EP2.2 ll คำทักทายจากฆาตกร

1197 คำ
ร่างฉันเซถลาไปด้านหลังเพราะแรงฉุดกระชากของพ่อ เขาจับฉันเข้าที่แขนและดึงแรงๆ จนฉันเจ็บ ฉันหันขวับไปจ้องหน้าพ่อพร้อมตวาด “พ่อเป็นอะไรเนี่ย!” ฉึบ! เป็นจังหวะเดียวกับที่เอสลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะเอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้มีท่าทีโกรธการปฏิบัติตัวของพ่อฉัน เขามองที่พวกเราเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มให้ “เธอไม่ต้องไปส่งผมหรอกครับ ผมเดินลงไปเองได้” “แต่ว่า...” ฉันรู้สึกเกรงใจที่เขาอุตส่าห์มาส่งถึงบ้าน แล้วดันมาเจอกับความประสาทของพ่อฉันแต่ยังใจเย็นอยู่ได้ “แค่ได้มาส่งเธอผมก็ดีใจแล้วครับ” เขายิ้มจนตาหยี “...จะออกไปได้รึยัง?” พ่อถามขึ้นมาอีกครั้ง “คุณคงจะไม่ชอบผมสักเท่าไหร่ แต่คุณคงเข้าใจอะไรผิดไปนะครับ” เอสบอกกับพ่อฉันด้วยน้ำเสียงปกติ พ่อดึงฉันไปไว้ข้างหลัง แอบเห็นเขากลืนน้ำลายเล็กน้อย เขามองเอสตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับสำรวจอะไรบางอย่าง บางทีเขาคงไม่เชื่อใจเอสเท่าไหร่ “ผมไม่ได้ทำอะไรเธอหรอก ผมแค่มาส่งเธอ” เอสอธิบาย แต่ฉันคิดว่ามันคงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นนัก เพราะพ่อกัดฟันกรอดจนเส้นเลือดปูดโปนบริเวณขมับพร้อมกับบีบมือฉันแน่นขึ้น “คราวหลังก็ไม่ต้องมา ลูกสาวฉัน ฉันดูแลเองได้” คำพูดประชดประชันของพ่อไม่ได้ทำให้เอสเปลี่ยนสีหน้าเปื้อนยิ้มไปเป็นโกรธ ฉันสงสัยว่าอะไรทำให้เขานิ่งได้ขนาดนี้ ถ้าคนปกติคงโมโหฟึดฟัดหรือกลัวจนลนลานไปแล้ว “โอ๊ย พ่อ ฟังบ้างได้มั้ยเนี่ย หูมีไว้คั่นหัวหรือไง! ถ้าไม่ได้เอสมาส่ง หนูอาจจะโดนใครไม่รู้ลากไปปู้ยี่ปู้ยำก็ได้ แล้วยังจะไปพูดจาแย่ๆ ใส่เขาอีก” ฉันพยายามจะสะบัดมือพ่อออก แต่สะบัดไม่หลุด พ่อจับแน่นมาก มือของเขาเย็นและชื้นไปด้วยเหงื่อ ฉันกลัวว่าเอสจะโมโหแต่ดูเหมือนเอสคงเป็นคนมีเหตุผลอยู่พอประมาณ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่โกรธหรอก”เอสเอ่ย เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้ แต่ก่อนที่เขาจะเดินออก จู่ๆ เขาก็ชะโงกหน้าเข้ามาหาจนฉันผงะถอยหลังและเกือบล้ม พ่อรีบผลักหน้าอกของเขาออกจนเซไปเล็กน้อย และถึงจะถูกผลักเขาก็ยังคงยกยิ้มหวานดูเป็นมิตร... “การที่ผมได้เห็นว่าคุณพ่อรักเธอแค่ไหน มันทำให้ผมอารมณ์ดีมากๆ เลยเลยล่ะครับ” “...กลับไปสักที” ชายวัยกลางคนพูดเสียงต่ำ “เจอกันนะครับแอล” คนตัวสูงเดินถอยหลังก่อนจะหมุนตัวออกไป ฉันได้ยินเสียงเดินลงบันไดและเสียงลูกบิดดังกริ๊ก จากนั้นคนข้างๆ จึงยอมปล่อยมือฉันพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ฉันมองเล็กน้อยก่อนจะดึงมือตัวเองมากอดอก “แกไปเจอมันได้ยังไง?” “บ้านเทมป์” ฉันสะบัดหน้าไปทางอื่น เมื่อเขาเริ่มสอบสวนฉันอีกแล้ว “ไปเมาเหล้าเมายาเหลวแหลกอีกแล้วใช่มั้ย?” “ปกติก็ไม่เห็นจะมาสนใจ ทีนี้มาทำอยากรู้เรื่องของหนูทำไม” ฉันกระชากเสียงแล้วมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่พอใจนัก “มีอะไรอีกมั้ย จะนอน” “โตขึ้นแล้วหัดเถียงผู้ใหญ่ ฉันเป็นห่วงแก ไม่รู้หรือไง” “อ๋อเหรอ...” นัยน์ตาสีเข้มมองตรงไปยังคนที่บอกว่าห่วง ทำเอาฉันอยากจะหัวเราะ “ถ้าห่วงทำไมไม่มาตั้งแต่เมื่อวาน” “แกจะยอกย้อนฉันทำไมนัก” “ช่างเถอะ” ฉันสะบัดตัวจะกลับเข้าไปนอนต่อ เพราะไม่อยากจะทะเลาะกับเขา ยิ่งเห็นหน้าพ่อ ฉันก็ยิ่งหงุดหงิด คงเป็นเพราะฉันไปรู้อะไรบางอย่างที่น่าผิดหวังมา ฉันเลยไม่สามารถที่จะทนมองพ่อได้อีก “คนที่พ่อต้องห่วงคือแม่ที่ป่วยอยู่โรงพยาบาลนู่น หนูดูแลตัวเองได้” “ผู้ชายคนเมื่อกี้ไว้ใจไม่ได้” “แล้วใครไว้ใจได้ พ่อเหรอ...” ฉันหัวเราะ “สำหรับลูก พ่อเป็นคนที่ไว้ใจได้” “เหนื่อย จะนอนละ” ฉันถอนหายใจหนักๆ แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปออกฤทธิ์ผิดแปลกไปจากที่เคย ฉันก้าวเท้ากลับไปที่เตียงก่อนจะนั่งลงพลางมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่เพื่อส่งสายตาไล่กรายๆ “จะออกไปได้รึยัง?” “อย่าไปยุ่งกับมัน คราวนี้แกต้องเชื่อฉัน แกจะไม่เชื่อฉันเรื่องอะไรก็ได้ แต่เรื่องนี้แกต้องเชื่อฉัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำหน้าซีเรียสและสาวเท้าเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าทำให้ฉันสะดุ้งกับการกระทำแปลกประหลาด พ่อจับมือทั้งสองข้างของฉันขึ้นมาก่อนจะเม้มริมฝีปากยืนยันมันอีกครั้ง “แกต้องเชื่อฉัน อย่ายุ่งกับผู้ชายคนนั้น” “มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ พ่อรู้จักหมอนั่นหรือไง?” นี่คือการขอร้องครั้งที่สอง รองจากครั้งนั้นที่พ่อยอมคุกเข่าลงต่อหน้าทำให้เสียงฉันอ่อนลง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย นึกใบหน้าหวานและรอยยิ้มเป็นมิตรก็ไม่เห็นว่าจะเป็นพิษเป็นภัยตรงไหน “แกจำคดีฆาตกรรมที่ฉันเคยไปเป็นพยานแล้วแกพยายามจะตามไปได้มั้ย?” “ตอนหนูเด็กๆ อะนะ” ฉันมองพ่อพลางนึกไปถึงตัวเองตอนที่แอบตามพ่อไปจนถึงศาลเยาวชน ตอนนั้นฉันอายุแค่ 14 และไม่มีสิทธิ์เข้าไปฟังอะไรในนั้นด้วยซ้ำเลยได้แต่รอพ่ออยู่ด้านนอก “ใช่ ผู้ชายที่แกบอกว่าเป็นเพื่อน...” พ่อเว้นจังหวะแล้วมองหน้าฉัน “คือฆาตกรคดีที่พ่อของแกไปเป็นพยานด้วยตัวเอง” “แน่ใจเหรอ? ผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว พ่อยังจำหน้าได้อีก ไม่ใช่มั่วรึไง” ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก ตัวของเอสไม่ได้สูงใหญ่หรือล่ำสันขนาดที่จะมีแรงมากมาย ท่าทีก็เหมือนคนปกติไม่น่าจะฆ่าใครได้ ฉันว่าพ่อคงกลัวจนโยงเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว ชายวัยกลางคนมองหน้าฉันนิ่งพลางขยับฝ่ามือเย็นชื้นแล้วกรีดเล็บลงกับที่นอนดังครืด เขาข่มตาเครียดเหมือนย้อนนึกไปถึงเรื่องเก่า “แกคิดว่าคนๆ นึงสามารถฆ่าคนตายด้วยเหตุผลอะไร” “โกรธ ผลประโยชน์ขัดกัน อารมณ์ชั่ววูบ หรือคงมีเหตุผลจำเป็น” ฉันพยายามนึกหาเหตุผลว่าถ้าเป็นฉันจะฆ่าคนเพราะอะไร ไม่รู้สิ ไม่เคยฆ่าด้วย “ผู้ชายคนนั้นมันฆ่าเพราะ...” Rrr Rrr จู่ๆ เสียงริงโทนโทรศัพท์ของฉันก็ดังขัดจังหวะได้พอดิบพอดี เราทั้งคู่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะมองหน้ากันแป๊ปนึง ฉันจึงผละจากพ่อและหันไปหยิบมันขึ้นมาแล้วชะงักไปครู่ใหญ่เพราะชื่อคนที่โทรเข้ามาบนหน้าจอมือถือ ‘Your Friend is calling…’ คือชื่อที่ฉันไม่เคยบันทึกไว้ในโทรศัพท์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม