EP00 ll Prologue
บ้านหลังใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนกว่ายี่สิบถึงสามสิบชีวิต ผู้หญิงแข่งกันแต่งกายให้สวยสง่าที่สุดในงาน บางคนอยู่ในเดรสขาวยาว บางคนอยู่ในชุดรัดรูปโชว์ทรวดทรงองค์เอว และทาริมฝีปากแดงจัด กรีดนัยน์ตาชี้ขึ้นคล้ายนางร้าย เสียงเพลงจังหวะ EDM ดังทั่วบ้าน พวกเขาปิดไฟมืด มีเพียงแสงไฟสลัววิบวับคล้ายผับสาดแสงไปรอบๆ
มันคือปาร์ตี้วันเกิดของเทมป์ เพื่อนชายไฮโซที่ชอบการสังค์สรรค์เป็นที่สุด แถมยังชอบคบแต่คนสังคมระดับเดียวกัน จนแทบจะคัดเพื่อนจากจำนวนเงินในบัญชีก็ว่าได้ และฉันก็เป็นหนึ่งในเพื่อนเขา
ฉันนั่งอยู่โซฟามุมหนึ่งของบ้าน กวาดสายตามองผู้หญิงและผู้ชายเต้นเหมือนลืมตายด้วยอารมณ์เซ็งๆ คงเพราะฉันเหนื่อยจากงานมาค่อนข้างมาก ฉันเลยไม่มีอารมณ์จะไปเต้นแรงเต้นกา
วันนี้ฉันไม่ได้แต่งตัวอลังการมากนัก แค่เสื้อเปิดหลังเข้ารูปที่ฉันสวมกับกางเกงผ่าข้างทิ้งตัวลงและส้นสูงบวกกับหน้าตา ทำให้ฉันไม่ได้ดูด้อยไปกว่าผู้หญิงในงาน แม้บางคนจะใส่ชุดราตรียาวตั้งแต่หน้าบ้านยันหลังบ้านขนาดที่เดินผ่านทีพื้นสะอาด หรือแม้พยายามจะเด่นด้วยการประดับทุกอย่างเหมือนเป็นเจ้าของร้านจิลเวลรี่ ฉันก็ไม่คิดว่าพวกเธอจะดูเด่นไปกว่าฉัน
เพราะอะไรน่ะเหรอ...
เพราะในงานนี้ฉันสวยสุด ใส่อะไรก็สวย ใส่ชุดนอนมาก็ยังสวยกว่าผู้หญิงทุกคนในนี้
เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับทำให้ผู้หญิงดูดี แต่ฉันดูดีมากอยู่แล้ว ฉันจึงไม่จำเป็นต้องใส่ แค่ฉันนั่งอยู่เฉยๆ สายตาทุกคนในงานยังมองฉันเลย
เฮ้อ ฉันเกิดมาเพื่อนิยามคำว่า ความสวย ในพจนานุกรมให้สมบูรณ์จริงๆ
ฉันเบื่อๆ เซ็งๆ เลยหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด
“แอล แกดูดบุหรี่งี้ ระวังมีคนถ่ายไปฟ้องพ่อหรอก” เสียงมายมินท์ดังขึ้นข้างหูฉันที่มือข้างนึงคีบบุหรี่ ฉันเลื่อนสายตามองคนเตือนครู่นึงก่อนจะอัดควันเข้าปอดเพื่อไล่ความเครียดออกจากสมองและแทนที่ด้วยควันขโมง มายมินท์ถอนหายใจแล้วเบือนหน้าหนีตอนที่ฉันเป่าควันบุหรี่ใส่หน้ามันเหมือนกลั่นแกล้ง
“ช่างสิวะ ทุกวันนี้พ่อก็จะตัดออกจากกองมรดกอยู่แล้ว”
“ระวังภาพพจน์เน็ตไอดอลเสียหายนะจ๊ะ” มันเตือนทำให้ฉันเบ้หน้า ฉันเป็นคนดัง... คนดังที่คนอื่นเขาแต่งตั้งกันเอง และมาคาดหวังว่าฉันจะดีเด่เป็นกุลสตรีที่เหมือนไข่ในหิน
ดังไม่ได้แปลว่าดี... อาจจะเหี้ยก็ได้ เหมือนฉันนี่ไง
“ก็ไม่เคยพูดสักหน่อยว่าเป็นคนดี คนอื่นคิดไปเองกันทั้งนั้น คนดีที่ไหนจะทำตัวแบบนี้” ฉันหัวเราะแล้วเป่าควันใส่หน้ามันอีกรอบ
ดังแล้วต้องเป็นตัวอย่างแก่คนในสังคม ต้องทำตัวดี ต้องตักบาตรทุกเช้า เข้าวัดทุกวันพระ รักเด็ก คิดเพื่อสังคม... ไร้สาระ ฉันอยู่ของฉันเฉยๆ มาเสือกเรื่องของฉันทำไม ไม่ได้อยากจะให้ใครรู้จักสักหน่อย
“เฮ้อ ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กเรียนอย่างแกจะกลายเป็นผู้หญิงสายเถื่อนแบบนี้ไปได้ เหล้าก็กิน บุหรี่ก็สูบ เที่ยวผับทุกอาทิตย์ เรียนก็...”
“ฉันยังเรียนได้ดีอยู่ ฉันแค่สนุกไปตามเรื่อง” ฉันหงุดหงิดนิดหน่อยที่มันมาคอมเพลนชีวิตคนอื่น ฉันจิ้มบุหรี่ลงกับกระถางเขี่ยก่อนจะขยับขาไขว่ห้างมองไปรอบๆ พอสมองโล่ง ฉันก็ดันนึกไปถึงผู้ชายในสวนสาธารณะ ใบหน้าคมและหวานนั่นตราตรึงค่อนข้างมาก
ฉันสงสัยว่าเขาคือผู้ชายคนเดียวกับที่ฉันเคยเจอรึเปล่า...
ขณะที่ฉันกำลังเหม่อคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก็มีแก้วแอลกอฮอล์เลื่อนมาอยู่ตรงหน้าเพื่อดึงความสนใจ ฉันเลื่อนสายตาขึ้นไปมองจากแก้วขึ้นไปถึงใบหน้าของคนที่ยืนถือมันอยู่
เขาใส่เสื้อเชิ้ตและปลดกระดุมสองสามเม็ดให้เห็นแผ่นอกขาวๆ ใบหน้าคมผสมหวานนั่นกระตุกยิ้ม ใบหูข้างนึงเจาะจิวสีดำ คิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อย
เอ๊ะ... หน้าแบบนี้
“เจอกันอีกแล้วนะ” เขายิ้ม ฉันเงียบแล้วยิ้มตอบ มายมินท์มองเราทั้งคู่ก่อนจะถอยฉากอย่างรู้งาน คนตัวสูงยืนพักนึง เขาสูงราวๆ ร้อยเจ็ดสิบหกได้ “เธอเอาสักแก้วมั้ยครับ”
“บังเอิญจัง เป็นเพื่อนเทมป์ด้วยเหรอ?” ฉันหัวเราะแล้วยื่นมือข้างที่ว่างรับแก้วที่เขายื่นให้ ส่วนมืออีกข้างตบโซฟาเบาๆ เพื่อบอกให้เขามานั่งใกล้ๆ
อย่างที่บอกเทมป์เป็นพวกไฮไซ เวลาเขาคบเพื่อน เขาก็ดูคนที่ฐานะ และวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกัน ไม่ใช่พวกเหยียดหรอก แค่เป็นพวกที่ชอบใช้ชีวิตแบบเดิมๆ และไม่อยากจะเปลี่ยน เคยกินข้าวมื้อละหมื่น ก็จะกินแบบนั้น บางคนทนเป็นเพื่อนเขาไม่ไหว
“ผมเรียนวิศวะการบิน สาขาเดียวกับเทมป์” เขานั่งลงข้างๆ แล้วยักคิ้วให้ทีนึง กลิ่นน้ำหอมคล้ายดอกไม้ทำให้ฉันเคลิ้มไปครู่นึง
“อ๋อ”
“ชนัญชิดาเรียนสาขาอะไรครับ”
“เรียกแอลก็ได้ เรียกชื่อเต็มมันดูหนังไทยไป” ฉันหัวเราะ “เราเรียนบริหาร”
“เธอ...” เขามองฉันเล็กน้อยเลื่อนสายตามองที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “สูบบุหรี่ด้วยเหรอครับ?”
“อืม ทำไม ไม่ชอบผู้หญิงสูบบุหรี่เหรอ?”
“เปล่าครับ ผมแค่ถามเธอเฉยๆ”
“ไม่ได้สูบบ่อยหรอก เราสูบแค่ตอนเครียด” ฉันไหวไหล่เล็กน้อย ช่วงนี้เรียนหนัก พ่อเริ่มบ่นการใช้ชีวิตของฉัน และยังต้องมาเจอพวกสันดานแย่ๆ ที่คอมเม้นด่าในอินเตอร์เน็ตอีก ฉันก็เลยหงุดหงิดไปนิดหน่อย
“มันไม่ดีต่อร่างกายนะ” เขาโน้มหน้าเข้ามาเล็กน้อย ฉันชะงักไปนิดนึงก่อนจะวางแก้วที่ถืออยู่ในมือ ใบหน้าของพวกเราห่างกันประมาณหนึ่งไม้บรรทัด ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศและแสงไฟสลัวๆ นี่รึเปล่าถึงทำให้เขาดูหน้าตาดีกว่าตอนที่เจอในสวนสาธารณะ ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นระบายยิ้ม มือของเขาเอื้อมมาไล้ปลายผมของฉันก่อนจะม้วนมันด้วยนิ้วชี้
“ผมบอกวิธีแก้เครียดที่ดีกว่าการสูบบุหรี่ให้ เอาไหม”