หลายวันต่อมาอาการของหนานอิงก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก หนานอิงจึงเริ่มรบเร้าที่จะกลับบ้านอีก นางเหมยเซียงไม่ยินยอม หนานอิงจึงขู่จะฆ่าตัวตาย
นางเหมยเซียงหน้าซีด จึงยอมคุยกับนางดี ๆ
"เหตุใดท่านจึงขัดขวางไม่ให้ข้ากลับบ้านเจ้าคะ"
นางเหมยเซียงไม่ตอบ ข่าวคุณหนูห้าสกุลหนานลือไปทั่วเมืองว่าถูกโจรป่าจับตัวไปย่ำยีสร้างชื่อเสียงด่างพร้อยให้กับสกุลหนานเป็นอย่างยิ่ง เช่นนี้นางจะกลับบ้านไปได้อย่างไร
แต่เมื่อถูกหนานอิงรบเร้าอีกทั้งยังขู่ฆ่าตัวตายเช่นนี้นางเหมยเซียงก็ลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง
อีกทั้งหากวันหน้าหนานอิงกลายเป็นฮูหยินหรือพระชายาของท่านอ๋องจริงๆ นางเหมยเซียงก็เกรงว่าในยามนั้นหนานอิงจะมาเอาเรื่องเอาราวกับเรื่องในอดีตทำให้นางเหมยเซียงลำบากในภายหลัง
การได้สตรีผู้นี้มาดูแลทำให้นางร่ำรวยขึ้นไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันก็คล้ายกลับว่าคอของนางกำลังพาดอยู่บนเขียงเช่นกัน
นางเหมยเซียงใคร่ครวญอย่างรอบคอบ โอกาสที่หนานอิงจะเป็นพระชายาย่อมมีมาก ในเมื่อนางเป็นบุตรสาวของเศรษฐีผู้หนึ่งพื้นเพต้นสกุลก็ไม่ธรรมดา จึงใจอ่อนลงไม่น้อย
"หนานอิงเจ้ายังเดินเหินไม่คล่องนัก รออีกสักหน่อยดีหรือไม่ข้ายังไม่ได้สอนสิ่งใดแก่เจ้าเลย"
"ท่านไม่จำเป็นต้องสอนสิ่งใดแก่ข้า เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นบุญคุณแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดปล่อยข้ากลับบ้านเถิดนะเจ้าคะ"
"เจ้าแน่ใจในความคิดนี้ของเจ้าจริง ๆ หรือ"
"ท่านแม่ท่านพ่อยังรอข้าอยู่เจ้าค่ะ ข้าคิดถึงพวกท่าน"
นางเหมยเซียงเอ่ยว่า
"หากกลับบ้านแล้วไม่เป็นอย่างที่เจ้าคิดเล่า เจ้าจะไม่เสียใจหรือ"
"ท่านแม่รักข้ายิ่ง ท่านไม่ทอดทิ้งข้าหรอกเจ้าค่ะ ส่วนท่านพ่อก็ถนอมข้าราวแก้วตาดวงใจท่านเป็นพ่อของข้าย่อมไม่ทิ้งข้าเช่นกัน"
นางเหมยเซียงเกินจะทัดทานแล้วนางจึงกำชับในเรื่องที่ควรกำชับ
"หยกของผู้มีพระคุณทั้งสองเก็บเอาไว้ให้ดีอย่าให้หายเข้าใจหรือไม่"
"หนานอิงเข้าใจเจ้าค่ะ"
หนานอิงไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว นางรู้ว่าตนเองสูญเสียพรหมจรรย์ให้แก่บุรุษไปแล้ว มิหนำซ้ำยังถูกย่ำยีทั้งด้านหน้าและด้านหลังหนานอิงในยามนี้จึงอยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดด้วยความอับอาย
แต่นางยังมีท่านแม่ยังมีท่านพอที่รักและเป็นห่วงนาง หนานอิงจึงคิดจะลืมเรื่องนี้ทำราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น นางคิดว่าคนที่ย่ำยีนางคงเป็นโจรป่าพวกนั้นเป็นแน่
ในที่สุดรถม้าของหอนางโลมก็ไปส่งนางถึงหน้าประตูคฤหาสน์สกุลหนาน สาวใช้ผู้ใกล้ชิดเอ่ยกับนางเหมยเซียงว่า
"ปล่อยนางไปเช่นนี้ได้หรือเจ้าคะ"
นางเหมยเซียงยกมุมปากยิ้มเย็น ต้องให้หนานอิงรับรู้ความเจ็บปวดด้วยตนเองถึงจะยอมเชื่อฟัง
"วางใจเถิดหากนางไม่มีที่ไปนางย่อมกลับมาเอง"
หนานอิงลงจากรถม้าด้วยความลำบาก นางห้อยหยกคู่เอาไว้ที่เอวดูแลอย่างดีไม่ให้ห่างกาย มีสาวใช้คนหนึ่งคอยช่วยพยุงนางลงจากรถม้า
แข้งขาของนางยังไม่ค่อยมีแรงนักแต่ก็สามารถเดินเหินได้คล่องขึ้นแล้ว นางเหมยเซียงให้ตำรากับนางมาเล่มหนึ่งบอกให้นางแอบตำรานี้เอาไว้ให้ดี และให้เปิดศึกษายามอยู่ลำพัง
"หนานอิงตำราฉบับนี้เจ้าจงศึกษาให้กระจ่าง เป็นเคล็ดวิชาสุดยอดของหอนางโลมของข้า หากไม่เข้าใจเจ้าสามารถกลับมาหาข้าได้ทุกเวลา"
หนานอิงตบที่อกเสื้อของตนเองมั่นใจว่าตำรายังปลอดภัยดี ในเมื่อนางเหมยเซียงบอกว่าเป็นตำราดีหนานอิงย่อมเชื่อฟัง
หลังมาส่งรถของหอนางโลมเคลื่อนไปแล้วปล่อยนางเอาไว้เพียงลำพังหน้าคฤหาสน์ กระทั่งมีคนที่ผ่านไปมาเห็นท่าทางของนางที่ไม่ค่อยดีจึงหยุดมองและคนพวกนั้นก็จำนางได้ในทันที
"นี่คุณหนูหนานอิงของสกุลหนานไม่ใช่หรือ ที่ถูกโจรจับตัวไปจู่ ๆ กลับมาได้อย่างไรกัน พวกโจรมันปล่อยตัวแล้วหรือ"
หลายคนจึงเริ่มหยุดมองนาง ด้วยชื่อเสียงของนางที่ถูกโจรร้ายจับตัวไปนานเกือบครึ่งเดือนทำให้พวกเขามองนางเปลี่ยนไป
คุณหนูผู้สูงส่งของท่านเศรษฐีคงยับเยินไปเพราะโจรพวกนั้นแล้ว เหตุใดยังมีหน้ากลับมาให้คนที่บ้านถูกตราหน้าอีก ด้วยท่าทางของหนานอิงที่แม้จะดูอ่อนแอไปบ้างแต่ก็ยังน่าเกรงขามด้วยบุคลิกของคุณหนูจึงไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำใดออกมา
ท่ามกลางสายตาของคนที่เข้ามารุมล้อม หนานอิงรู้สึกว่าตนเองบัดนี้ถูกมองเหมือนสัตว์ประหลาดตนหนึ่งที่น่ารังเกียจ สายตาเหล่านั้นบ่งบอกชัดเจนว่านางบัดนี้กลายเป็นสตรีต่ำช้าไปแล้ว
เสียงคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นในหมู่ฝูงชน
"เมื่อสักครู่ข้าเห็นชัดเจนว่ารถม้าที่มาส่งนางเป็นรถของหอนางโลมไม่ใช่หรือ เหตุใดนางจึงมากับรถม้าคันนั้นได้ ไม่ใช่พวกโจรย่ำยีนางเสร็จแล้วขายนางให้หอนางโลมไปแล้วหรือ เช่นนี้เหตุใดจึงกล้าบากหน้ากลับมาอีกกัน"
หลังจากนั้นเสียงผู้คนก็เริ่มดังขึ้น ล้วนแต่เป็นการวิพากษ์วิจารย์ตัวนางในทางเสียหาย ถึงแม้น้ำเสียงจะเบาจนไม่ได้ยินชัดเจนแต่หนานอิงกลับรู้สึกถึงคำพูดดูถูกเหล่านั้นทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน
หนานอิงกลั้นน้ำตาเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่นางถูกจับไปแท้ ๆ เหตุใดพวกเขาจึงได้กล่าวยังกับว่าเป็นนางที่ผิดที่ไปยั่วยวนโจรพวกนั้นให้มาจับตัว
คนพวกนี้เหตุใดใจร้ายเช่นนี้
หนานอิงเจ็บแปลบอยู่ในใจกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดความสามารถไม่อาจร้องไห้ให้ผู้ใดเห็นได้
นางก้มหน้าไม่มองพวกเขาค่อย ๆ ก้าวขาลากสังขารที่อ่อนแอของตนเองขึ้นบรรไดของจวน กระทั่งบ่าวผู้หนึ่งที่เฝ้าอยู่หน้าประตูคฤหาสน์เดินมาถามนางด้วยความสงสัย
"แม่นางท่านมาพบผู้ใดหรือ"
หนานอิงมองหน้าคนบ่าวผู้นั้นนางเองก็ไม่คุ้นหน้าเขาเช่นกัน หนานอิงเงยหน้ามองป้ายคฤหาสน์ แน่นอนว่านางมาไม่ผิดที่ แต่คนผู้นี้ไม่รู้จักนาง จนกระทั่งสาวใช้ผู้หนึ่งเดินออกมาเห็นนางเข้าจึงร้องออกมาด้วยความดีใจ
"คุณหนูท่านยังไม่ตาย คุณหนูของบ่าว ฮือ ฮือ ท่านกลับมาแล้ว ท่านกลับมาแล้ว"
ที่แท้เป็นสาวใช้คนสนิทของนางนามอาโจว
"อาโจว ข้า ข้า..."
น้ำตาของหนานอิงครานี้ร่วงออกมาเป็นสายราวกับน้ำแข็งที่ถูกความร้อนของเปลวไฟละลาย สาวใช้ที่ซื่อสัตย์ของนางเองก็เช่นกัน
"คุณหนู ข้าช่วยเจ้าค่ะ เกิดอะไรขึ้น ฮือ ฮือ ฮือ คุณหนูของบ่าว บ่าวออกไปที่กรมทหารขอร้องให้ช่วยตามหาคุณหนูทุกวัน แต่พวกเขาเอาแต่ปฏิเสธบอกกลุ่มโจรถูกทหารหลวงฆ่าตายหมดแล้ว เกรงว่าคุณหนูคงตายไปด้วย ฮือ ฮือ บ่าวไม่เชื่อเจ้าคะ บ่าวไม่เชื่อ"
หนานอิงถูกประคองเข้าไปในบ้าน ไม่นานคนแทบจะทั้งบ้านต่างเข้ามารุมล้อมนาง มารดาของนางวิ่งออกอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงเอะอะว่าเป็นผู้ใดที่กลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและเศร้าหมองมองนางอย่างไม่เชื่อสายตา
"อิงเอ๋อร์ อิงเอ๋อร์ของแม่"
มารดาของนางส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญทั้งกอดนางแนบแน่น คล้ายว่ากำลังจะขาดใจแล้ว หนานอิงผู้ที่เคยคิดว่าจะฆ่าตัวตายบัดนี้ได้กลับเข้าสู่อ้อมกอดของมารดาอีกครั้งน้ำตาของนางจึงยิ่งไหลมากขึ้น
ดีเหลือเกินที่นางไม่คิดสั้นไปเสียก่อน ช่างดีเหลือเกิน
"ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ ข้ากลับมาแล้ว"
สองแม่ลูกกอดกันแนบแน่น จนกระทั่งท่านพ่อของนางออกมาพร้อมกับฮูหยินใหญ่และบุตรสาวทั้งสอง รวมทั้งอนุและบุตรคนอื่น ๆ ต่างก็มารุมล้อมนาง สายตาของผู้อื่นต่างมองนางด้วยความเกลียดชังหาได้ต้อนรับนางกลับมาไม่
หนานอิงแม้จะอ่อนแอนางพลันคุกเข่า โขกศีรษะลงกับพื้นน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
"ท่านพ่อลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ"
ท่านหนานกลับไม่เข้ากอดปลอบนาง ดวงตาของเขาแข็งกร้าวเป็นอย่างยิ่งยังมองหนานอิงไม่ต่างจากสายตาของคนด้านนอกประตู กระทั่งท่านแม่ของนางเอ่ยขึ้น
"ท่านพี่ ท่านจะไม่ดูลูกเสียหน่อยหรือเจ้าคะ"