6 ปีผ่านไป
วันรับน้องของการเข้าปี 1
หนึ่งฤทัยในวัย 18 ปี ของการได้เป็นนักศึกษาปี 1 ที่สอบได้คะแนนอันดับหนึ่งของทุกๆคณะที่เธอเลือกเรียน จนกลายเป็นที่ถูกพูดถึงกันในหมู่นักศึกษาที่เข้าใหม่และรุ่นพี่จากต่างคณะอีกมากมาย บวกกับความสวยและมีเสน่ห์ของเธอด้วยทำให้เธอดังไปทั่วมหาลัยภายในวันเดียว
“น้องหนึ่งครับ..อยากทานอะไรไหมพี่จะไปซื้อให้ครับ..?”
“น้องหนึ่งครับ..ร้อนไหมครับ พี่พัดให้นะ..?”
“น้ำครับน้องหนึ่ง..”
รุ่นพี่ต่างคณะเข้ามารุมจีบเธอกันเป็นแถวๆ จนทำให้เธอรู้สึกดีที่มีแต่หนุ่มๆมารายล้อม เธอไม่ต้องเข้าไปรับน้องเหมือนกับคนอื่น เพราะได้สิทธิพิเศษจากรุ่นพี่ในคณะที่ตามจีบเธอกันมากมาย
“น้องหนึ่งนั่งตรงนี้ให้สบายนะครับ ไม่ต้องไปทนตากแดดรับน้องกลางแจ้ง ได้เป็นดาวของคณะเราก็ต้องนั่งสวยๆอยู่ในร่มแบบนี้แหละครับ ออกไปตากแดดเดี๋ยวผิวเสียหมด..”
“ขอบคุณพวกพี่ๆมากนะคะ ที่เข้าใจหนึ่ง”
“น้องหนึ่งอุตส่าห์เสียสละมาเป็นตัวแทนของคณะมนุษยศาสตร์เรา ไปประประกวดเพื่อเป็นดาวของมหาลัย ไหนจะมีกิจกรรมอีกมากมายพวกพี่เห็นใจมากนะครับ”
"แต่หนึ่งก็ยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเลยนะคะ ว่าจะชนะหรือเปล่า..”
“ชนะอยู่แล้วครับ น้องหนึ่งจะต้องได้เป็นดาวของมหาลัยรัยเราแน่นอนครับ..”
หนึ่งฤทัยมีความมั่นใจในตัวเองมากว่าต้องเอาชนะคู่แข่งจากดาวของคณะอื่นๆได้แน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นหน้าตาและความสามารถก็ไม่มีใครเอาชนะเธอได้
...
วันซ้อมการแสดง
“หนึ่ง..เราจะต้องได้ไปเป็นดาวและเดือนมหาลัยคู่กันนะ..”
“อืม..สู้ๆนะ..”
เดือนของคณะที่ยืนคู่กับเธอมองเธอด้วยแววตาที่มีความหมาย จนหนึ่งฤทัยรู้สึกได้ว่าเขาเองก็คงจะชอบเธอเหมือนกับคนอื่นๆ เธอจึงยื่นมือไปแตะบ่าเขาเบาๆเพื่อให้กำลังใจ
“ถ้าโอมได้เป็นเดือนมหาลัยคู่กับหนึ่ง หนึ่งจะให้โอมขออะไรก็ได้ 1 อย่าง..”
“จริงหรอ..?”
“ใช่..อยากได้อะไรหนึ่งจะให้ทุกอย่างเลย.”
เธอส่งสายตายั่วยวนไปให้เขาเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เขามั่นใจตัวเองและกล้าแสดงบนเวทีมากขึ้น เพื่อที่เขาและเธอที่ได้เป็นตัวแทนของคณะจะได้ชนะไปคู่กัน
“มาถึงการประกาศรางวัลแล้วค่ะ มาดูกันดีกว่านะคะว่าคะแนนความสามารถของดาวและเดือนคณะไหนจะชนะ จากคะแนนเสียงของคณะกรรมกทรของเรา”
หนึ่งฤทัยตั้งใจฟังมากว่าจะมีชื่อเธอที่พิธีกรประกาศกรือเปล่า
“เดือนของมหาลัยเราที่ได้คะแนนมากที่สุดมาจาก คณะแพทย์ศาสตร์ค่ะ..นายพงษ์รพี อินทวงศ์ หรือพีท หนุ่มสุดหล่อมาดขรึม ของสาวๆในคณะนั่นเอง ขอเสียงปรบมือดังๆให้กับน้องพีทของเราหน่อยค่ะ...”
หนึ่งฤทัยยืนอึ้งตาค้างทันทีที่ได้รู้ว่าเดือนมหาลัยที่ชนะไม่ใช่โอม เพื่อนร่วมคณะเดียวกันกับเธอ
“และมาถึงดาวของมหาวิทยาลัยของเราบ้าง อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าใครจะได้เป็นดาวของมหาลัยเราในปีนี้..”
“อยากรู้แล้ว..”
ทุกคนในงานต่างพูดประสานเสียงกันเสียงดัง แต่ตอนนี้หนึ่งฤทัยหูดับไปแล้ว เพราะมันทั้งตื่นเต้นและลุ้นสุดๆ
“และดาวของมหาลัยเราในปี 2020 นี้มาจากคณะ...คณะ...คณะ...”
“มนุษยศาสตร์…”
หนึ่งฤทัยท่องแต่ชื่อคณะมนุษยศาสตร์หลายรอบจนไม่รู้ว่าพิธีกรบนเวทีประกาศออกมาแล้ว
“คณะบัญชีค่ะ นางสาวกรพิณ แสงนิล หรือน้องกร สายหวานของเรานั่นเอง ขอเสียงปรบมือให้กับน้องกรดังๆด้วยค่ะ..”
ทุกคนต่างส่งเสียงกรี๊ดกันเสียงดัง แต่คนที่ยังไม่รู้อะไรเลยก็คือหนึ่งฤทัย จนโอม้ดือนคณะเดียวกันกับเธอต้องมาเรียกสติ
“หนึ่ง..หนึ่ง”
“ห่ะ..?”
“เป็นอะไรหรือเปล่า..?”
“เปล่านี่..”
“เสียดายเนอะที่คณะเราไม่ได้เลย..”
หนึ่งฤทัยได้ยินที่โอมพูดก็หันไปมองหน้าเวทีเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่ใส่สายสะพานของดาวและเดือนมหาวิทยาลัยในปีนี้ ยืนถ่ายรูปแล้วก็ส่งยิ้มหวานโบกมือทักทายทุกคนที่อยู่ข้างล่างเวที เธอมองพวกเขาทั้ง 2 คนบนเวทีก็รู้สึกโกรธมากๆที่เธอไม่ชนะในการแข่งันครั้งนี้
“ตาบอด..ตาบอดที่สุด ผู้หญิงเฉื่อยๆเชยๆแบบนั้นมาตัดสินให้ชนะฉันไปได้ยังไง อุบาศ อุบาศที่สุด.”
“หนึ่ง..ใจเย็นๆนะ..”
หลังจากที่พวกเขา 2 คนเดินออกมาจากงานหนึ่งฤทัยก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“โอม..เห็นไหมว่ามันมีอะไรที่ดีกว่าหนึ่ง หน้าตา ความสามารถ ไม่มีเลยใช่ไหม แล้วมันชนะหนึ่งได้ยังไง..กรรมการตาบอด..”
“อย่าไปสนใจเลยหนึ่ง มันก็แค่งานประกวดไร้สาระ..อย่าคิดมากเลยนะ..”
“หนึ่งไม่คิดมากไม่ได้..หนึ่งไม่เคยแพ้ใคร หนึ่งยอมไม่ได้ที่จะต้องมาแพ้ผู้หญิงเฉิ่มๆเชยๆแบบนั้น ผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรสู้หนึ่งได้เลยสักอย่าง หนึ่งไม่ยอม...”