“เป็นอะไรหรือเปล่า” มิรารีบสำรวจร่างกายขวัญดาว
“ดาวไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอบคุณพี่มิรามากเลยนะคะ”
“คราวหลังอย่ามากับเขาอีก ผู้ชายคนนี้เสือตัวพ่อเลยนะพี่จะบอกให้” มิราเอ็ดขวัญดาวออกมาเบาๆ ด้วยความห่วงใย
“แต่เขาเป็นเจ้าของบริษัท ที่ดาวไปฝึกงานด้วย คงหลีกเลี่ยงยากค่ะ” ขวัญดาวพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ระวังตัวเอา มีอะไรรีบโทรหาพี่เข้าใจไหม”
“พี่ห้ามบอกเรื่องนี้กับพี่ฝนนะคะ ดาวไม่อยากให้พี่สาวต้องมีเรื่องทุกข์ใจอีก ตอนนี้พี่ฝนไม่สบายอยู่ด้วย”
“สบายใจได้ พี่ไม่บอกฝนหรอก ไปขึ้นรถเดี๋ยวพี่จะไปส่ง รถจอดอยู่ทางโน้นมาเร็ว” มิราจูงแขนขวัญดาวไปขึ้นรถ ซึ่งเธอไม่ลืมที่จะโทรหาเบส เพราะไม่อยากเข้าไปเจอหน้าใครบางคนในผับ ที่หญิงสาวไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ เมื่อเธอเห็นข่าวของเขาในโลกโซเชียล ล้วนมีแต่ข่าวคาวโลกีย์ทั้งนั้น
ภายในคอนโดที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหราดูแพง แต่ทว่าบรรยากาศภายในห้องกลับอึมครึมไปด้วยความตึงเครียด เมื่อเอวาไม่ชอบใจที่พายุนั้นควงใครต่อใครเป็นว่าเล่น ทั้งที่เขามีเธออยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน แม้ว่าข้อตกลงจะอยู่ในเงื่อนไขที่หญิงสาวเสียเปรียบ แต่เธอกลับยอมจำนน เพียงเพราะคำว่ารักที่มันไม่มีทางจะเป็นจริงได้เลย เมื่อสะพานที่เอวาทอดเอาไว้ พายุก้าวเท้าข้ามมาแค่เพียงตัว เมื่อหัวใจของเขารักใครไม่เป็น
“เอวาขอร้องได้ไหมคะ ระหว่างที่เราคบกันและคุณยังการันตีในความสัมพันธ์ของเราให้ใครต่อใครได้ทราบ ก็ให้เกียรติเอวาบ้างหน่อยเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า เมื่อเธอนั้นได้กลายเป็นเพียงแค่แฟนในนาม แต่เรื่องบนเตียงกลับเล่นจริงไม่ใช้สแตนด์อิน
“รอให้หมอวายุหมั้นและแต่งงานกับนุชวราเมื่อไหร่ ผมจะปล่อยคุณไปให้เป็นอิสระ” เขาช่างเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว แม้ว่าเงื่อนไขและผลประโยชน์ที่เอวาได้รับนั้น จะเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่หญิงสาวก็ปรารถนาอยากใช้ชีวิตร่วมกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงมากกว่า
“คุณพายุ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปีคุณไม่คิดที่จะมีใจให้เอวาบ้างเลยหรือไง” คราวนี้หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่พัดพ้อ เมื่อเขาให้ความสำคัญในตำแหน่งแฟน เพียงแค่ต้องการให้หล่อนเป็นไม้กันหมาให้เขาเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาของชายหนุ่ม ก็ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนโต จึงถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็ก
ในขณะที่หมอวายุนั้นถูกบังคับ ให้ทำตามความประสงค์ของบุพการี ทั้งการเรียนและเรื่องของหัวใน ท้ายที่สุดเขาต้องเรียนแพทย์ ทั้งที่ไม่ชอบในวิชาชีพนี้ ซึ่งหมอวายุกลับทำออกมาได้ดี เมื่อเขานั้นนึกถึงชีวิตของผู้อื่นสำคัญเสมอ
“วันนี้ผมต้องรีบกลับบ้าน ขอตัวนะเอวา”
“เอวาขอไปด้วยสิคะ”
“เอาไว้วันหลังนะ วันนี้ที่บ้านของผมอยากจะขอคุยกับลูกชายสองคน เป็นการส่วนตัวภายในครอบครัวเท่านั้น” ชายหนุ่มพูดจบประโยครีบก้าวเท้าเดินออกมาจากห้องในทันที เมื่อเขารู้สึกไม่ชอบเวลาที่ผู้หญิงเซ้าซี้ ทั้งที่ใครหลายคนต่างก็บอกว่าเขาและเอวาเหมาะสมกัน มัณฑนากรสาวกับหนุ่มสถาปนิก ซึ่งพายุมีดีกรีเป็นถึงทายาทเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อีกด้วย
--บ้านหลังใหญ่--
ใบหน้าของหมอวายุที่ดูราบเรียบ เหมือนกับว่าเขานั้นไม่รู้สึกรู้สาอะไร ในสิ่งที่บิดามารดากำลังจะตัดสิน พิพากษาให้เขายอมจำนนหมั้นหมายกับนุชวรา ภายในต้นเดือนที่จะถึงนี้
“แม่เชื่อว่าหนูนุชจะเป็นภรรยาที่ดีได้ หมอเชื่อแม่เถอะนะ ที่สำคัญธุรกิจของครอบครัวทั้งสองตระกูล ซึ่งได้ทำกันมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น จะรวมตัวกัน กลายเป็นบริษัทอสังหาที่ใหญ่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนเชียวนะ” คำพูดของมารดา ไม่ได้ทำให้หมอวายุรู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย เมื่อเขาคิดว่ามันไม่ยุติธรรม กับชีวิตทารกน้อย ซึ่งหมอหนุ่มนั้นตั้งใจที่จะให้เด็กๆเกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีนอกเหนือจากธรรมชาติ ที่มนุษยชาติพึงกระทำในการคงเผ่าพันธุ์เอาไว้ ด้วยวิธีการหล่อหลอมสองกาย ชายหญิงเป็นหนึ่งเดียวก็ตามที ยังไงเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์ของฝนสุดาก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ดี
“พ่อกับแม่คิดว่าผมไม่มีหัวใจเหรอครับ คราวที่แล้วก็แอนนา มาวันนี้อยากให้ผมรีบหมั้นกับนุชวรา พี่พายุกลับลอยนวลไปมา ไม่เห็นลงเอยกับใครสักที แม้แต่คุณเอวา”
“ใครว่าฉันลอยนวลไปมา ฉันทำงานหนักทุกวัน ที่สำคัญแฟนของฉันก็ช่วยงานได้อย่างดีเยี่ยม กำไรแต่ละไตรมาสแซงบริษัทคู่แข่ง จนตามไม่ติดมองไม่เห็นฝุ่นเลยด้วยซ้ำ” พายุคุยโวออกมา ก่อนจะนั่งลงที่โซฟากว้างข้างๆ น้องชาย
“พี่เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่หมอยังไม่มีใคร วางหัวใจไว้ที่นุชวราเถอะ ถือว่าพ่อขอได้ไหมหมอ” คำพูดของผู้เป็นบิดาไม่ต่างจากการบังคับขู่เข็ญ เพียงแค่ถ้อยคำและประโยคที่ถูกถ่ายทอดเรียบเรียงออกมานั้น เหมือนกับการขอความเห็นใจจากชายสูงวัย เพื่อให้หมอวายุทำตามอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งผู้เป็นบิดาไม่มีวันเข้าใจ ต่อให้เขาต้องแต่งงานกับนุชวรา หมอวายุก็ไม่มีทางรักเธอได้ลง เมื่อทั้งสี่ห้องหัวใจของเขานั้นมีผู้หญิงอีกคน โดยที่หญิงสาวเองก็ถูกแอบรักอย่างไม่รู้ตัว
“ถ้าผมมีคนรัก หรือมีลูกมีเมียอยู่แล้วก็คงไม่ต้องแต่งงานกับนุชวรา ใช่ไหมครับแม่” หมอหนุ่มได้เอ่ยถามขอความคิดเห็นจากมารดาด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อ เพื่อให้นางเห็นอกเห็นใจ ทั้งที่หมอหนุ่มก็รู้อยู่เต็มอกว่ามารดาเจ้ากี้เจ้าการ อยากให้งานหมั้นเกิดขึ้นในเร็ววัน แต่เขาก็อยากได้ยินคำพูดจากปากของนาง เมื่อหมอหนุ่มกำลังคิดหาวิธีที่จะต่อรองกับบิดา
“หมอ ฟังแม่นะลูก หมอคือความภาคภูมิใจของพ่อกับแม่ ซึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็เห็นสมควร ลูกกับนุชวราเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก แต่งๆ กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง หนูนุชน่ารักอ่อนหวาน การที่หมอจะรักน้องมันไม่ยากเลย” หญิงสูงวัยพูดออกมาจากใจจริง เพราะหมอวายุเก่งฉลาด มากกว่าพายุในหลายๆ เรื่อง จึงทำให้นางกับสามีบังคับขู่เข็ญให้ลูกชายคนเล็กเรียนหมอ
“แม่กำลังตอบไม่ตรงคำถามอยู่นะครับ”
“อะไรกัน ฉันว่านายแต่งๆ ไปเดี๋ยวก็รักนุชเองเหมือนที่แม่บอกแหละน่า” พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดัง เมื่ออารมณ์ของเขาเริ่มฉุนเฉียว
“พายุ พูดกับน้องอย่าใช้อารมณ์สิ” ครั้งแรกในชีวิต ที่หมอวายุได้ยินมารดาเอ็ดพี่ชายออกมาแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ”
“เดี๋ยวก่อน!” ขณะที่พายุกำลังจะเดินออกไปจากห้
“มีอะไรครับพ่อ” พายุเอ่ยถามออกมา พร้อมกับเสียงถอนหายใจของชายหนุ่ม ที่ไม่ชอบให้ใครใช้น้ำเสียงแข็งแบบนี้กับเขา
“เรื่องเด็กฝึกงานเพลาๆ ลงบ้างก็ดี อย่าให้ฉันได้ยินเรื่องราวของข่าวฉาวแบบนี้อีก เพราะแกก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว สงสารหนูเอวาบ้าง”คำพูดของบิดาไม่ได้ทำให้พายุรู้สึกผิดเลยสักนิด เมื่อเขาชอบชีวิตอิสระแบบนี้ และไม่เคยคิดที่จะสร้างครอบครัวกับใคร
“ครับพ่อ” พายุรับปากผู้เป็นบิดาออกไปอย่างส่งเดช แน่นอนเขาไม่คิดที่จะหยุด เมื่อสัญชาตญาณของเสือ มีนิสัยชอบกินเนื้อฉันใด พายุเองก็ไม่มีทางจะหันกลับไปชอบกินผักกับผลไม้ได้เช่นกัน
“เอาล่ะทีนี้ หมอก็เตรียมตัวให้พร้อม งานหมั้นจะเกิดขึ้นภายในต้นเดือนนี้”