“แม่ง! จะเล่นตัวทำไมวะ ทำเหมือนไม่เคยโดนเอาหรือกูให้น้อย แหม~ มาทำงานแบบนี้ คงโดนเอาจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว ยังเสือกอยากจะอัพราคา” คำพูดเยาะเย้ย พร้อมสายตาดูถูก ป่าวประกาศเสียงดังท่ามกลางสายตาของแขกมากมายที่กำลังนั่งดื่มกินภายในร้าน ทำให้เธอรู้สึกอับอาย จนอยากจะแทรกแผ่นปูนหนี แต่ถึงจะอยากหนีไปแค่ไหนสุดท้าย เธอก็ต้องตั้งคุมสติเก็บมันไว้ก่อนเพราะตั้งแต่มาทำงานอยู่ที่นี่ เธอก็ถูกคนอื่นตราบหน้าไว้แล้ว
“สวัสดีครับลูกค้า ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ คือน้องเขายังเรียนอยู่ไม่ได้รับงานแบบนั้นจริงๆ ลูกค้าคงจะเข้าใจผิด แต่ถ้าน้องเขาทำอะไรไม่ถูกใจ ผมต้องขอโทษลูกค้าจริงๆ อย่าสนใจถือสาเด็กมันเลยนะครับ” เสียงเจ้าของร้านรีบเข้ามาเพื่อเคลียร์สถานการณ์
“ไม่ใช่เล่นตัวหวังโก่งคาตัวแน่เหรอ ท่าทางก็ไม่เด็กแล้ว จะเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้ ถ้ายังซิงอยู่จริง กูให้หมื่นหนึ่งว่าไง” คำพูดของพระเจ้า ที่นายจ้างหลายคนเฝ้าเป่าหูพนักงาน ว่าลูกค้าคือพระเจ้า ตอนนี้พระเจ้าของเขากำลังพูดถากถางน้ำใจเด็กสาวอย่างไม่รู้สึกละอายใจสักนิด
ลมหายใจเฮือกใหญ่สูดเข้าปอด ใบหน้ายิ้มเปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบ
“ถ้าลูกค้าอยากได้เด็กคนนี้ ถ้าอย่างนั้นข้อหาพรากผู้เยาว์ ผมคงต้องมอบเป็นของขวัญให้ลูกค้านำกลับบ้านไปด้วยนะครับ” ใบหน้ากลมยกยิ้ม พูดเหมือนหยอกเล่น แต่เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง
จากคำพูดของเจ้าของร้าน ทำให้คนเมายอมปล่อยมือจากเด็กสาว แม้จะไม่เต็มใจแสดงอารมณ์หงุดหงิด แต่เขาก็ต้องยอมจำนนในเรื่องของกฎหมาย หลังจากร่างเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ชายวัยกลางคนก็พาเธอเข้ามาคุยหลังร้าน พร้อมกับมีเพื่อนเด็กเสิร์ฟตามเข้ามาปลอบขวัญกันหลายคน
“เป็นอะไรมั้ยโซ่ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ ไม่เจ็บเลย ขอบคุณคุณอานะคะ ที่ช่วยออกหน้าแทนโซ่ เรื่องแค่นี้สบายมาก^^” คำตอบพร้อมยิ้มหวาน ทำให้เจ้าของร้านยิ้มตาม
คุณอาเป็นคนรู้จักของยาย แม้จะไม่ใช่ญาติแท้ๆ แต่แกก็ใจดีช่วยเหลือฉันกับยายเสมอ ภรรยาของคุณอาหนีตามแขกไปเมื่อสี่ปีก่อน แกมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อพี่โป้ง พี่เขาอายุมากกว่าฉันสองปี เวลาว่างฉันชอบมาให้พี่เขาสอนหนังสือบ่อยๆเพราะไม่ต้องเสียเงิน จนกระทั่งพี่โป้งไปเรียนมหาลัยเราสองคนถึงได้ห่างกัน แต่ก็เจอกันบ้าง เดือนละครั้งสองครั้งตามโอกาส หรือก็ชอบแวะไปหาที่โรงเรียนเอาขนมไปให้ เป็นพี่ชายแสนดีที่น่ารัก
“งั้นวันนี้โซ่กลับไปพักก่อนนะ เดี๋ยวอาให้จ่ายค่าจ้างเท่าเดิม ไม่หัก”
“ไม่ได้นะค่ะ โซ่ทำได้คุณอาไม่ต้องห่วงเรื่องแค่นี้เอง โซ่ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนๆ ไม่อยากเอาเปรียบคุณอาด้วย” คนตัวเล็กตาโตมองหน้าจริงจัง ก่อนจะยิ้มอ้อนเรียกคืนความมั่นใจของคนตรงหน้า เพื่อให้เขาเชื่อในสิ่งที่เธออยากให้เห็น ทั้งที่ภายในใจมันปั่นป่วนจนแทบอยากจะเดินร้องไห้กลับบ้านไปหายาย แต่ก็ต้องข่มอารมณ์นั้นเอาไว้
ฉันกัดฟันทนกับสายตาของลูกค้าที่มองเข้ามา ฝืนทำงานให้ผ่านพ้นค่ำคืนบ้าๆ นี้ไปให้ได้ แล้วทิ้งเรื่องราวทุกอย่างไว้ตรงนี้ แต่ทำไมความรู้สึกมันช่างเป็นเวลาที่แสนยาวนานเหลือเกินกว่าจะผ่านพ้นไปแต่ละนาที เหมือนบวกเพิ่มมาอีกสิบนาทียังไงอย่างนั้น
คำพูดของผู้ชายคนนั้น มันยังประทับอยู่บนหน้าผากของฉันไม่ยอมหายไปไหน และแล้วในที่สุด เวลาที่ฉันเฝ้ารอก็มาถึง
“สองร้อยนี้ อาให้เป็นค่าทำขวัญที่โดยลูกค้ารังแก” แบงก์แดงถูกยื่นให้เป็นรอบที่สอง พร้อมรอยยิ้มสายตาเอ็นดูมองเด็กสาวตรงหน้า
คนตัวเล็กยิ้มกว้าง รับเงินมาด้วยความดีใจ เธอไม่ได้คาดหวังจะได้รับเงินเพิ่ม แต่ก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆนี้ เพราะทุกบาทล้วนมีค่าสำหรับเธอ เพราะตอนนี้ยายของเธอกำลังป่วยและนอนรออยู่ที่บ้าน
บ้านไม้หลังเก่าสุดซอย ที่ถูกปล่อยให้เช่ามานานนับยี่สิบปี ไม่ได้มีการซ่อมแซมหรือดูแลไปมากกว่าตอนที่เธอยังเด็ก เพราะด้วยราคาค่าเช่าเพียงห้าร้อยบาท แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าของเขาจะมาไล่ออกวันไหนเพราะเจ้าของคนเก่าได้เสียไปเพราะโรคชราเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว
ฉันกลับมาถึงบ้านเกือบตีห้า แม้จะอยู่ไกลจากปากซอยมากแต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะอยู่มาตั้งแต่เด็ก พอมาถึงฉันก็รีบทำกับข้าวไว้ให้ยาย อาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปทำงานต่อที่ศูนย์โชว์รูมรถ ซึ่งจะเริ่มในช่วงเช้าของวันนี้
“ยายจ๋า โซ่ทำไข่เจียวกับข้าวต้มวางไว้บนโต๊ะนะจ๊ะ ยากับน้ำก็วางอยู่ข้างๆ ยายอย่าลืมลุกมากินนะ” เสียงเล็กหวานบอกหญิงชราผมขาว นอนห่มผ้านวมเก่ารอยขาดเป็นริ้ว อยู่บนแคร่ไม้ไม่ไกลจากโต๊ะกินข้าว
“ไปเถอะ ยายอยู่คนเดียวได้ ระวังตัวด้วยนะลูก” เสียงแหบแห้ง บอกหลานสาวด้วยความเป็นห่วง
สาวน้อยหันมายิ้ม ก่อนจะรีบหอบกระเป๋าวิ่งออกมาตรงดิ่งไปยังหน้าปากซอย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเธอเกือบเป็นกิโล
“พี่คะ ขอซิ่ง ๆ วันนี้หนูรีบมาก ” เสียงหอบเหนื่อย ใบหน้าชุ่มเหงื่อ
“เกาะเอวพี่ดีๆนะครับน้องโซ่ เดี๋ยวพี่จัดให้” วินมอไซค์ที่คุ้นเคยตอบรับความต้องการของเธอในทันที เพราะใช้บริการบ่อยครั้ง และเป็นคนในซอยเดียวกัน ประกอบกับเธอเองเป็นเด็กน่ารักอัธยาศัยดี ทำให้ทุกคนต่างรู้จักและเอ็นดู
เครื่องยนต์คันเล็กสตาร์ท เบิ้ลเครื่องเสียงดัง ก่อนจะบิดกระชากพุ่งออกไปด้วยความเร็ว รถเครื่องทรงพลิ้ว วิ่งหลบซ้ายขวาพาผู้โดยสารตัวเล็กมุ่งหน้าไปยังจุดหมายตามคำเร่งรัด แม้ว่าที่จัดงานจะอยู่ไม่ไกลมาก แต่เพราะงานที่เธอรับเป็นงานพีอาร์พริตตี้ ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องไปเตรียมความพร้อมก่อนงานเริ่มประมาณ 1-2 ชั่วโมง
@สถานที่จัดงาน Motor chow
Sport car and Hyper-car
ร่างบางเดินเซลงจากมอไซค์ ผมเผ้าฟูดูไม่ได้ เธอเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวด้านหลังของร้านท่าทางอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายคืน
“อ้าว! น้องโซ่ ทำมาจัง แล้วทำไมหน้าโทรมเหมือนคนไม่ได้นอนเลยล่ะ?” คำทักทายจากพริตตี้รุ่นใหญ่ ทำให้สาวน้อยยิ้มแห้งๆมองตาเบลอ
“ค่ะ พี่เค้ก โซ่ยังไม่ได้นอนจริงๆ ไม่ได้นอนเลยแม้แต่นาทีเดียว” ก้นมนย่อนลงบนโซฟาตัวใหญ่ แผ่นหลังเอนตัวนอนราบอย่างหมดแรง
“แล้วจะไหวเหรอเนี่ย กลับไปพักก่อนมั้ย เดี๋ยวพี่บอกบอสให้” น้ำดสียงและสีหน้าดูเป็นห่วง
พึ่บ!!
ร่างที่กำลังนอนอยู่ เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง หันไปยิ้มตาหยีให้กับหญิงสาวที่กำลังนั่งมอง
“ไหวค่ะ พี่เค้กก็รู้ว่าโซ่ถึกจะตาย เพื่อเงินโซ่สู้อยู่แล้วเดี๋ยวค่อยแว๊ปมานอนตอนพักเที่ยงก็ได้^^”
กระเป๋าผ้าใบเล็กถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนสาวน้อยจะเด้งตัวผุดลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดที่ร้านจัดไว้ให้ ท่าทางของเธอดูตื่นตัวพร้อมในการทำงาน ต่างจากเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน