เขาล้วงกล่องไม้กล่องเล็กออกมาจากสาบเสื้อ เมื่อเปิดออกพบว่าด้านในมียาก้อนกลมสีเหลืองทองอร่ามก้อนหนึ่ง เขาใช้สองนิ้วเรียวบีบปากของนางให้อ้าออกแล้วยัดเม็ดยาเม็ดนั้นเข้าปากของนางอย่างอ่อนโยน
"รบกวนเจ้าค่อย ๆ ป้อนน้ำใส่ปากนางทีละช้อน ทำช้า ๆ จนกว่ายาในปากจะละลายจนหมด คืนนี้เหงื่อของนางจะออกมากเสียหน่อยให้คนคอยเฝ้าให้ดีคอยเช็ดเหงื่อให้นางและคอยเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่าให้อับชื้น"
"หมายความว่านางจะไม่ตายแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ"
อ้ายเจิงพยักหน้า
"ท่านหมอที่เจ้าพามารักษานางเองก็นับว่าเก่งมาก หากไม่มีเขาก่อนพบข้านางคงสิ้นลมแล้ว"
"ขอบคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ ขอบคุณใต้เท้า"
นางเหมยเซียงรู้สึกโล่งอก ไม่คิดว่าเพียงไม่กี่ชั่วยามที่นางก้าวเข้ามาในหอนางโลมจะทำให้คนที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดินเช่นนางจะตกที่นั่งลำบากได้เพียงนี้
"ดูแลนางให้ดี หากนางฟื้นให้คนของข้ารีบไปแจ้งข่าว"
"เจ้าค่ะ น้อมส่งใต้เท้าเจ้าค่ะ"
ก่อนกลับอ้ายเจิงสั่งให้ทหารคอยเฝ้านางเอาไว้ให้ดี เขากลับไปที่จวนอ๋องทันที เมื่อไปถึงพบว่าท่านอ๋องทั้งสองอยู่ที่ลานฝึกกระบี่เขาจึงเข้าไปรายงาน
"ทูลท่านอ๋อง ข้าน้อยมีเรื่องต้องรายงานขอรับ"
ลู่หนิงหวังรับดาบของหานเซียวแล้วโต้กลับทันควัน เสียงดาบปะทะกันดังสนั่นไปทั้งลาน พวกเขาเหมือนไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยแม้จะเดินทางมาไกลเพียงนั้น
อ้ายเจิงเองก็รออย่างใจเย็น รู้ว่าพวกเขาได้ยินแล้วว่าเขามีเรื่องจะรายงานแต่ยังไม่เสร็จธุระ และหากเป็นเรื่องเร่งด่วนอ้ายเจิงย่อมบอกแล้ว
รออยู่นานราวหนึ่งก้านธูปคนทั้งสองที่ผลัดกันรุกผลัดกันลับก็วางกระบี่ลง ทหารรับกระบี่ของสองอ๋องพวกเขาเดินมาที่โต๊ะไม้ใกล้ลานฝึก อ้ายเจิงเดินตามไปรอจนกระทั่งพวกเขาดื่มชาดับกระหายจนเรียบร้อย
"ท่านเลขาเจ้ามีเรื่องอันใดอีกเล่า สงครามก็สงบแล้วเจ้าไม่สมควรมีเรื่องมารายงานข้าแล้ว"
ลู่หนิงหวังเอนกายพิงเก้าอี้เขาหลับตาเล็กหน้า ใบหน้าคมของเขาถูกแสงแดดกระทบบางส่วนช่างดูงดงามองอาจคล้ายกับเทพสงครามที่หลุดออกมาจากภาพวาด
"เรื่องแรกยาคืนชีพของพวกท่านข้าใช้รักษาคนไปแล้ว ต่อไปพวกท่านต้องระวังตัวให้ดีหากมีเรื่องอันใดถึงชีวิตก็ไม่มียาช่วยรักษาอีก ตายสถานเดียว"
อ้ายเจิงกล่าวเชิงข่มขู่ ยานั่นมีทั้งหมดสองเม็ด ก่อนกลับเขาฝากไว้กับนางเหมยเซียงให้ช่วยป้อนสตรีผู้นั้นในอีกสามชั่วยามเพื่อรั้งชีวิตของนางเอาไว้
หากเป็นบุรุษผู้แข็งแกร่งเช่นสองคนผู้นี้ใช้เม็ดเดียวก็เพียงพอ แต่สตรีผู้นั้นอ่อนแอยิ่งเขาจำเป็นต้องใช้ถึงสองเม็ดเพื่อยื้อชีวิตนาง
"ยาคืนชีพนั่นไม่ได้จำเป็นสำหรับข้า ชายชาตินักรบหากจะตายก็ต้องตายจะมัวมาเสียดายชีวิตหายารักษาให้วุ่นวายด้วยเหตุใด"
อ้ายเจิงหยั่งเชิง
"พวกท่านไม่เสียดายหรือ ยานั่นใช้โสมห้าร้อยปีที่นาน ๆ จะพบสักครั้งหรืออาจจะไม่พบตลอดชีวิตของพวกท่านเชียวนะ ข้าให้คนไปแล้วท่านทั้งสองไม่เสียดายเลยหรือ"
หานเซียวส่ายหน้า
"เจ้าก็รู้ว่าข้าและท่านพี่ไม่สนใจ เจ้าเป็นหมอจะใช้รักษาผู้ใดก็เรื่องของเจ้า"
ทหารนำธนูเข้ามา พวกเขายังต้องการฝึกยิงธนูต่อ อ้ายเจิงจึงรีบพูด
"ก็ได้เช่นนั้นข้าจะเก็บให้พวกท่านหนึ่งเม็ด หากผู้ใดตายก่อนก็จะให้คนผู้นั้นใช้ แต่ว่าเรื่องยังไม่จบเพียงนี้"
หานเซียวง้างสายธนูแล้ว ทำท่ารำคาญใจน้ำเสียงเย็นเยียบ
"อ้ายเจิงว่างมากหรืออย่างไร ถึงได้กวนใจพวกข้าทั้งวันเช่นนี้"
อ้ายเจิงยิ้มละไม
"ข้าจะขอหยกจากพวกท่านคนละชิ้น เป็นรางวัลให้สตรีนางหนึ่งจะได้หรือไม่"
เขาพูดเพียงเท่านั้นทั้งหานเซียวและลู่หนิงหวังต่างลุกขึ้น พวกเขาปลดหยกประจำกายให้อ้ายเจิง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งกลับมาพกมันหลังจากไม่ได้พกมานับสิบปี จะมีสิ่งนี้หรือไม่พวกเขาก็ย่อมไม่สนใจ
"ข้าต้องการหยกธรรมดา มิใช่ป้ายหยกฐานะของท่านอ๋อง"
หานเซียวจึงเอ่ยขึ้น
"แล้วอย่างไรมันก็แค่หยกชิ้นหนึ่ง หากเจ้าต้องการมากกว่านี้ข้าก็ให้เจ้าได้ อย่ากวนใจข้าอีกไสหัวไปให้ไกลเลย"
อ้ายเจิงมองหยกขาวที่สลักนามเซียวอ๋องและอวิ๋นอ๋องเอาไว้ เขายกยิ้มแล้วเอ่ยเพียงลำพัง
"พวกท่านทำคนเกือบตายอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ ในเมื่อกล้าให้สิ่งนี้มาข้าก็จะใช้สิ่งนี้มัดตัวพวกท่านมิให้หนีไปที่ใด"
ราวครึ่งเดือนที่หนานอิงรักษาตัวอยู่ที่หอนางโลมจนกระทั่งนางคิดว่าตนเองสามารถเดินเหินได้คล่องแล้วจึงร้องขอต่อแม่นางเหมยเซียงว่านางต้องการกลับบ้าน นางไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองมาอยู่ที่นี่ถามสิ่งใดแม่นางเหมยเซียงก็ไม่ยินยอมปริปาก
สิ่งที่หนานอิงรู้จากแม่เล้าคือมีบุรุษสองคนช่วยนางไว้ พวกเขาคือผู้มีพระคุณไม่รู้บ้านช่องของนางจึงพามาส่งที่นี่มอบเงินให้จำนวนมากให้คอยดูแลจนกว่าหนานอิงจะหายดี
นางเหมยเซียงได้มอบป้ายหยกสองชิ้นสลักนามอวิ๋นอ๋องและซู่อ๋องเพื่อมอบให้หนานอิงเมื่อนางฟื้นขึ้นมา นางเหมยเซียงตื่นเต้นยินดีจึงเก็บหยกเอาไว้ให้หนานอิงด้วยชีวิต ที่แท้สตรีผู้นี้มีวาสนาสูงส่งได้รับความโปรดปรานจากสองอ๋อง
บัดนี้หนานอิงจึงเป็นบ่อเงินบ่อทองของนางเหมยเซียงไปแล้ว นางกำชับหนานอิงครั้งแล้วครั้งเล่ามิให้หนานอิงลืมเรื่องนี้
"ท่านอ๋องทั้งสองคือผู้มีพระคุณ เก็บของชิ้นสำคัญเอาไว้ให้ดีเข้าใจหรือไม่ อย่าทำหายเด็ดขาด"
หนานอิงกำหยกเนื้อดีขาวบริสุทธิ์เอาไว้ในมือ ท่านอ๋องผู้ที่ช่วยเหลือนางมีพระคุณกับนางยิ่ง แม้ต้องตอบแทนด้วยชีวิตนางก็ไม่เสียดายเป็นอันขาด
หนานอิงป่วยหนักจึงจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ นางถูกวางยาและจำหน้าคนที่ย่ำยีนางไม่ได้แม้แต่น้อย เรื่องในคืนนั้นคล้ายเป็นฝันหวานและตามมาด้วยฝันร้ายอย่างที่สุดในคราเดียวกัน
นอกจากหยกที่ฝากเอาไว้ให้หนานอิงแล้ว ท่านเลขายังได้มอบทองก้อนใหญ่ให้นางเหมยเซียงอีกด้วย
"จงดูแลนางให้ดี หากนางตั้งครรภ์ให้รีบส่งข่าวนางไม่เคยดื่มยาป้องกันการตั้งครรภ์ อาจเกิดเรื่องมงคล อย่าให้ผิดพลาดเป็นอันขาด"
"ข้าน้อยทราบเจ้าค่ะ"
"ข้าจะให้คนกลับมารับนางเมื่อถึงเวลาเมื่อนางฟื้นจงถามชื่อแซ่และบ้านเดิมของนางเสีย หลังจากนั้นแจ้งคนของข้าพวกเขาจะคอยอยู่ที่นี่รอฟังข่าว"
"เจ้าค่ะ"
เมื่อหนานอิงฟื้นก็เร่งเร้าจะกลับบ้าน นางเหมยเซียงกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง หากท่านแม่ทัพกลับมารับหนานอิง แล้วสตรีผู้นี้ยังไม่เป็นสตรีที่เพียบพร้อมปรนนิบัติ อาจารย์เช่นนางคงลำบากเป็นแน่ จะทำเช่นไรดีจึงจะยื้อหนานอิงเอาไว้ได้
"ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ท่านป้าปล่อยข้ากลับบ้านเถิดข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน และท่านแม่เองก็คงคิดถึงข้ามากเช่นกันท่านแม่คงกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะคิดถึงข้าทั้งเป็นห่วงข้าเป็นแน่เจ้าค่ะ หรือท่านช่วยส่งข่าวให้ทางบ้านของข้าทราบแล้วมารับข้าได้หรือไม่เจ้าคะ"
ดูเหมือนว่านางเหมยเซียงจะอึกอักอยู่มาก หนานอิงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุใดท่านป้าผู้นี้อย่างไรก็ไม่ยอมส่งนางกลับบ้าน ครั้นจะหนีก็ถูกกักขังไว้อย่างแน่นหนา
"เจ้าอย่ากลับไปเลย รอคนมารับที่นี่ดีกว่าหรือไม่ พวกเขาจะมารับเจ้าไปเงียบ ๆ แล้วเรื่องอื่นค่อยจัดการภายหลัง"
"เป็นผู้ใดหรือเจ้าคะ ท่านแม่ของข้าหรือ"
นางเหมยเซียงไม่สามารถบอกได้ จึงรับคำไปส่ง ๆ
"ใช่ ท่านแม่ของเจ้ากลัวว่าคนจะนินทาที่เจ้ามาอยู่ที่นี่บอกว่าเจ้ารักษาตัวให้ดีหายดีแล้วนางจะรีบมารับ"
หนานอิงไอออกมา นางเหมยเซียงจึงเอ็ดตะโรเสียงดัง
"เห็นหรือไม่ ข้าบอกแล้วว่าอยู่เฉย ๆ อย่าเพิ่งโวยวายเจ้าไม่คิดหรือว่าหากท่านแม่ของเจ้ามาพบเจ้าสภาพนี้เข้าจะตกใจเพียงใด เชื่อฟังข้าเถิดนะหนานอิง"