Mean Talk.
"มาเลยครับจูงมือออกมาเลยครับ มาให้ไวครับน้อง” พี่ว้ากตะโกนเร่ง ไอ้เต้ยออกแรงลากแขนฉัน ฉันพยายามขืนตัว
"เต้ย เต้ย” ฉันพร่ำเรียกชื่อมัน แต่มันก็ลากฉันไม่หยุด มารู้ตัวอีกทีก็ยืนอยู่หน้าแถวเรียบร้อย
"ตาถึงนะครับ ชื่ออะไรนะ เราน่ะ” พี่ว้ากถามชื่อเต้ยอีกครั้ง
"ภพธรครับ"
"ว้าว ชื่อเพราะเสียด้วย"
"สาวสวยตาโตคนนี้ชื่ออะไรครับ แนะนำตัวเสียงดัง ๆ เอาให้เพื่อนทุกคนได้ยินทั้งหมดนะ” พี่ว้ากหันมาถามฉัน
"มินรญา เกิดสมมาตร ชื่อเล่นมีน สถาปัตยกรรมค่ะ!” ฉันตะโกนจนสุดเสียง เพราะไม่อยากพลาด เผื่อพี่ว้ากพิเรนทร์สั่งให้ฉันถอดเสื้อแบบไอ้เต้ย ฉันจะทำไงล่ะ ในใจฉันยังนึกเดือดไม่หาย มึงนะมึง ฉันคาดโทษมันไว้ในใจ แล้วใช้หางตาตวัดมองมัน
"น้องครับ! คนที่ยืนคนสุดท้ายได้ยินไหมครับ!” พี่ว้ากตะโกนถามเพื่อนที่ยืนคนสุดท้ายของแถว ซวยแล้วกู ถ้ามันบอกไม่ได้ยิน จะทำไงวะ เพื่อน ๆ ในแถวเริ่มหันหน้าหากัน ต่างฝ่ายต่างสงสัยไม่รู้ว่ารุ่นพี่ถามใคร
"คุณนั่นแหละครับ คุณเบาหวาน!” พี่ว้ากชี้ไปที่เพื่อนคนที่อ้วนที่สุด พร้อมตั้งชื่อให้ใหม่ เบาหวานทำหน้าแบบเหลือเชื่อ ฉันภาวนาในใจขอให้เบาหวานตอบได้ด้วยเทอญ
"มีน พีชญาครับ!" อ้าว! ซวยสิกู มีน มินรญาโว้ย ไม่ใช่พีชญา นั่นมันดาราช่องหลากสี
"ทำไงครับน้อง เพื่อนพลาด” พี่ว้ากอีกคนที่ยืนดูอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามฉัน
"แดดร้อนนะครับ เพื่อน ๆ จะเป็นอูฐกันหมดแล้ว เรามารีบ ๆ ทำกิจกรรมของวันนี้ให้เสร็จกันดีกว่า" พี่ว้ากคนเดิมพูดต่อ นอกจากนิสัยดีแล้วพี่ยังหล่อมาก หล่อมากจริง ๆ คะ ไว้มีนจะไปขอบคุณนะคะ พี่ว้ากคนที่ดูมีอำนาจมากที่สุดสั่งให้เต้ยใส่เสื้อ แล้วให้พวกเราย้ายไปใต้อาคาร
"มีน!” ไอ้เต้ยเรียกฉันเมื่อเดินตามกันไปใต้อาคาร หึ ฉันไม่สน
"มีน!” มันยังเดินเรียกฉันอยู่แบบนี้ จนฉันรำคาญ เมื่อฉันไม่หยุดมันก็เริ่มฉุดรั้ง
"อะไรวะ!” จังหวะนั้นที่ฉันหันมาถามมัน สายตาของฉันปะทะเข้ากับ ‘นม’ เน้นย้ำว่านมจริง ๆ นมชมพูอยู่ในระดับสายตาฉันพอดี เพราะมันเป็นคนสูง เมื่อยืนเทียบกันฉันก็อยู่แค่บ่าของมัน
"มีไร!” ฉันหันไปถาม สายตายังต้องมองหน้าอกของมันนิ่ง เฮ้ยรีบ ๆ ติดกระดุมให้มันเสร็จ ๆ เสียที่สิวะ เสียสายตาโว้ย
"โกรธเหรอ"
"สมควรเปล่าล่ะ"
"ไม่มีใครจริง ๆ เห็นมีนเป็นเพื่อน เลยดึงมา ขอโทษนะ” เต้ยพูดเสียงอ่อน มือก็ติดกระดุมไปเรื่อย มันก็จริงนะ พวกเราเป็นน้องใหม่ ยังไม่มีเพื่อนที่ไหน ไม่รู้จักใคร ถ้าเป็นฉันก็คงมาดึงมันเหมือนกัน เอาวะ ก็ได้ เพื่อเห็นแก่นมชมพูของมันมีนจะยกโทษให้สักครั้ง
"เออ!” ฉันตอบสั้น ๆ ไอ้เต้ยยิ้มหน้าบาน
"นี่ไม่รู้ว่าจะให้ทำอะไรพิเรนทร์ ๆ อีกหรือเปล่า กลัวว่ะ” ฉันพูดกับมันแล้วถอนใจ จริง ๆ ฉันไม่ได้กลัวหรอก ที่บอกว่ากลัวคือ กลัวอายมากกว่า
และก็เป็นไปตามที่ฉันคิด ฉันถูกรุ่นพี่ผู้หญิงรุมชุดใหญ่ จับฉันแต่งหน้าทำผม เเบบสวยสุด ๆ สวยจนวัวตายควายล้ม สวยจนหมาเห่าหมาหอน
ไอ้เต้ยก็เช่นกัน มันโดนรุ่นพี่สาวประเภทสองรุมโทรม ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนั่นแหละ หน้าตามันยับขนาดนั้น โห ตาคนหรือหมีแพนด้าวะนั่น หัวหูฟูกระเจิง
ฉันแอบขำไอ้เต้ยจนท้องแข็ง เพื่อน ๆ ในรุ่นก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น โชคยังดีมีเพื่อน ๆ ที่ทำผิดโดนทำโทษให้ออกมายืนรวมกันอีกหลายคน
พี่ว้ากสั่งให้ฉันกับเพื่อน ๆ ทำตามคำสั่งทุกอย่าง เต้นทุกเพลง ทำทุกท่า จนกว่าพวกเขาจะพอใจ แล้วที่พิเศษสุด ๆ ฉันกับไอ้เต้ย ได้เป็นตัวแทนรุ่น นำของเซ่นไหว้ไปถวายเจ้าแม่มะขาม ในคืนที่เราจะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญรับน้องใหม่อีกสองอาทิตย์ข้างหน้า
End Talk.
"มิม! มิม! ฮือ ฮือ ฮือ มิมจ๋า!" เสียงมดยิ้มที่ร้องเรียกมาจากชั้นบน ทำให้มินรญาสะดุ้งตื่นจากความคิด
ร่างบางรีบวิ่งขึ้นบันได ตรงดิ่งไปหาลูกน้อยในห้อง มดยิ้มนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง ตื่นมาแล้วไม่เจอใคร คงตกใจ มินรญาปลอบลูกแล้วอุ้มพาเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ เช้านี้มดยิ้มหลับสองรอบเลยยังไม่ได้อาบน้ำตอนเช้า
ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนขาเดฟเข้ารูป ยืนสลัดน้ำฝนออกจากผมอย่างทุลักทุเล เสื้อเชิ้ตสีขาวที่บางอยู่แล้วพอเปียกน้ำฝนยิ่งทำให้บางแนบเนื้อจนมองเห็นทะลุไปถึงไหนต่อไหน ดีนะที่มินรญาใส่เสื้อกล้ามข้างในมาอีกชั้น
เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านฝนทำท่าเหมือนจะตก และก็ตกจริง ๆ เมื่อขับรถมาได้สักพัก มินรญามานึกขึ้นได้ว่าลืมร่มกันฝนไว้ที่บ้านก็ตอนหาไม่เจอนี่เอง เเม่คงเอาลงไปใช้ตอนที่พามดยิ้มไปซื้อขนมที่หน้าปากซอย
มินรญากลอกตาให้กับความสะเพร่าของตัวเองจนทำให้ต้องมาเปียกปอนแบบนี้ รองเท้าผ้าใบคู่เก่งนี่ก็เหมือนกันพอได้น้ำฝนแล้วหนักอึ้ง ให้มันได้อย่างนี้สิ คิดอย่างเซ็ง ๆ เมื่อถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกออก ต้องผึ่งให้แห้งก่อนไม่งั้นคงเข้าออฟฟิศไม่ได้แน่ เพราะน้ำคงหยดไปเป็นทาง ดีที่กางเกงเปียกไม่เยอะ ร่างบางขนลุกซู่เมื่อเดินเข้ามาในออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำในสภาพที่เปียกแบบนี้
คงเซ็กซี่มากสินะเธอบอกกับตัวเอง เมื่อลุงยามกับป้าแม่บ้านมองเธออย่างตกตะลึง มินรญาได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ กลับไป แล้วส่งเสื้อให้ป้าแม่บ้านเมื่อนางอาสาจะเอาไปซักรีดให้
สายตาเพื่อนร่วมงานหลายคู่มองเธอแบบเหลือเชื่อ จะไม่ให้มองได้อย่างไรก็เสื้อกล้ามตัวเล็กที่ใส่มันรัดหน้าอกคัปดีของเธอออกมาจนล้นขนาดนี้ ก็แล้วอย่างไรล่ะลูกเธอยังกินนมอยู่นี่ มันก็ต้องอวบอึ๋มเป็นธรรมดามินรญาคิดแบบไม่ใส่ใจ
"มองอะไรกันไม่เคยเห็นหรือไง” มินรญาเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานที่ยืนมองเธออยู่ แล้วสะกิดต่อ ๆ กันให้หันมาดูเธอ
"เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลยมีน” วัลลภเอ่ยทักทายมาจากโต๊ะกาแฟ เมื่อเธอเดินมาถึงโต๊ะทำงาน
"อืม…ลืมร่ม ลภเอาเสื้อมาให้ใส่หน่อยหนาว” มินรญาเอ่ยยืม สายตาจ้องที่เสื้อคลุมโลโก้บริษัทตัวเก่งของเพื่อนสนิท
"เสื้อนำโชคโว้ย! ประชุมเช้าต้องใส่เข้าประชุม ลูกค้าวีไอพี พี่ธีเลยให้แต่งตัวให้ดูน่าเชื่อถือหน่อย" วัลลภบอกแล้วทำหน้าเห็นใจเพื่อน
"อะไร แล้วมีนต้องเข้าด้วยไหมเนี่ย ไม่พร้อมเลย เสื้อเปียก กางเกงก็เปียก รองเท้าด้วย มีนไม่เห็นรู้เลยว่ามีประชุม"
"ไลน์กลุ่มน่ะอ่านบ้างนะ พี่ธีลงตอนสี่ทุ่ม แจ้งว่ามีงานด่วน" มินรญาหน้าเหลอ ค้นหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า
เธอไม่ชอบโลกโซเชียลสักเท่าไร ส่วนมากก่อนนอนจะเช็กอีเมล เช็กตารางงาน แล้วนอนเลย ไลน์กลุ่มเป็นอะไรที่เธอไม่ค่อยใส่ใจเพราะมินรญาคิดว่าคุยไม่รู้เรื่อง คนหนึ่งคุยเรื่องนี้ อีกคนคุยเรื่องนั้น สรุปคุยกันไปคนละทาง
ถ้าใครมีงานอะไรด่วนเธอมักจะขอให้ติดต่อกับเธอโดยตรง ไม่โทรหาก็เป็นช่องทางส่วนตัวทางเฟซฯ ทางไลน์จะสะดวกกว่า
"ไม่ต้องก็ได้มั้ง เดี๋ยวถามพี่ธีให้ไปก่อนนะ เตรียมตัวหน่อย” วัลลภเดินกลับห้องหลังจากได้กาแฟที่ตัวเองต้องการ
ลูกค้าวีไอพีของเจ้านายเป็นคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน มินรญาฟังข้อมูลคร่าว ๆ ของลูกค้าจากเพื่อนร่วมงาน ผู้หญิงเป็นญาติฝ่ายน้องของธีรเทพเจ้านายของเธอจึงมาใช้บริการ เพราะอยากได้ช่างไปตบแต่งบ้านที่ต่างจังหวัด ที่ฝ่ายหญิงต้องการเอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ