ในฐานะแพทย์ฝึกหัดอย่างจงกลนี พิทักษ์ หรือเจเจ วัย 23 ย่าง 24 ปี มีความฝันอยากเป็นหมอ อยากเป็นแพทย์เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทเหมือนลูกชายของเพื่อนแม่ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความฝัน เขาเป็นพี่ชายที่แสนดี แสนดีจริงๆ สำหรับจงกลนีแล้วเขมณัฎฐ์ ปองรักษ์ อาจารย์หมอหรือหมอเข้ม วัย 35 ย่าง 36 ปี ที่เคารพนับถือมาตลอด เขาเป็นอาจารย์ของเธอ แถมยังเป็นทายาทคนเดียวของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังขึ้นชื่อที่สุดในยุคนี้ และถือว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทมือหนึ่งของโรงพยาบาลก็ว่าได้ ถึงเขมณัฏฐ์จะยังหนุ่ม แต่ความสามารถของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่แล้ว พ่อของเขาผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลแห่งนี้ หัวใจวายเฉียบพลันจากไป เขาก็เข้ามาควบคุมบริหารอย่างเต็มตัว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเป็นแค่ผู้ช่วยของพ่อเท่านั้น
ในฐานะอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองอย่างเขมณัฏฐ์แล้ว เขามองดูเด็กสาวมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต จนตอนนี้มาเป็นลูกศิษย์ของเขา ใบหน้าที่สวยตามวัย ผิวพรรณขาวอมชมพู ใบหน้ารูปไข่ทำให้เขามองเพลินทุกครั้งที่เจอหน้าหรือพูดคุยกัน จะเป็นแพทย์โดยสมบูรณ์ได้ต้องเป็นแพทย์ฝึกหัดหนึ่งปีหลังจากที่เรียนจบหลักสูตร 6 ปีแล้ว
“อาจารย์หมอคิดอะไรอยู่คะ” จงกลนีถามอาจารย์หมอที่ตัวเองเคารพตรงหน้าด้วยความสงสัย เมื่อตั้งแต่เข้ามาพบเขาในห้องทำงานส่วนตัว เขาก็เอาแต่จ้องมองเธอไม่พูดไม่จา ในกลุ่มนักศึกษาแพทย์ของเธอต่างตั้งฉายาให้เขาว่า ‘อาจารย์หมอหน้าเดียว’
“เย็นนี้ไปไหนไหม” เขาถามคนตัวเล็กทันที
“ก็มีไปดื่มกับเพื่อนๆ ที่เป็นแพทย์ฝึกหัดด้วยกันค่ะ อาจารย์หมอ...”
“อยู่ด้วยกันสองคนไม่ต้องเรียกอาจารย์ก็ได้ เราคนกันเอง” เขารีบเอ่ยแทรกตัดประโยคของคนตัวเล็ก ไม่ชอบเลยที่เธอเรียกห่างเหินแบบนี้
“ค่ะหมอเข้ม” ไม่เรียกอาจารย์หมอ แต่ยังคงเรียกเขาหมอเหมือนเดิม
“ทำไมไม่เรียกว่าพี่เข้มเหมือนสมัยเด็กๆ ล่ะ” เขาขัดใจนัก คนตัวเล็กยังคงดื้อเหมือนเดิม แม้จะไม่ได้เจอกันนานตั้งแต่เธอเรียนแพทย์ จนมาเจอกันเมื่อสองเดือนก่อน ตอนเห็นรายชื่อนักศึกษาจะมาฝึกงานด้วย เมื่อเห็นชื่อเธอ เขาดีใจมากที่จะได้เจอน้องสาวที่น่ารักของตัวเอง แต่พอมาเจอกัน การปฏิบัติตัวและการแสดงออกของเธอแตกต่างจากเมื่อครั้งยังเด็กจนเขารู้สึกน้อยใจและเสียใจอยู่ในที แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ตอนนี้ดิฉันไม่ใช่เด็กแล้ว เห็นทีจะไม่เหมาะค่ะ อีกอย่างที่นี่ก็โรงพยาบาลด้วย”
เธอเอ่ยแก้ต่างให้ตัวเอง ใครจะอยากสนิทกับคนหน้าเดียวล่ะ ตอนไหนโกรธ ตอนไหนอารมณ์ดี แยกไม่ออกเลย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาและเห็นมาตลอด เขามีแต่หน้านิ่งๆ มองแล้วโลกมืดมนไปหมด ดูยังไงก็ไม่สดใส เสียดายหน้าตาหล่อเสียเปล่า แต่กลับยิ้มไม่เป็น
“แต่นี่ห้องทำงานส่วนตัวของพี่” เขาบอกเธอ
“ค่ะ แต่ก็ไม่ควรอยู่ดี เพราะเราไม่ได้สนิทอะไรกัน ว่าแต่หมอเข้มมีธุระอะไรกับดิฉันเหรอคะ พอดีจะรีบไปค่ะ เพื่อนๆ รออยู่”
“ไปดื่มร้านไหน”
“ก็ร้านนั่งชิลฟังเพลงเบาๆ แถวโรงพยาบาลเนี่ยแหละค่ะ” เธอบอก
“พักที่หอพักหรือคอนโด”
“ถามทำไมคะ”
“แม่พี่ให้ถาม จริงๆ วันนี้แม่ให้ชวนเจเจไปทานมื้อเย็นด้วยนะ ตั้งแต่เจเจมาเป็นแพทย์ฝึกหัดที่โรงพยาบาลของเรา เจเจก็ยังไม่ได้แวะไปหาแม่พี่เลย และน้ายาก็โทรมาย้ำให้พี่ดูแลเราด้วย” ไม่รู้ทำไมเธอถึงมาฝึกงานที่กรุงเทพฯ ทั้งๆ ฝึกงานที่ขอนแก่นก็ได้ แต่ทำไมถึงทำเรื่องขอมาฝึกที่โรงพยาบาลของเขาด้วย ข้อนี้เขาไม่เข้าใจหญิงสาวว่าทำไมต้องมาลำบากตัวคนเดียวในกรุงเทพฯ ด้วย
“ขอบคุณนะคะ แต่ดิฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ และฝากบอกป้าขวัญด้วยนะคะ เดี๋ยวว่างๆ จะแวะไปหาที่บ้านค่ะ แต่วันนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะนัดเพื่อนไว้แล้ว” เธอบอกอีกฝ่าย
“รู้ว่าโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี พักที่ไหน” เขายังคงถามคำถามเดิม
“พักที่หอพักที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ค่ะ”
“สะดวกสบายไหม”
“ก็โอเคค่ะ อยู่กับเพื่อนๆ” เธอบอกเขา
“มาอยู่คอนโดก็ได้นะ พี่มีคอนโดที่ไม่ได้อยู่ และอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเราด้วย” เขาบอกเธอ
“ไม่ดีกว่าค่ะ ดิฉันอยากอยู่กับเพื่อนๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะหมอเข้ม” พูดจบเธอก็ยกมือไหว้ลาอย่างคนมีมารยาทแล้วเดินไปยังประตูและเปิดออกจากห้องไป