เรื่องของเอรีน่ากับแสนปิติยังเป็นความลับเหมือนเดิม ไม่มีใครระแคะระคายความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเลย หญิงสาวทำตามที่ชายหนุ่มต้องการได้ไม่ขาดตกบกพร่อง เวลาเจอหน้ากันตามงานเลี้ยงเธอก็จะทำเป็นไม่สนใจเขา ส่วนเขาก็จะทำเป็นไม่สนใจเธอแต่แอบเหล่มองนิด ๆ เวลาเผลอตัว
วันนี้สองหญิงชายถูกเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ซึ่งแต่งงานกับนักแสดงหนุ่มทำให้แขกที่มาร่วมงานค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ เอรีน่ารู้จักกับฝ่ายเจ้าบ่าว ส่วนแสนปิติรู้จักกับฝ่ายเจ้าสาว ในงานนอกจากจะมีแขกคนสำคัญแล้วยังมีเหล่านักข่าวสายสังคมด้วย
ไม่รู้สวรรค์อยากกลั่นแกล้งทั้งสองคนไหมถึงได้ส่งทั้งคู่ให้มานั่งโต๊ะเดียวกัน แถมยังนั่งเก้าอี้ติดกัน แต่ทั้งสองคนกลับไม่พูดคุยกัน ทำราวกับเป็นคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้น
ในระหว่างที่งานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มรูปงามเดินมานั่งที่โต๊ะนี้เพิ่มอีกหนึ่งคนพร้อมกับเอ่ยทักทายเอรีน่าอย่างเป็นกันเองราวกับรู้จักมานานแสนนาน น้ำเสียงของเขาถึงได้ดูอ่อนโยนกับเธอนัก
“มานานแล้วเหรอรีน่า” ภูดิษเอ่ยถามนักแสดงสาวด้วยความสนิทสนม แต่หญิงสาวไม่ค่อยได้ยินจึงเอี้ยวตัวเข้าใกล้ชายหนุ่มเล็กน้อย ภาพนั้นตกอยู่ในสายตาของแสนปิติอย่างช่วยไม่ได้เพราะนั่งอยู่ติดกัน คราแรกเขาทำเป็นไม่สนใจจนกระทั่งเห็นแก้มของเธออยู่ใกล้ ๆ กับปากของภูดิษจึงเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขกลัวปากของผู้ชายอื่นจะมาสัมผัสกับแก้มเนียนใสของเธอ
“พี่ภูพูดอะไรนะคะ รีน่าไม่ค่อยได้ยิน” เธอถามหลังจากได้ยินคำถามแต่ไม่ชัดเจน พลางขยับตัวเข้าใกล้เขา
“พี่ถามว่ามาถึงนานหรือยัง” ผู้มาใหม่กระซิบตรงใบหูของเอรีน่าแล้วถอยออกเล็กน้อยเมื่อพูดจบ หญิงสาวจึงพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนตอบคำถามจากนั้นเธอก็เป็นฝ่ายถามเขาต่อ หาได้สนใจผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีทางพฤตินัยแม้แต่น้อย
แสนปิติไม่ชอบความสนิทสนมของทั้งสองคนแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากนั่งหน้างอแล้วเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งคู่อย่างเงียบ ๆ ตาก็แอบเหล่มองเป็นพัก ๆ
“วันนี้มาคนเดียวเหรอคะ ไม่เห็นควงสาว” เธอถามอย่างเช่นทุกครั้งที่เจอกัน น้ำเสียงกับรอยยิ้มที่เอรีน่ามอบให้ภูดิษมันช่างขัดหูขัดตาแสนปิตินัก
“ไม่มีให้ควง แต่ถ้าคนแถวนี้ยินดีเป็นคู่ควงให้พี่ก็คงจะดี” ภูดิษหยอดกลับ แววตาอ่อนหวานของเขาทำให้แสนปิติอดใจแกว่งไม่ได้ แต่ยังระงับความโกรธได้อยู่จึงนั่งฟังต่อไปเรื่อย ๆ
“อุ๊บส์ ถ้ารีน่ายินดี รีน่าจะโดนสาว ๆ ในสต็อกของพี่ภูดักตบไหมคะ”
“ไม่มีครับน้องรีน่า ใครเขามีสาว ๆ ในสต็อกกัน แต่ถ้าแฟนอยากมี”
“ก็เลือกสักคนสิคะ พี่ภูมีผู้หญิงมาจีบตั้งเยอะตั้งแยะ”
“ใคร ใครมาจีบพี่กันไม่มีหรอกน่า”
ภูดิษปฏิเสธไม่เต็มเสียงนักแต่ยังไม่ทันตอบโต้ก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากทางด้านหลังจึงรีบลุกออกไปทันที เอรีน่าเห็นคนที่มาเรียกภูดิษก็ถึงกับขำไม่ออกเพราะเธอคืออดีตแม่เลี้ยงของตนเอง ไม่รู้ชายหนุ่มไปรู้จักมักจี่กับคนอย่างแสงอรุณได้อย่างไร หรือภูดิษกำลังโดนผู้หญิงคนนี้หลอก
“ขอโทษนะครับคุณเอรีน่า ผมขอถ่ายรูปคู่กับคุณหน่อยได้ไหม” อยู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากทางด้านหลังจึงหันไปมอง เห็นผู้ชายตัวขาว หน้าตี๋ ยืนยิ้มด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอดารา
เอรีน่าเป็นคนไม่ถือตัวจึงลุกจากเก้าอี้เพื่อไปถ่ายรูปกับแฟนคลับ ไม่นานนักเธอก็กลับมานั่งตามเดิมโดยมีสายตาของแสนปิติจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
สายตาของเขาไม่พอใจเธอมาก ๆ แต่เพียงครู่เดียวเขาก็หาวิธีสยบความไม่พอใจนี้ได้จึงเอาโทรศัพท์เครื่องหรูออกมากด ๆ ก่อนจะส่งข้อความออกไป
SANPT : คืนนี้มาหาผมที่ห้อง
ARENA : ไม่ได้ค่ะ
SANPT : ขัดใจ?
ARENA : พรุ่งนี้มีถ่ายแบบเช้ามากค่ะ ไม่สะดวก
แสนปิติอ่านข้อความจบก็หันไปมองใบหน้าสวย ๆ ของคนที่นั่งข้างกันด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นเขาก็ก้มลงอีกครั้งพร้อมกับพิมพ์ข้อความใหม่แล้วกดส่งให้เธออย่างไม่ลังเล
เอรีน่าถึงกับตาโตหันขวับกลับไปมองหน้าแสนปิติ แต่ไม่ทันที่เธอจะส่งข้อความตอบ ภูดิษก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม พลางแสดงสีหน้าไม่สบายใจ ทำให้ความสนใจของหญิงสาวตกไปอยู่ที่ภูดิษหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ การกระทำนั้นสร้างความไม่พอใจแก่แสนปิติอีกเท่าตัว
“คุณได้เจอดีแน่ เอรีน่า” เขาคิดในใจอย่างลืมตัว ลืมไปว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไรกับหญิงสาว
งานเลี้ยงใกล้จะจบแล้วเมื่อสองบ่าวสาวกล่าวขอบคุณแขกที่มางาน แต่แสนปิติยังไม่ได้คำตอบจากลูกหนี้สาวทั้ง ๆ ที่เขายอมใจป้ำเสนอลดหนี้ให้ตั้งครึ่งหนึ่งจึงส่งข้อความไปถามอีกรอบ เอรีน่าเห็นโทรศัพท์ของตนเองมีข้อความเข้า แต่ยังไม่ทันได้เปิดอ่านก็มีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ เธอจึงเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋าแล้วหันไปให้สัมภาษณ์ด้วยความยินดี
นักข่าวตั้งคำถามสัพเพเหระจนกระทั่งมาถึงเรื่องของหัวใจ ก่อนตอบเธอได้เหลือบมองไปที่แสนปิติ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นทำให้นักข่าวไม่ทันมองเห็น แต่ภูดิศกลับเห็นทันจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจอดตั้งคำถามไม่ได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้ เพราะมันดูยังไง ๆ อยู่หรือเขาตกข่าวอะไรไป
“ดังใหญ่แล้วนะเรามีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ด้วย” เขาแซวด้วยน้ำเสียงขบขัน อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอดังเป็นถึงซูเปอร์สตาร์จะยังสามารถคุยกับเขาแบบนี้ไหม นิสัยจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า เพราะดารานักแสดงบางคนพอดังแล้วลืมตัว ซึ่งเขาคิดว่าเธอไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น
“ดังก็ดีสิคะ รีน่าจะได้เป็นซุปตากับเขาบ้าง” เธอหัวเราะน้อย ๆ กับความฝันในหัว ถ้าได้เป็นซูเปอร์สตาร์ก็ดีนะสิ งานจะได้เข้ามาเยอะ ๆ มีเงินไปปลดหนี้ให้พ่อ
“ก็ลองเล่นละครบทใหม่ ๆ ดูบ้างสิ เผื่อจะดังเปรี้ยงปร้าง คนรู้จักไปทั่วประเทศ” เขาพูดเหมือนรู้อะไรมา หญิงสาวจึงหันไปถามพลางขมวดคิ้วมุ่น
“พี่ภูหมายถึงละครเรื่องไหน” เพราะเธอได้รับการติดต่อให้ไปเล่นละครหลายเรื่อง จึงไม่รู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องไหน
“เอ้าก็ละครเรื่องเมียน้อยไง เห็นทางผู้จัดว่าจะให้รีน่ามารับบทเป็นเมียน้อยของพระเอก”
ด้วยความที่ชายหนุ่มเป็นลูกของเจ้าของสถานีโทรทัศน์จึงรู้ข้อมูลภายในไม่น้อย และอยากให้เอรีน่ารับละครเรื่องนี้แม้บทค่อนข้างแรงไปหน่อยสำหรับสังคมไทยแต่ถือว่าเป็นบทที่ดี เอรีน่าเหมาะกับบทนี้มากหากได้เล่นจริง ๆ เขาคิดว่าเธอต้องดังแน่นอน
แต่หญิงสาวยังไม่ตัดสินใจเพราะต้องคำนวณถึงอะไรหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะผลกระทบที่จะตามมาจากการเล่นละคร คนดูบางคนแยกแยะไม่ออกเรื่องไหนคือชีวิตจริง เรื่องไหนคือการแสดง หญิงสาวเคยมีประสบการณ์ไม่ดี โดนคนด่า คนไล่ กลางตลาดเพราะไม่ชอบบทละครที่เธอรับแสดง ตอนนั้นยังเด็กมากจึงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นเรื่องฝังใจ
“อ้อ เรื่องนี้รีน่ายังอยู่ในช่วงตัดสินใจค่ะ”
“อ้าวทำไมล่ะ พี่ว่ามันก็เป็นโอกาสดีที่รีน่าจะได้แสดงฝีมือ”
“เพราะว่ามันต้องเล่นจริงน่ะสิคะ” อีกเหตุผลหนึ่งที่เธอยังไม่ตัดสินใจคือ ตัวละครต้องรับบทหนัก เล่นจริง ตบจริง จูบจริง ไม่ใช่แค่ปากแตะปากแต่ต้องเข้าถึงอารมณ์ด้วยซึ่งเธอรู้สึกลำบากใจมาก
“รีน่าหนักใจเรื่องอะไร ปกติก็เล่นจริงกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ภูดิษไม่รู้ว่าเธอขอใช้มุมกล้องตลอด แต่ผู้กำกับเก่งทำให้เหมือนกับว่าจูบกันจริง ๆ ได้
“ก็...ว้ายเจ้าสาวจะโยนดอกไม้แล้ว รีน่าขอไปแย่งดอกไม้ก่อนนะคะพี่ภู” หญิงสาวไม่สนใจจะตอบคำถามหลังจากได้ยินพิธีกรประกาศบอกว่าเจ้าสาวกำลังจะโยนดอกไม้
เธอจึงก้าวเท้าฉับ ๆ ไปยืนอยู่หน้าเวทีอย่างไม่ลังเล บทสนทนาของทั้งคู่เข้าหูของแสนปิติทุกคำทุกประโยค ด้วยความสงสัยเขาจึงสั่งให้ลูกน้องไปหาบทละครเรื่อง ‘เมียน้อย’ มาให้ตนเองแบบด่วน ๆ เขาอยากรู้เหตุผลเหมือนกันทำไมเธอถึงลังเลที่จะรับเล่นเรื่องนี้
และแล้วคนที่ได้ดอกไม้ของเจ้าสาวก็คือเอรีน่าทำให้นักข่าวกดชัตเตอร์รัว ๆ แขกในงานพากันแซวเธอว่าจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป เอรีน่าได้แต่ยิ้มรับและคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เพราะแสนปิติยังไม่รักเธอเลยแล้วจะให้เธอแต่งงานกับใคร ต่างจากคนอื่น ๆ ในงานที่รู้สึกว่านางร้ายสาวกับลูกเจ้าของช่องก็เหมาะสมกันดี ยกเว้นคนนั้นคนเดียว
“ได้ดอกไม้แล้วทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ ไม่ดีใจหรือไง” ภูดิษตั้งคำถามหลังจากที่เอรีน่าเดินกลับมานั่ง
“ดีใจมันก็ดีใจแหละ แต่รีน่ายังไม่มีคนรักเลย แล้วจะให้แต่งงานกับใคร” เธอตอบเศร้า ๆ
“ก็ไม่แน่นะ รีน่าอาจจะได้สามีแบบไม่ทันตั้งตัว” แววตาของเขามีความหมายลึกซึ้งแต่คนฟังกลับไม่ได้มอง เพราะสายตาของเธอมัวแต่จับจ้องที่ดอกไม้จึงไม่รู้ว่าภูดิษคิดอย่างไรกับตนเอง
“ขอให้สมพรปาก งานเลี้ยงเลิกแล้วกลับดีกว่าค่ะ” เธอยิ้มราวกับทำใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอกเขา แสนปิติยืนคุยกับคนรู้จักอยู่ไกล ๆ แต่สายตายังคงให้ความสนใจเอรีน่าไม่เปลี่ยน ใจหนึ่งก็อยากเดินมากระชากเธอให้ออกไปไกล ๆ จากภูดิษ แต่อีกใจก็ค้านเพราะเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เธอก็แค่ผู้หญิงคั่นเวลา เขาจะสนใจทำไมกัน
“แล้วรีน่ามายังไง ให้พี่ไปส่งไหม” ภูดิษหาทางใกล้ชิดหญิงสาวที่ตนเองแอบชอบด้วยการขอไปส่ง และแอบหวังไว้ลึก ๆ ว่าเธอจะตอบตกลง ใบหน้าของเขาเศร้าขึ้นมาทันตาเห็นหลังจากได้ยินคำตอบตรง ๆ ของเธอ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ รีน่าขับรถมาเอง” เธอปฏิเสธด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เดินทางปลอดภัยนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้เอรีน่า แต่ในใจรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก หรือเขาควรตัดใจจากเธอดี
“เช่นกันค่ะ” เอรีน่าไม่มีความอาลัยอาวรณ์ทั้งแววตาและน้ำเสียง
จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะก้าวเท้าออกจากงานก็หันไปเห็นแสงอรุณยืนคุยกับแสนปิติ เธอจึงเข้าไปทักทายอดีตแม่เลี้ยงด้วยน้ำเสียงและแววตาไม่เป็นมิตร
แต่แสงอรุณกลับทักทายอดีตลูกเลี้ยงอย่างเป็นมิตรทำราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เพื่อแสดงละครตบตาแสนปิติประหนึ่งว่าตนเองคือคนดีกำลังโดนนางร้ายเหวี่ยงใส่ก็ไม่ปาน
“มางานแบบนี้ได้ด้วยเหรอ มีที่เกาะใหม่แล้วสินะ” นี่แหละเอรีน่า ใครดีมาเธอก็ดีตอบ ใครร้ายมาเธอก็ร้ายตอบ ไม่ชอบก็แสดงออกไปเลยว่าไม่ชอบ ไม่จำเป็นต้องตีสองหน้าเพื่อรักษามารยาท ต่างจากอดีตแม่เลี้ยงของเธอที่ชอบแสดงพฤติกรรมต่อหน้าอีกอย่างลับหลังอีกอย่าง
“หนูรีน่าก็มางานหรือจ๊ะ น้าเพิ่งเห็น”
“ถ้าไม่มาจะเห็นไหมล่ะ”
“โธ่ หนูรีน่าคะ น้าถามดี ๆ ทำไมหนูต้องตอบแบบนี้”
“แล้วใครจะทำไมฉัน คุณแสงอรุณ”
“เอ่อ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณแสงอรุณ ไปรีน่า”
แสนปิติเห็นท่าไม่ดีจึงขอตัวกลับพร้อมกับดึงมือเอรีน่าไปด้วยท่ามกลางความสงสัยของแสงอรุณ สองคนนี้ไปสนิทสนมกันตอนไหนถึงได้จับไม้จับมือแล้วลากออกไปแบบนั้น คิ้วทั้งสองข้างของเธอขมวดเข้าหากันก่อนจะนึกออกได้ว่า แสนปิติคือเจ้าหนี้ของอดีตสามี
ตั้งแต่เธอออกจากบ้านของอดีตสามี ยังไม่เคยเห็นข่าวล้มละลายของคุณเอริคเลย เรื่องนี้มันต้องมีที่มาที่ไปและเธอก็ต้องหาคำตอบให้ได้ อีกอย่างผู้ชายอย่างแสนปิติไม่ควรปล่อยให้หลุดมือ คนอย่างแสงอรุณอยากได้ก็ต้องได้ หากเธอจับแสนปิติอยู่หมัดรับรองสบายไปทั้งชาติ
“ฉันต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้คอยดูสิ” มุมปากยกยิ้มขึ้นมาราวกับนางร้ายในละคร เหมือนยิ่งกว่านักแสดงตัวจริงหลังจากคิดแผนชั่ว ๆ ออกมาได้
เธอยังสาวยังสวยแค่ผู้ชายคนเดียวทำไมจะมัดใจไม่ได้ คิดเข้าข้างตัวเองก่อนจะเดินไปทักทายกลุ่มนักข่าวที่กำลังเดินออกมา เผื่อจะได้ข้อมูลดี ๆ เอาไว้จัดการอดีตลูกเลี้ยงตัวแสบที่ไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเจอ