต้องไปเหยียบที่ไร่พรอุษาของผมอีกเช่นกัน เราสองคนได้ตายจากกันแล้วเจ้าสัว เราต่างก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ผ่านมาเจอกันเท่านั้น สำหรับผมแล้วคุณไม่ได้มีค่าสำคัญอะไรให้ผมแคร์และเชื่อฟัง ฉะนั้นอย่าคิดว่าตัวเองให้ชีวิตผมแล้วผมจะเชื่อฟังคุณ ที่ผ่านมาผมโตมากับนมอิ่มไม่ได้โตมากับคุณ นามสกุลที่ผมใช้ก็นามสกุลพรอุษาไม่ใช่ธนูทองของคุณ” เขาบอกให้อีกฝ่ายจำขึ้นใจว่าตัวเองและเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันนอกจากสายเลือด ส่วนความเป็นบิดาและบุตรนั้น เขาไม่เคยยอมรับมันมาตั้งนานแล้ว “ยู...” เจ้าสัวเวทิตได้แต่เรียกชื่อของคนตรงหน้าพร้อมยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองเมื่อเริ่มหายใจติดขัด “อย่ามาเล่นละครที่นี่ ถ้าจะตายก็ไปตายที่อื่น” วทันยูเห็นอีกฝ่ายเริ่มหน้าซีดและสีหน้าไม่ดี แถมยังกุมหน้าอกคล้ายจะช็อกจึงรีบลุกขึ้นวิ่งมาหาอีกฝ่ายทันที แม้อยากจะปล่อยทิ้งไม่เหลียวแลอย่างที่พูด แต่เขาก็ทำไม่ได้ เพราะยังไงเสียคนคนนี้ก็ทำให้ตัวเขาได้เกิดมาบนโลกต่ำทรามใบนี้ “ชะ...ช่วยพ่อด้วยยู อ่ะ...พ่อ อ่า...อึก” แล้วสติของเจ้าสัวเวทิตก็ดับวูบไปทันที “อย่ามาตายต่อหน้าผมเจ้าสัว! เจ้าสัว! เจ้าสัวเวทิต!” วทันยูเขย่าเรียกสติของคนที่เพิ่งจะหมดสติไปให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับตะโกนร้องเรียกคนของเขาให้เรียกรถพยาบาลด่วน เพราะตอนนี้เจ้าสัวเวทิตได้ช็อกหมดสติไปแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม