บทที่ 5

2344 คำ
“เออ คือว่าหนูดี…” “ไม่ให้ไป” ชายคู่หมั้นตัดบทด้วยประโยคคำสั่ง ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟน เข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนด้านหลัง จากนั้นก็จับแขนเรียวเล็ก พาสาวน้อยไปหยิบเสื้อกันหนาวสีหวาน มาสวมทับชุดนอนวาบหวิว ทำทรงเหมือนจะพาออกไปข้างนอก “ละ ลุงรามจะพาหนูดีไปไหนเหรอคะ?” “ไปทำงาน” “แต่หนูดียังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวเลยนะคะ” “ไม่ต้อง” น้ำเสียงหงุดหงิดตอบกลับแบบห้วนๆ พอเดินมาถึงลิฟต์ เขาก็ชำเลืองมองเธอด้วยหางตาเหมือนกำลังโกรธเคือง “โกรธหนูดีเรื่องเมื่อคืน หรือว่าลุงรามกำลังหึงอยู่คะ?” “….” เขาเงียบ ไม่ยอมตอบคำถามนั้น จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่ง ร่างสูงใหญ่กำยำสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงยีนขายาว รองเท้าผ้าใบสีเทาตัดขาวรุ่นลิมิเต็ด ก็เดินนำคนตัวเล็กไปที่ลานจอดรถใต้ตึกคอนโด แล้วกดสมาร์ทรีโมทเปิดรถหรูคันใหม่ที่เพิ่งถอยมา แม้ว่าตระกูลของเธอจะรวยมาก แต่ก็คงไม่รวยเท่าตระกูลวงศ์วิวัฒน์ศนันท์ เพราะลูกชายแต่ละคน บริหารธุรกิจระดับประเทศ เธอเคยได้ยินมาว่า ลุงรามทำธุรกิจนำเข้ารถนอก รถสปอร์ต รถซุปเปอร์คาร์ รถหรูต่างๆ นาๆ ที่เล่นราคาห้าสิบล้านอัพ ไปจนถึงพันล้าน ซึ่งนี่เป็นแค่ข้อมูลคร่าวๆ ที่เธอได้ยินมาจากพี่นนท์ นอกนั้น คือไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไรอีก บรืนนน! รถหรูสีดำทมิฬ ขับมาจอดหน้าร้านตัดชุดแต่งงาน “พาหนูดีมาที่นี่ทำไมเหรอคะ?” สาวน้อยมีคำถามอยู่ในหัวเต็มไปหมด แต่ไม่อยากถามจุกจิก กลัวว่าอีกฝ่ายจะรำคาญ ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาไม่ตอบ ปล่อยเบลอเหมือนตอนนี้ จนเข้ามาข้างในร้านเรียบร้อย “สวัสดีค่ะ คุณรามสูร มารับชุดที่สั่งตัดเอาไว้ใช่ไหมคะ?” พนักงานสาวสวย เอ่ยถามอย่างรู้จุดประสงค์ของลูกค้า “นอกจากชุดของผม ช่วยตัดชุดให้ผู้หญิงคนนี้ด้วย” ฝ่ามือหยาบใหญ่ ดันแผ่นหลังคนตัวเล็กให้เดินเข้าไปหาพนักงาน ซึ่งเธอยังไม่เข้าใจ ว่าจะให้เธอตัดชุดไปงานอะไร “เออ ถ้าเป็นงานเร่งด่วน…” “ผมจ่ายได้” “รับทราบค่ะ” เป็นการถามตอบแบบปุ๊บปั๊บฉับไว รู้ตัวอีกที เธอก็ถูกพนักงานสามคน พาตัวเข้ามาวัดสัดส่วน ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะจับย้ายห้องไปแต่งหน้าทำผมใหม่ จากที่มัดแกะตะมุตะมิ ก็ถูกมัดรวบติดมวยผมปลอม ปล่อยปอยหวาน จากที่เป็นคนหน้าหวานอยู่แล้ว คราวนี้ก็ราดน้ำผึ้ง โรยน้ำตาล ตบท้ายด้วยใส่น้ำเชื่อม เพราะหวานมาก หวานตัดขา สามชั่วโมงต่อมา สาบาน ว่าไม่เคยแต่งตัวนานขนาดนี้มาก่อนในชีวิต กว่าจะวัดนู่น วัดนี้ วัดนั้น แต่งหน้าทำผม ตัดชงตัดชุด เล่นเอาสาวน้อยสปิริตเหลือล้น หมดแรงเหมือนไปผ่านสมรภูมิรบมา ปกติเธอก็เป็นคนแต่งตัวเก่ง แต่งตัวออกงานสังคมบ่อยมาก แต่ครั้งนี้ ดูเป็นการเป็นงาน จนร่างยมไปหมด “คุณหนูดีคะ คุณหนูดีสวยเหมือนเจ้าหญิงเลยค่ะ~” พนักงานต่างพากันเอ่ยปากชมสาวน้อย ในชุดราตรีสีชมพูหวานแหวว แม้ว่าช่วงบนจะเป็นเกาะอก แต่ก็มีผ้าลินินเกรดพรีเมี่ยม ที่ถูกนำมาตัดเป็นลายลูกไม้ ลดความเซ็กซี่ให้ดูน่ารักสมวัย ส่วนกระโปรงลากยาวคลุมเข่า ราวกับว่าคนที่สั่งตัดชุดนี้ กำชับไม่ให้โชว์เรือนร่าง ให้อวดแค่ทรวดทรงนาฬิกาทราย และผิวพรรณขาวอมชมพู สมกับเป็นลูกคุณหนู “เออ ไม่ทราบว่าพี่สาวพอรู้ไหมคะ ว่าเขาจะพาหนูดีไปงานอะไร?” ในเมื่อถามเจ้าตัวแล้วไม่ได้คำตอบ เธอจึงเอ่ยปากถามพี่พนักงานเจาะจงไปที่เจ้าของร้าน เผื่อจะได้คำตอบ “พี่เองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ทราบเพียงแค่ว่า คุณรามมาสั่งตัดชุดสูทตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนชุดของคุณน้อง พี่รับงานด่วนพิเศษ เฉพาะลูกค้า VVIP เท่านั้นค่ะ” ได้ฟังในสิ่งที่พี่เจ้าของร้านพูด เธอก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง “ฟินิชลุคที่ได้ ประมาณนี้นะคะ คุณราม” สิ้นสุดประโยคนั้น สาวน้อยในลุค ลูกคุณอ่อนหวาน ก็ปรากฏตัวต่อหน้าชายคู่หมั้น วินาทีแรกที่สายตาคมกริบมองมา เขาดูอึ้งกับการแต่งตัวของเธอ ที่เปลี่ยนลุคจากเด็กแสบแสนซน ชอบแต่งตัววาบหวิว ติดน่ารักแบบกุ๊กกิ๊ก ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นสาวสวย ที่สามารถสะกดทุกสายตาได้ในทันที ซึ่งสาวน้อยก็ยืนอึ้ง กับการแต่งตัวของชายตรงหน้า เพราะเขาใส่สูททักซิโด้สีดำ ตัดขาวด้านใน ลุคหนุ่มหล่อกร้าวใจ แม้ว่าจะไม่แตกต่างจากที่เห็นทุกวัน แต่ยังดูหล่อมากอยู่ดี “หล่อจัง” สุ้มเสียงอ่อนหวาน หลุดปากเอ่ยชมอย่างลืมตัว ทำเอาพนักงานและเจ้าของร้าน ต่างพากันอมยิ้มเขินอายแทนฝ่ายชาย ที่ยกมือลูบท้ายทอยแก้เขิน และเบือนหน้าไปทางอื่น เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของสาวน้อย (เขาเขิน อันนี้ดูออก~) “รีบไป เดี๋ยวไม่ทัน” พอโดนจ้องนานๆ ชายคู่หมั้นก็ตัดบทด้วยการเดินหนีออกจากร้าน ปล่อยให้สาวสวย สวมใส่ส้นสูงเกือบสามนิ้ว เดินตามอย่างทุลักทุเล ยังดีที่มีพี่พนักงานเดินตามมาส่งถึงรถ พร้อมกับส่งมอบกระเป๋าแบรนด์เนม ให้เธอสะพายไปด้วย “สองชั่วโมงก่อน คุณรามเป็นคนไปเลือกซื้อกระเป๋าสะพายใบนี้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงแบบชุด แหวน ต่างหู และรองเท้าของคุณน้อง คุณรามเป็นคนเลือกให้หมดเลยค่าาา~” พี่เจ้าของร้านแอบกระซิบข้างหู ทำเอาสาวน้อยอมยิ้ม “อะแฮ่ม~” คนบนรถหรูไอกระแฮ่มเล็กน้อย พี่เจ้าของร้านจึงก้มหัวขออภัย แล้วรีบปิดประตูรถให้ แต่ก่อนที่เขาจะขับรถออกไปจากตรงนี้ สาวน้อยก็รีบยื่นสองมือ ไปประคองใบหน้าหล่อเหลาให้หันมาหา จากนั้นก็ประกบจูบ แทนคำ ‘ขอบคุณ’ จ๊วบ~ กลีบเนื้อนุ่มนิ่มคล้ายเจลลี่ ผละจูบจากริมฝีปากหยักได้รูปอย่างเชื่องช้า และอ้อยอิ่ง พลางส่งสายตาหวานเชื่อมให้ฝ่ายชาย ที่เผลอกลืนน้ำลายตัวเอง ด้วยความประหม่า เพราะโดนสาวน้อย รุกจูบก่อน โดยที่เขานั้น ยังไม่ทันได้ตั้งตัว จุ๊บ~ เด็กแสบจุ๊บซ้ำที่ปลายคาง ก่อนจะถอยกลับไปนั่งในที่ของตัวเอง พลางปรายตามองฝ่ายชาย ที่ยกฝ่ามือหนา ขึ้นสัมผัสริมฝีปากหยักและปลายคางที่เปื้อนลิปสติกเป็นรอยจูบ “ให้หนูดีลบรอยลิปสติกให้ไหมคะ?” “ไม่ต้อง เดี๋ยวลบเอง” เจ้าของหน้านิ่งดึงสติกลับมา ก่อนจะใช้ฝ่ามือลบรอยจูบนั้น แต่เขาคงไม่รู้ ว่าใบหูของตัวเองแดงซ่านขนาดไหน ทำเอาเด็กสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ด้วยความดีใจ ที่เขารู้สึกเขินอาย บรืนนน~ ยี่สิบนาทีต่อมา รถสปอร์ตสีดำทมิฬ ได้ขับเคลื่อนมาจอดหน้าโรงแรมหรู ระดับห้าดาว ก่อนที่พนักงานในชุดสูทสุภาพจะรีบวิ่งออกมาต้อนรับ ราวกับว่ามีการจัดงานใหญ่ที่นี่ ถึงขั้นปูพรมแดงต้อนรับ ตั้งแต่ก้าวขาลงจากรถ คงไม่ใช่งานธรรมดา แต่จะเป็นงานอะไร งานของใคร อันนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน ปกติเคยออกงานกับครอบครัว แต่ไม่เคยออกงานกับคู่หมั้น เลยรู้สึกเกร็งนิดหน่อย แต่คิดว่าตัวเองรับมือได้ ทันทีที่ก้าวสู่พรมแดง เจ้าหญิงน้อยก็ยื่นมือเล็กไปควงแขนล่ำสันของเจ้าชาย ซึ่งเขาก็ยอมให้ควง แต่ต้องลดระดับแขนลง เพราะส่วนสูงของเราสองคน ไม่ค่อยสันทัดกันเท่าไหร่นัก ขนาดเธอใส่ส้นสูงมาแล้ว ยังอยู่แค่ระดับอกของเขา ไม่รู้ว่าคนนอกที่มองมา จะคิดว่าเป็นพ่อลูก แทนคู่หมั้นหรือเปล่า “ลุงรามจะบอกได้หรือยังคะ ว่าพาหนูดีมางานอะไร?” เสียงหวานแอบกระซิบกระซาบถามฝ่ายชาย ขณะที่เราสองคน กำลังเดินควงแขนกันเข้าไปในโรงแรมหรู เมื่อก้าวเข้ามาด้านใน นักข่าวหลายสำนัก ก็ต่างพากันสาดแสงแฟลชมาที่เราสองคน ซึ่งฝ่ายชายทำหน้าเคร่งขรึมเหมือนไม่ชอบแสงแฟลชพวกนี้ สาวน้อยจึงออกหน้ารับแทน ด้วยการคลี่ยิ้มสดใสให้พี่ๆ นักข่าวแล้วโบกมือทักทายซ้ายขวาอย่างเป็นมิตร แม้จะไม่รู้ว่ามางานอะไร แต่สาวน้อยที่ชอบออกงานสังคมอย่างหนูดี ก็สามารถรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ได้ ความน่ารักสดใสของเธอ ทำให้นักข่าวต่างพากันเอ็นดู และค้นประวัติ ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร พอรู้ว่าเป็นคู่หมั้นของลูกชาย ตระกูลอภิมหาเศรษฐี ต่างพากันให้ความสนใจในตัวเธอ “แสดงว่าคุณรามสูรถือโอกาสเปิดตัวบริษัทใหม่ พร้อมกับเปิดตัวคู่หมั้นเลยใช่ไหมคะเนี่ย?” นักข่าวยิงคำถามใส่หนุ่มหล่อหน้าคม ดึงสายตาของสาวน้อยให้หันขวับไปมอง เพราะแอบตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะพาเธอมาเปิดตัวในงานใหญ่จริงๆ ยิ่งเป็นงานเปิดตัวบริษัทใหม่ เธอยิ่งตกใจ และดีใจมาก “ครับ” เสียงเข้มตอบแบบสั้นๆ แต่กลับทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ดวงนี้เต้นระรัว จากที่ยิ้มหวาน ตอนนี้เริ่มยิ้มกว้าง จนแก้มปริ “แล้วดาราสาวที่เคยมีข่าวซุ่มออกเดทกันละครับ?” เธอหุบยิ้มทันที เพราะไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อนเลย “ผมชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคู่หมั้นของผม ส่วนคนอื่นไม่เกี่ยวข้องกับผมครับ” เขาตอบนักข่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะสอดประสานมือเล็ก พาคู่หมั้นสาวสวยเข้าไปในงานเปิดตัวบริษัทใหม่ ระหว่างนั้น เธอก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มหวานไม่ได้ใส่ใจข่าวนั้น เพราะที่เขาพูดมันชัดเจนแล้ว “หนูดีลูก!” หม่าม้าของเธอกับมามี้ของลุงราม รีบเดินฝ่าฝูงชนมาหาเราสองคน ที่เพิ่งจะเข้ามาในงาน ท่านทั้งสองแต่งชุดราตรีสีแดงขาวแบบจัดเต็ม ส่วนป๊ากับแด๊ด (แด๊ดของลุงรามเป็นชาวแอลจีเรีย ดวงตาจึงเป็นสีเทาควันบุหรี่ ส่วนมามี้เป็นลูกครึ่งไทย - ซูดาน ดวงตาสีครามอมเทา ทำให้ดวงตาของลูกชายทั้งสามคน จึงเป็นสีออกโทนเทากันทั้งบ้าน) สวมใส่ชุดสูททักซิโด้สีแดงขาวเช่นเดียวกัน สมกับเป็นคู่รักเพื่อนสนิท และเท่าที่ดูในงาน มีเธอคนเดียว ที่ใส่สีชมพูหวานแหวว เด่นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ดูฟรุ้งฟริ้งที่สุดในงานไปเลยจ้า “หม่าม้าไม่เห็นบอกหนูดีเลย ว่ามีออกงาน” ลูกสาวทำสีหน้าน้อยใจแบบแกล้งๆ ให้หม่าม้าสนใจ “โอ๊ย~ อย่าเพิ่งน้อยอกน้อยใจไป ก็หม่าม้ารู้อยู่แล้วไง ว่าพี่รามเขาต้องชวนหนูดีมาด้วย” หม่าม้ากอดปลอบลูกสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เด็กแสบแสนซนจะคลี่ยิ้มร่าเริง เพราะแค่อยากแกล้งผู้เป็นแม่เท่านั้น และขณะที่ชายคู่หมั้น ต้องไปเป็นประธานใหญ่เปิดตัวบริษัทใหม่ สาวน้อยก็รีบวิ่งดุ๊กดิ๊กไปออดอ้อน ขอร้องปะป๊า ให้ช่วยกรุณา ยกเลิกระงับบัตรเครดิต “ป๊าทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก” “อ้าว ทำไมจะไม่ได้ละคะป๊า?” “ก็คนที่สั่งระงับบัตร คือ คู่หมั้นเรานั่นแหละ ไม่ใช่ป๊า” หือ! ยังไงคะ คุณกิตติ ทำไมผัว เอ้ย! คู่หมั้นถึงได้ทำเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะเปย์เรื่องการแต่งกายในวันนี้ ซื้อชานมไข่มุกมาแช่ตู้เย็นให้ทุกวัน สั่งอาหารที่เธอชื่นชอบมาให้ทานทุกมื้อ ทว่าเรื่องเงินในชีวิตประจำวัน เธอยังจำเป็นต้องใช้นะ! “เลิกทำหน้ามุ่ย แล้วไปนั่งกับคู่หมั้นไป” พี่เนมมาถึงงานก็ขับไล่น้องสาวในทันที “หนูดีไม่ไป หนูดีจะไปหาของกินอร่อยๆ” น้องสาวสะบัดบ๊อบใส่พี่ชาย ก่อนจะเดินต๊อกแต๊กไปหาของกินภายในงาน ซึ่งงานเปิดตัวบริษัทยักษ์ใหญ่ จะมีมินิซาชิมิหรูหรา กับเครื่องดื่มค็อกเทลเป็นหลัก แต่ยังไม่ค่อยมีใครมาโซนนี้ เธอจึงจัดการนั่งดื่มนั่งทานของอร่อย อย่างมีความสุข โดยที่ไม่รู้ว่าในค็อกเทล มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม! พนักงานบอกเองว่าดื่มได้ เธอเลยซัดเรียบ! “หนูดี หนูดีอยู่ไหน!?” ไม่นานนัก เสียงพี่นนท์ก็ดังแว่วมาแต่ไกล “เฮ้~ พี่ชาย หนูดีอยู่นี่จ้า” น้องสาวตะโกนตอบพลางโบกไม้โบกมือ โดยที่มือเล็กอีกข้างถือแก้วค็อกเทลแก้วที่ยี่สิบเห็นจะได้ รสชาติค็อกเทลที่นี่แจ่มแมวมากๆ อร่อยถูกปากแถมยังขมปลายเหมือนเหล้า “เฮ้ย! ทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียว!?” พี่นนท์อุทานเสียงดัง เมื่อเห็นน้องสาวนั่งดื่ม จนหน้าแดงซ่าน ก่อนที่ชายคู่หมั้นจะเดินตามมาแล้วกอดอกมองเธอ “ฮึย~ หนูดีไม่ได้ดื่มเหล้าเลยน้าาา พนักงานบอกเองว่าค็อกเทลดื่มได้เลยครับ เอิ๊ก!” สาวน้อยเรอแก๊สในท้องออกมาเป็นกลิ่นเหล้าชัดเจน ก่อนจะรีบมองหาพนักงานที่หลอกเธอ แต่ก่อนจะหาเจอก็โดนพี่ชายเขกหน้าผากไปหนึ่งที ป๊อก! “ฟังไม่เข้าใจ แล้วไปโยนความผิดให้คนอื่น สมกับเป็นหนูดีจริงๆ เลย ยัยเด็กเแสบ!” พี่ชายยืนบ่น แต่น้องสาวนั่งยิ้ม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม