เฮ้อ!
เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงานทันที มองเธอจนประตูปิดแนบสนิท ทำไมน้องน้อยที่เคยตามติดเขาสมัยเด็ก พอโตมาถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้ ตลอดเวลาที่เธอมาฝึกงานที่นี่ มาเป็นลูกศิษย์คอยเดินตามเขาตลอดการสอนที่มีเคสพิเศษๆ สำหรับนักศึกษาแพทย์ เขาพยายามมากเพื่อจะเข้าหาเธอ แต่เหมือนว่าจงกลนีจะสร้างกำแพงขวางทางเขาไว้
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
“ครับแม่ขวัญ” เขาคว้าโทรศัพท์มากดรับสายพร้อมกรอกเสียงทุ้มสุภาพส่งไปในสาย
“ว่ายังไงหมอเข้ม เจเจจะมาทานข้าวเย็นกับเราไหม”
“เจเจมีนัดแล้วครับแม่”
“แม่อดเจอน้องเลย งั้นไม่เป็นไรลูก ว่าแต่เย็นนี้ลูกจะกลับมากินมื้อเย็นกับแม่ไหมหมอเข้ม หรือว่าติดเวรรึเปล่าเย็นนี้”
“วันนี้ว่างครับแม่ขวัญ อีกอย่างใครจะปล่อยให้แม่ที่รักกินข้าวเย็นคนเดียวครับ” คำพูดกับใบหน้าที่แสดงออกมาต่างกันลึกลับ ก็หน้าของเขายังคงนิ่งตึงเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่คำที่พูดนั้นเป็นคำพูดเอ่ยแซวหยอกเย้าผู้เป็นแม่ แต่ก็นั่นแหละสำหรับเขาไม่ว่าจะเสียใจ โกรธ หรือมีความสุข เขาก็มีหน้าเดียว
“จ้า งั้นแม่สั่งเด็กทำของโปรดลูกไว้นะ”
“ครับแม่ ขอบคุณนะครับ”
“จ้า ขับรถกลับบ้านดีๆ นะลูก”
“ครับ เจอกันที่บ้านนะครับ” แล้วก็กดวางสายจากแม่ที่รักแล้วอ่านเอกสารตรงหน้าต่อเพื่อจะได้เซ็นอนุมัติงบประมาณให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้านไปทานมื้อเย็นกับคุณแม่ที่รักของตัวเอง
หลังทานมื้อเย็นอิ่มแล้ว สองแม่ลูกก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ลูกชายอ่านหนังสือเกี่ยวกับระบบประสาทเป็นผลงานวิจัยของต่างชาติ ส่วนแม่ก็ปักผ้าเช็ดหน้าเป็นงานอดิเรกเหมือนที่เคยทำทุกวันยามว่าง นอกจากปักผ้าเช็ดหน้าแล้วก็มีทำสวน ปลูกต้นไม้ จัดสวน
“หมอเข้ม” นางวางมือจากผ้าที่ปักอยู่เอ่ยเรียกลูกชายที่สนใจแต่หนังสือในมือ
“ครับแม่ขวัญ” เขาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือมองไปยังแม่ที่นั่งอยู่โซฟาตัวยาวตรงข้ามตัวเอง
“เมื่อไหร่ลูกจะมีสะใภ้ให้แม่ และมีหลานให้แม่สักที แม่เหงานะหมอเข้ม”
“ยังไม่ถึงเวลาครับ”
“แล้วเวลาของหมอเข้มมันคือเมื่อไหร่ ตอนนี้สามสิบห้าย่างสามสิบหกแล้วนะลูก หมอเข้มแก่แล้วนะ”
นางล่ะเหนื่อยใจกับลูกชายจริงๆ ไปดูตัวก็หลายครั้งต่อหลายครั้ง แต่ก็ไปทำหน้านิ่งๆ มึนๆ ไร้อารมณ์ให้คู่ดูตัวหงุดหงิดหนีกลับตลอด จนตอนนี้ไม่มีใครกล้าให้ลูกสาวนัดดูตัวกับลูกชายของนางแล้ว แม้จะหล่อ โปรไฟล์ดี เพียบพร้อมทางฐานะด้านการเงินและงาน แต่ก็ไม่มีใครต้องการ เพราะเขมณัฏฐ์นั้นไร้ซึ่งอารมณ์ตอบสนองกลับสาวๆ ที่มาดูตัวทุกครั้ง พูดอะไรก็ไม่แคร์ใครจนสาวๆ หวาดกลัว ยิ่งหน้าดุๆ ด้วยแล้วยิ่งทำให้น่ากลัวไปอีก
“แล้วหน้าน่ะหัดยิ้มบ้าง หัดยิ้มในกระจกวันละครั้งสองครั้งบ้างก็ดีหมอเข้ม แม่ล่ะอยากรู้จริงๆ เลยยามลูกรักษาคนไข้ลูกหน้าไร้ความรู้สึกแบบนี้รึเปล่า”
“ที่ผมรักษามาก็มีตายแค่ไม่กี่คนนะครับ ที่เหลือคือรอดและมาขอบคุณผมด้วยซ้ำ” เขาตอบแม่พร้อมหยักยิ้มมุมปากเล็กน้อย นั่นแหละคือยิ้มของลูกชายนาง
“เฮ้อ! ชาตินี้แม่จะได้เห็นหน้าสะใภ้และหลานไหมเนี่ย ถ้าลูกยังเป็นแบบนี้ เพื่อนๆ ของแม่ก็ไม่กล้าส่งลูกสาวมาดูตัวด้วยแล้วนะหมอเข้ม”
“แม่จะรีบไปไหนครับ ผมยังไม่รีบเลย อีกอย่างตอนนี้ผมก็ดูๆ อยู่” เขาบอกแง้มเล็กน้อยในท้ายประโยค นั่นแหละทำให้ขวัญตาลุกจากโซฟาตัวที่ตัวเองนั่งไปนั่งเบียดลูกชายทันที
“ว่าไงนะหมอเข้ม หมอเข้มมีดูๆ แสดงว่าตอนนี้มีคนที่ชอบแล้วใช่ไหม”
“ก็ชอบมาตั้งนานแล้วครับ เพียงแต่รอเวลาเท่านั้น” เขาตอบเสียงเรียบ
“ลูกเต้าเหล่าใครหมอเข้ม” นางเขย่าแขนลูกชายด้วยความอยากรู้
“ถึงเวลาแม่ขวัญก็รู้เองแหละครับ รับรองแม่ขวัญจะรักเธอแน่นอน เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ แม่ขวัญก็รีบนอนนะครับ พรุ่งนี้ต้องใส่บาตรให้พ่อแต่เช้า”
“ให้แม่เตรียมของใส่บาตรให้ด้วยไหมหมอเข้ม”
“ครับ หนึ่งชุดเหมือนเดิม”
“จ้า งั้นลูกไปนอนพักผ่อนเถอะ รีบๆ พาสะใภ้มาไหว้แม่เร็วๆ นะลูก ถ้าช้าแม่จะให้ลูกไปดูตัวกับลูกสาวเพื่อนแม่อีกนะ เห็นว่าเดือนหน้าจะกลับมาจากสเปน”
“ครับผม” เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป