ปริศนาสมาชิกคนที่ 6

2626 คำ
เกือบ 1 อาทิตย์แล้วที่บัวบกตกไปอยู่ในความดูแลของตำรวจ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรสำหรับฝ่ายมูลนิธิของแม่ครูกรุณา ที่รู้เห็นแค่เพียงสิ่งที่ธนูบอก แต่กับสมัครพรรคพวกของเธอ... มันเป็นตรงกันข้าม “ทางกองปราบฯ จำเป็นต้องเก็บข้อมูล พยาน หลักฐาน รวมทั้งตัวผู้ต้องหาที่จับกุมได้ไว้เป็นความลับก่อน เพื่อไม่ให้เสียรูปคดี ต่อเมื่อทางตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายทั้งหมดได้แล้ว จะมีการแถลงข่าวให้ได้ทราบกันอีกครั้งนะครับ ทางเราไม่ได้เพิกเฉย และขอยืนยันว่าจะปิดคดีให้เร็วที่สุด” ภาพการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของพล.ต.ต.เกรียงไกรในจอโทรทัศน์ ดับลงจากการกดรีโมทของชวิน ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจลบล้างความเครียด ความกังวล รวมไปถึงความกดดันทั้งในสมอง และในหัวใจของเขาจากสิ่งที่ได้รับฟัง “บัว... เป็นตายร้ายดียังไง ฉันก็จะต้องช่วยเธอออกมาให้ได้” ชายหนุ่มพึมพำอยู่คนเดียวภายในห้องทำงาน บนตึกเกียรติพิทักษ์วรกุลอันเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท ซึ่งเขารั้งตำแหน่งรองประธานและกำลังฝึกงานเก็บหน่วยกิตไปด้วย ...แน่นอนว่าเขาอยู่ในชุดสูทเต็มยศ สมศักดิ์ศรีทายาทเจ้าของบริษัท “เป็นอะไรไปคะ หน้าตาซีเรียสเชียว มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ?” เสียงของใครคนหนึ่งปลุกชวินให้ตื่นจากภวังค์ความคิด แต่นั่นทำให้เขาหันขวับไปมองเจ้าของเสียง ซึ่งพึ่งก้าวเข้ามาในห้องด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก “คุณก็จบปริญญาโทจากต่างประเทศ ไม่รู้หรือไงว่าควรเคาะห้องขออนุญาตก่อนแล้วค่อยเข้ามา !” ชายหนุ่มตำหนิเสียงขุ่น แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มตอบเขาอย่างใจเย็น “ดิฉันเคาะห้องขออนุญาตแล้วนะคะ แต่คุณชวินไม่ได้ยินเอง ดังนั้น จะโทษว่าดิฉันไร้มารยาทอย่างเดียวก็คงจะไมได้หรอกค่ะ” เธอผู้อยู่ในฐานะผู้อาวุโสกว่า ยอกย้อนกลับให้เจ็บแสบเล่น “ถึงอย่างนั้นก็ควรจะให้ผมอนุญาตก่อนแล้วค่อยเข้ามา !” เจ้าของห้องยังไม่ยอมแพ้ “ถ้าอย่างนั้นดิฉันก็คงต้องยืนรอจนขาแข็งเลยล่ะค่ะ ลองคุณชวินได้นั่งคิดใคร่ครวญอะไรแล้ว ต่อให้กริ่งไฟไหม้ดังก็คงไม่ได้ยินหรอก... จริงไหมคะ?” หญิงสาวแกล้งสัพยอก พร้อมกับวางแฟ้มงานลงบนโต๊ะของเขา แต่แทนที่จะอธิบายว่าอะไรเป็นอะไร เจ้าของสรีระสูงโปร่งในชุดสูททำงานแบบผู้หญิงโทนสีแดงดำ กลับเดินอ้อมมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ แล้วโน้มตัวลงมากระซิบข้างหู “แล้วคิดหาวิธีช่วยคนสำคัญ ออกมาจากเงื้อมมือตำรวจได้หรือยังล่ะคะ ?” คำถามจากคนนอกที่ไม่ควรจะมีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น ทำเอาชวินตัวชาวาบ และถึงกับนั่งตัวแข็งอยู่นานกว่าจะรวบรวมพลังเปล่งเสียงออกมาได้ “ขะ... คุณพูดอะไรของคุณ !” อาการตะกุกตะกักของชายหนุ่ม ยิ่งทำให้หญิงสาวขบขันจนแทบกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ “ก็พูดสิ่งที่อยู่ในความคิดของคุณชวินไงคะ หรือคุณจะบอกว่าไม่จริง” อีกฝ่ายเอียงคอตอบ แต่นั่นยิ่งทำให้ชวินจ้องมองเธออึ้งๆ ราวกับเห็นภูตผีปีศาจ ...พักตรา หญิงสาวเจ้าของผมม้ายาวเคลียบ่า อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ชายของเขา ( 25 ปี ) จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา และพึ่งเข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขานุการของพ่อเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่กลับรู้เรื่องของเขาที่แม้กระทั่งพ่อและพี่ยังไม่เคยระแคะระคาย นี่มัน... อะไรกัน !! “ถ้าคุณชวินอยากจะช่วยผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ล่ะก็ คงต้องรีบหน่อยนะคะ เพราะลองตำรวจเก็บเงียบไม่ให้เห็นแม้แต่หน้าผู้ต้องหาแบบนี้ ก็เท่ากับว่าไม่มีหลักประกันอะไรที่จะบอกได้ว่า เธอจะปลอดภัย ป่านนี้เธออาจจะโดนซ้อมปางตายอยู่ที่เซฟเฮาส์ไหนสักแห่งก็ได้นะ” พักตราพูดต่อไปอีก “ผมรู้แล้ว !” ชวินตอบฉุนๆ แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะนั่นเป็นเหมือนคำตอบรับว่าเขาคือ หัวหน้าแก๊งคดีปล้นทรัพย์นักการเมืองที่ออกอาละวาดอยู่ในขณะนี้ “รู้แต่ยังคิดวิธีไม่ออกใช่ไหมล่ะคะ ให้ดิฉันช่วยไหม ?” เธอโน้มตัวลงมากระซิบถามอีก ทำเอาชายหนุ่มชะงัก หันกลับมามองหน้าเธอด้วยความประหลาดใจ “รับรองผลร้อยเปอร์เซ็นต์เลยล่ะค่ะ” เจ้าของผมม้ายืนยันพร้อมรอยยิ้มที่ยังคงฉาบอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา   ในที่สุดเหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้นอีก หลังการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.เกรียงไกรเพียงแค่วันเดียว แก๊งองค์กรลับใต้ดินออกปฏิบัติการเสมือนเป็นการท้าทายกฎหมายและตำรวจอีกครั้ง จนสื่อแขนงต่างๆ ประโคมข่าวไปในทำนองเดียวกันว่า การจับกุมตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้เป็นการจับแพะ !! “เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา กลุ่มสมาชิกองค์กรลับใต้ดินได้บุกเข้าปล้นบ้านของนายวิชิต ชูชาติเชิด ส.ส.กรุงเทพมหานคร และได้ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมทั้งคนในบ้าน จนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 7 คนค่ะ โดยพยานผู้เห็นเหตุการณ์รวมทั้งตัวท่าน ส.ส.เองยืนยันว่าคนร้ายมีทั้งหมด 5 คน และเป็นผู้หญิง 1 คน...” “อะไรกัน...” บัวบกพึมพำหน้าเครียดกับภาพข่าวในโทรทัศน์ ...ผู้ได้รับบาดเจ็บมีตั้งแต่ดั้งหัก ปากแตก คิ้วแตก ไปจนถึงบอบช้ำเพราะอวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือน แต่ทำไมกันล่ะ ในเมื่อตกลงกันตั้งแต่ออกปฏิบัติการหนแรกแล้วนี่ว่าจะไม่ทำร้ายคนบริสุทธิ์ นอกเสียจากเป็นการป้องกันตัว แล้วทำไมคุณชวินถึงทำแบบนี้ ยังผู้หญิงที่เข้ามาแทนที่เธอคนนั้นอีก ...ใครกัน ...คนคนนั้นเป็นใครกัน ทั้งๆ ที่สัญญาไว้ว่าจะมาช่วยเธอ ...เป็นคนสัญญาเองแท้ๆ บัวบกครุ่นคิดระคนตัดพ้อในใจ แม้ว่าความรู้สึกในใจนั้นจะแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจนโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยก็ตาม “ดูข่าวแล้วสินะ” เสียงของใครคนหนึ่งปลุกบัวบกให้ตื่นจากภวังค์ เธอหันขวับไปมองผู้มาเยือน 3 คน ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ตนต้องมากินๆ นอนๆ อยู่ในบ้านพักชั้นเดียวหลังเล็กเท่ารูหนู รายล้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์ 5 ชิ้น ที่นอนปิกนิก หมอน ผ้าห่ม ขันน้ำ กับโถส้วมสุขภัณฑ์ ท่ามกลางพงหญ้า และกำลังตำรวจแน่นหนา “เห็นแล้วใช่ไหมว่าพรรคพวกของเธอทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไปเท่าไหร่” พล.ต.ต.เกรียงไกรเกริ่นนำถึงเรื่องราวในข่าว น้ำเสียงเคร่งเครียด แต่คำตอบที่ได้รับจากอีกฝ่ายก็ยังคงเป็นอาการนิ่งเงียบ กับกิริยาเบือนหน้าหนี “ยังไงก็จะไม่ยอมให้ความร่วมมือสินะ” ท่านนายพลถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นของผู้ต้องหา “ส่งดิฉันเข้าคุกไปซะเลยก็สิ้นเรื่องนี่คะ มัวมาเสียเวลากล่อมกันอยู่ทำไม” แม้จะยอมเปิดปาก แต่คำพูดของเธอก็ยังทำให้คนฟังเหนื่อยใจอยู่ดี “ที่พวกฉันให้เธอมาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อไม่ให้เธอถูกฆ่าปิดปากนะ” ภูผาพูดขึ้นบ้าง “หรือเธอยังมั่นใจว่า ยังไงพรรคพวกของเธอก็ไม่มีทางทำแบบนั้น ?” ธนูเสริมขึ้นมาอีกคน แน่นอนว่าด้วยคำพูดแทงใจดำบัวบกอีกเช่นเคย ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังไม่ยอมพูด หรือแม้แต่จะตอบโต้อะไร “พวกนั้นมันโหดเหี้ยมโหดร้ายมาก ขนาดผมยอมบอกรหัสผ่านดีๆ มันยังซ้อมผมซะ มือหนักอย่างกับเท้า แล้วไม่ใช่โดนแค่ซอสเขียนหน้าอย่างคนอื่นนะ แครอททั้งหัวในครัวยังไม่ได้ล้างด้วย ปากผมแทบฉีก !” ภาพในโทรทัศน์ฉายให้เห็น ส.ส.วิชิตที่ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตาที่นองหน้า ยิ่งทำให้ทั้ง พล.ต.ต.เกรียงไกร ภูผา และธนูยืนเครียดกับเหตุการณ์ที่ดูจะเลวร้ายขึ้นไปอีก “แกแน่ใจนะธนูว่าทำแบบนี้แล้วจะได้ผล ?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามลูกชาย “ครับ ยังไงคนคนนั้นก็ต้องมาที่นี่” ชายหนุ่มตอบขรึมๆ “ผมเตรียมของไว้พร้อมแล้ว เดี๋ยวแจกให้ตำรวจทุกนายได้เลยครับ" ทั้งน้ำเสียงและท่าทางนิ่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนแม้แต่บัวบกยังอดชำเลืองมองไม่ได้ แต่นั่นเองที่ทำให้เธอถึงกับชะงักไป “หมอนี่...” หญิงสาวพึมพำหน้าเครียด เธอจำได้แล้วว่าเขาคือคนที่พาผู้หญิง 2 คนไปประมูลหมวกแก๊ปของชวิน การที่เขาปล่อยให้สุนัขตัวนั้นวิ่งเข้าใส่กลุ่มของพวกเธอ ก็เพื่อให้มันพิสูจน์กลิ่น ส่วนการที่เขารู้ว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ก็เพราะเขาเห็นเธอที่ไปร่วมรับเงินบริจาคกับแม่ครูในวันนั้น ผู้ชายคนนี้ยังเป็นคนเดียวกับที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาดูพวกเธอที่หอพักของประยุทธ์ หลังจากที่เจอกันก่อนหน้านั้นที่ร้านอาหารตามสั่ง “บ้าที่สุด !” บัวบกกัดปากด้วยความเจ็บใจตัวเองที่จดจำธนูได้ช้าไป “คนเจ็บที่อาการหนักสุดพ้นขีดอันตรายแล้วครับ” ภูผารายงาน พล.ต.ต.เกรียงไกรเป็นระยะ ระหว่างคุยโทรศัพท์กับพงศ์ซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปคุ้มกันผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล พร้อมกำลังตำรวจอีกส่วน “บอกเขาด้วยว่าให้นัดคนที่หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ มาให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ด้วย” ท่านนายพลสั่งการเสียงเครียด ตรงข้ามกับใบหน้านิ่งๆ ปานหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์ “คนที่จะทำแบบนั้นได้ น่าจะเป็นอดีตนักมวยอย่างนายขจรนะครับ” ธนูครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้นขรึมๆ แต่นั่นเองที่ทำให้บัวบกหันขวับมามองเขาอย่างคาดไม่ถึง “ไปสืบมาเพิ่มอีกหรือไง ?” คนเป็นพ่อนิ่วหน้าถาม “ครับ... ขจร เรืองเมืองเคยเป็นนักมวยสังกัดค่ายแมน ศักดิ์ศรี แต่หลังจากขึ้นชกแพ้รุ่งเรือง โกสินทร์ ค่ายชาญชัย ก็หายหน้าไปจากวงการ ข่าวว่าตอนนั้นมีการบังคับจ้างล้มมวยด้วย” “รุ่งเรือง โกสินทร์นี่เด็กปั้นของ ส.ส.วิชิตไม่ใช่เหรอ !?” ภูผาถามขึ้นด้วยความตกใจ “ทั้งในฐานะคนที่มีความแค้นส่วนตัว และฐานะการ์ดของแก๊ง ไม่ผิดแน่ครับ !” ธนูพยักหน้ายืนยันข้อมูลที่ตนได้ จากการสืบค้นต่อยอดข้อมูลที่เขาได้รับมาจากกองทะเบียน “พูดต่อไปซิ รู้อะไรมาอีก” พล.ต.ต.เกรียงไกรสั่งลูกชายซึ่งดูจะเป็นการเป็นงานกว่าทุกครั้ง แต่สำหรับบัวบกแล้ว ท่าทางของธนูในวันนี้ทำให้เขาดูเป็นบุคคลอันตรายยิ่งขึ้นไปอีกมากกว่า ! “แฮกเกอร์ของทีมคือ ลิชล สินธนาวัฒนะ เป็นนักศึกษาวิศวะปี 4 มหาวิทยาลัยเอกชนเดียวกับหัวหน้าแก๊ง จึงไม่จำเป็นต้องขู่บังคับถามรหัสผ่าน เวลาโอนเงินจากบัญชีธนาคารของ ส.ส.แต่ละคนเข้าบัญชีมูลนิธิแต่ละที่” ธนูแจกแจงรายละเอียดของแต่ละคนได้อย่างชัดเจน จนบัวบกใจหาย “คนที่เป็นเหมือนกุญแจผีของทีม คือ ประยุทธ์ เจริญงาน ซึ่งน่าจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ เพราะไม่สามารถตรวจสอบอาชีพประจำที่แน่นอนได้ ส่วนหัวหน้าแก๊งนี้ ก็คือ ชะ...” “พอได้แล้ว !” เสียงขุ่นๆ ของบัวบกที่ดังขัดขึ้น ทำเอาทุกคนชะงักหันไปมองเธอ “รู้ขนาดนี้แล้ว ยังจะต้องมาคาดคั้นอะไรจากฉันอีก เอาฉันเข้าคุกไปซะเลยก็สิ้นเรื่อง หรือคิดจะเอาตัวฉันไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น คนอย่างพวกนายมันก็ดีแต่รังแกคนจนเท่านั้นแหละ !” หญิงสาวจ้องหน้าธนูด้วยความเจ็บแค้น เจ็บใจตัวเองที่เสียรู้ผู้ชายท่าทางไม่เต็มบาทคนนี้ “เธออายุยังไม่ถึง 20 เข้าคุกไม่ได้หรอก อย่างมากก็ส่งบ้านเมตตา แต่พรรคพวกของเธอน่ะโดนแน่ ความผิดหลายกระทงเลยด้วย พวกเราถึงอยากรู้ปูมหลังของแต่ละคน เผื่อจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้าง หรือเธออยากเห็นแฟนเธอติดคุกหัวโต หมดอนาคต ต้องขึ้นคานชั่วชีวิต เอ... หรือจะเป็นม่ายกันแน่นะ” ธนูมิวายกวนประสาท ด้วยเรื่องส่วนตัวของคนทั้งคู่ “รู้แล้วมีประโยชน์แน่เหรอ ในเมื่อแรงผลักดันที่ทำให้พวกเราต้องทำแบบนี้ มันก็มาจากพรรคพวกของนายทั้งนั้น !” บัวบกสวนกลับ แต่พอธนูอ้าปากจะเถียงต่อ ก็กลับถูกผู้เป็นพ่อยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้หยุดพูด “พอได้แล้ว ! จากนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้กองภูผาสืบคดีต่อ แกไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งกับคดีนี้อีก” ประกาศิตของท่านนายพลแห่งกองปราบฯ ทำเอาธนูถึงกับอ้าปากค้าง และแม้จะรู้ดีว่านั่นคือคำสั่งในฐานะพ่อที่เป็นห่วงลูก แต่ชายหนุ่มก็ยังอดดึงดันอยู่ในใจไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่คนเป็นพ่ออย่างพล.ต.ต.เกรียงไกรเองย่อมรู้ดีเช่นกัน   ระหว่างที่ฝ่ายตำรวจกำลังเป็นกังวลกับสถานการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น แก๊งองค์กรลับใต้ดินของชวินก็กำลังประชุมเครียดกับเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วไม่แพ้กัน “แทนที่จะได้รับการชื่นชมจากพวกชาวบ้าน ฉันว่าพวกเราจะโดนสมน้ำหน้าเวลาติดคุกมากกว่า !” ลิชลบ่นใส่ชวินระหว่างนั่งรับประทานอาหารกลางวัน ภายในร้านอาหารใกล้บริษัทที่หนุ่มแว่นตัวอันตรายฝึกงานอยู่ “นายคิดยังไงถึงให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในกลุ่มแทนบัวบก ไหนว่าจะไปช่วยยัยนั่นให้ได้ไง ?” “ฉันไม่มีทางเลือก ผู้หญิงคนนั้นบอกว่ามีวิธีช่วยบัวบก แล้วก็รับรองผลร้อยเปอร์เซ็นต์” ชวินซึ่งมีรอยช้ำอยู่ที่มุมปากตอบซึมๆ ข้าวในจานยังไม่พร่อง “นี่แกเป็นคนบอกแม่คนนั้นนั่นเหรอว่าพวกเราทำอะไรน่ะ !?” ลิชลตบโต๊ะเสียงดังจนจานชามสะเทือน และจนลูกค้าคนอื่นในร้านหันมาจ้องมองพวกเขากันเป็นตาเดียว “เบาๆ หน่อยก็ได้ครับคุณลูกค้า คนเขาหันมามองกันทั้งร้านแล้วครับ” ประยุทธ์ที่ปลอมตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟประจำร้านก้มลงไปกระซิบบอก ขณะทำทีเข้ามารับออเดอร์รายการอาหาร “กาแฟดำถ้วยนึง” ลิชลหันมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม แล้วหันกลับไปจ้องหน้าคาดคั้นชวินต่อ “แกบ้าหรือเปล่าชวิน ! แกบอกอะไรผู้หญิงคนนั้นไปบ้าง !” “ฉันไม่ได้บอกอะไรทั้งนั้น แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องนี้ได้ยังไง !” ชวินถอนหายใจหนักๆ สีหน้าเคร่งเครียดกับสิ่งที่ประเดประดังกันเข้ามา “ไว้ใจไม่ได้จริงๆ ทีนี้จะทำยังไงกันล่ะ ความคิดผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมที่ให้ไปบ้านส.ส.นั่น แล้วดูจรมันทำ ขนาดแกมันยังไม่เว้นเลย” ลิชลชี้ไปที่รอยแตกที่ปากมุมของชวิน “ถึงขนาดนี้แล้ว แกยังจะให้แม่คนนั้นอยู่ในกลุ่มอีกเหรอ หายนะมาเยือนแน่ๆ !” “บอกแล้วไงว่าฉันไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องเดินตามแผนจนกว่าจะช่วยบัวออกมาได้” ชวินยังคงยืนยันคำพูดเดิม ในเมื่อบัวบกคือคนที่เขาเป็นห่วงที่สุด ณ เวลานี้ “แล้วผู้หญิงคนนั้นบอกคุณชวินหรือเปล่าล่ะครับว่าเมื่อไหร่ ?” ประยุทธ์ถามขึ้นบ้างอย่างใจเย็น “พรุ่งนี้ !” คำตอบของชวิน กับระยะเวลาที่กระชั้นกระชิดอย่างที่ใครก็ไม่อาจตั้งตัวได้ทัน ทำเอาสองหนุ่มที่เหลือถึงกับชะงัก !?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม