มินรญาไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยเพราะเธอเป็นทีมออกแบบส่วนมากจะเป็นงานในออฟฟิศ แต่ก็จำเป็นต้องรู้ข้อมูลของลูกค้า ต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการงานแบบไหนเพราะเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน
มินรญานั่งดูงานในคอมพิวเตอร์ วันนี้ไม่มีอะไรมากเพราะงานส่วนใหญ่ได้ส่งไปหมดแล้วรอแค่เจ้าของโครงการอนุมัติ ร่างบางนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงกลุ่มคนคุยกันและเดินตามกันออกมาจากห้องของธีรเทพ โดยมีวัลลภตามออกมารั้งท้าย ทั้งหมดมาหยุดคุยใกล้ ๆ โต๊ะทำงานเธอ
"เอาเป็นว่าพี่จะส่งคนไปดูหน้างานก่อนก็แล้วกันนะ” ธีรเทพพูดกับลูกค้า มินรญานั่งฟังแบบไม่ใส่ใจนัก
"ได้ไงคะพี่ธี นั่นบ้านน้องนะคะ น้องอยากให้พี่ธีทำให้ค่ะ” สาวสวยที่ยืนหันหลังให้เธอบอกด้วยท่าทางไม่พอใจ
"น้องต้องเข้าใจนะว่าบ้านเราน่ะมันไกล ทีมงานพี่มีแต่ แม่ลูกอ่อน กับพวกพ่อบ้านกลัวเมีย” ธีรเทพตอบแบบติดตลก
"ฝากพี่ธีดูให้หน่อยนะครับ ถ้าพี่ธีไม่ทำน้องคงงอแงไม่เลิก” เสียงนุ่มทุ้มแกมเอ็นดูของชายหนุ่มที่ยืนหันหลังคู่กับหญิงสาวเอ่ยขอร้องธีรเทพ
มินรญามองข้างหลังสองคนนั้นอย่างเพลิน ๆ
"ได้ ๆ พี่จะดูให้นะ แต่ไม่รับปาก” ธีรเทพตอบอย่างเกรงใจ
"ไม่ค่ะ พี่ธีต้องทำให้น้อง” หญิงสาวยังคงเอาแต่ใจ
"ไม่เอาน่าน้อง อย่าบังคับพี่ธีสิครับ” เสียงนุ่มเอ่ยปรามคนรัก
"เต้ยน่ะ!” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มแบบแสนงอนเมื่อโดนขัดใจ
เพล้ง! เสียงวัตถุตกกระทบพื้น แก้วกาแฟในมือมินรญาร่วงตกลงพื้นทันที ที่สิ้นเสียงแสนงอนของหญิงสาวคนนั้น
สายตาทุกคู่หันไปตามเสียง มินรญาเองก็ตกใจเพราะความร้อนของกาแฟที่หกราดบริเวณหน้าขา ร่างบางลุกขึ้นเต้นเป็นกุ้งในสภาพเสื้อกล้ามกับกางเกงยีนขาเดฟแบบนั้น
"เป็นไรมากไหมมีนระวังเศษแก้ว" มาลินถามอย่างห่วงใย
"ไม่ ๆ แค่นิดเดียว” มินรญาหันไปตอบมาลิน
"พักนี้เหม่อบ่อยนะเราน่ะ มีความรักใช่ไหม" มานพเอ่ยเเซว
มินรญาหันไปถลึงตาใส่เพื่อน หญิงสาวหันมาทางที่เจ้านายคุยกัน ด้วยท่าทางสำนึกผิด พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ
จังหวะนั้นตากลมโตก็สบเข้ากับดวงตาคู่คมดุที่แสนคุ้นเคย มินรญาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกเธอประหม่าจนดูลนลาน เจ้าของตาคมดุก็เช่นกัน เขาเองก็มีอาการตกตะลึง เมื่อสบกับดวงตาคู่สวย แต่ยังคงควบคุมตัวเองได้ดีเป็นปกติ
"ขอตัวนะครับ” วัลลภเอ่ยขอตัวกับแขกของธีรเทพ
"มีน ร้อนไหมน่ะ เลอะเทอะหมดเลย ลินเรียกแม่บ้านหน่อย" วัลลภเดินเลี่ยงอ้อมโต๊ะไปหาหญิงสาว เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก แล้วคลุมลงที่ไหลบอบบางเพื่อกันสายตาของคนนอกที่มองมา วัลลภออกอาการงงเมื่อเห็นมินรญายังยืนค้างอยู่แบบนั้น
"มีน มีน” ฝ่ามือหนาตบลงที่แก้มสวยเบา ๆ เพื่อเรียกสติด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและห่วงใย สายตาคมดุยังมองดูตลอดเวลา มือแกร่งเผลอกำเข้าหากันแน่น
"อะไรนะลภ” มินรญาขานรับเมื่อได้สติ
"ลภพามีนไปห้องน้ำเถอะ เลอะหมดแล้ว” ธีรเทพหันไปบอก เมื่อเห็นมินรญาดูลนลานจนผิดปกติ
"ขอโทษนะครับเต้ย ยายน้อง พนักงานพี่คงเป็นลม” ธีรเทพเอ่ยแก้ตัว เมื่อวัลลภกับมาลินช่วยกันประคองมินรญาเดินไปทางห้องน้ำ
สายตาคู่คมยังมองตามร่างบางที่โดนหิ้วปีกไปจนลับตา ด้วยอารมณ์ที่ยากจะคาดเดา ทั้งตกใจ แปลกใจ แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่เห็นเธอที่นี่
หลายปีแล้วที่เขาติดต่อเธอไม่ได้ ผู้หญิงโกหกหลอกลวงปล่อยให้เขาอยู่ในต่างแดนอย่างโดดเดี่ยว ภพธรกำมือแน่นกรามกัดกันจนเป็นสันนูน
Mean Talk.
หลังจากวันบายศรีสู่ขวัญรับน้องใหม่ทั้งรุ่นเข้าสู่มหาวิทยาลัย
ฉันกับเต้ยต่างก็แยกย้ายไปตามคณะของตัวเอง มีบ้างบางวิชาที่มีเรียนตรงกันจึงได้เจอกันอยู่บ้าง หอพักของเต้ยเดินถัดไปจากหอฉันสองช่วงตึก จริง ๆ ก็หอเดียวกันนั่นแหละ แต่อยู่คนละตึก ฉันจึงหนีมันไม่พ้น แรก ๆ เราก็เงอะงะไปเรียนพร้อมกันเดินกลับหอพร้อมกัน เต้ยแวะมาหาฉันที่หอบ้างในช่วงแรก ๆ แต่ตอนนี้มันดังจนติดลมบนไปแล้ว ฉันจึงไม่ค่อยได้เจอมันเท่าไร แล้วคนอย่างฉันก็คงถูกลืมไปตามเวลา
"มีน!” เสียงเรียกที่ดังจากข้างหลัง ฉันตกใจหันไปมองร่างสูงที่ยืนพิงกำแพงข้างตึก เต้ยในชุดนิสิตแต่ชายเสื้อหลุดออกนอกกางเกง แขนเสื้อถูกพับไปจนถึงข้อศอก
"เต้ย มีอะไร” ฉันถามทันที มาแปลกวันนี้มันมารอฉันหน้าหอ
"กลับเย็นจัง"
"อืม…พอดีหาหนังสือทำรายงานน่ะ” ฉันบอกเรื่อย ๆ
"ข้อมูลในเน็ตก็มี อยากรู้อะไรถามอากู๋เอาก็ได้” ไอ้เต้ยมันเสนอแนะแนวทาง ฉันรู้แต่ว่าบางอย่างมันก็ยังต้องหาในหนังสือบ้าง
"กินข้าวกัน” เต้ยชวนฉัน วันนี้มันมาแปลกจริง ๆ
"อืม” ฉันไม่พูดมากเดินตามมันไปที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอ ปกติฉันจะฝากท้องที่โรงอาหารมาเลย เพราะอร่อยและราคาถูก
"มีนไม่มีเพื่อนเดินเหรอกลับมืด ๆ แบบนี้”
ไอ้เต้ยละสายตาจากมือถือในมือแล้วนั่งมองหน้าฉัน
"เพื่อนน่ะมี แต่วันนี้วันศุกร์เขากลับบ้านกันหมด” ฉันตอบมันไปเรื่อย ๆ ปากก็ดูดน้ำในแก้วไประหว่างรออาหาร
"ไม่กลับบ้านเหรอ” เต้ยถามต่อ
"รอกลับปิดเทอมทีเดียว ประหยัดค่ารถเมล์"
"กลับพร้อมกันก็ได้ อยากกลับวันไหนก็บอกจะขับรถให้"
"ป๋ามากเลยค่ะ ทำยังกับแกมีเวลา แล้วมารอเนี่ยมีอะไร” ฉันถามตรง ๆ ไม่อยากให้มันอ้อมไปอ้อมมา
"มีน” ไอ้เต้ยมันเรียกฉันแบบนี้ จากประสบการณ์ เป็นเพื่อนกันมาฉันรู้ว่ามันกำลังอ้อน
"มีน…เต้ยกำลังคบกับเพื่อนในห้องน่ะ คนนี้เต้ยคิดจริงจังด้วย เต้ยชอบเขาจริง ๆ” ไอ้เต้ยมองฉันด้วยสายตาวิงวอนแกมขอร้อง
"เต้ยตรง ๆ นะ อย่าแรดอยู่กับฉันมีน แกไม่ต้องแรดก็ได้บอกตรง ๆ มันเลี่ยน” ฉันหันนิ้วมาชี้ที่หน้าตัวเอง เพื่อยืนยันตัวตน ฉันเกลียดมัน เกลียดคำพูดมัน มึงจะสุภาพบุรุษที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่หน้ามีน
"เออ ตรง ๆ ก็ได้คือเรากำลังคบคนใหม่ แกอย่าบอกเดียร์นะถ้าเดียร์ถามน่ะ” นั่นไง ผลประโยชน์ผู้ชายอย่างมันไม่เคยดีกับฉันหรอก มันดีกับคนทั้งโลกได้แต่ยกเว้นฉัน
"เอาแบบนี้นะ” ฉันเว้นวรรคไปเพราะหาคำพูดไม่เจอ
"ชีวิตแก แกก็ดูแลไป แกจะคบใครก็แล้วแต่ อย่ามายุ่งกับฉัน” ฉันบอกมันตรง ๆ นึกน้อยใจเหมือนกัน นี่มันคงเห็นฉันเป็นคนปากมากสินะ
"ไม่ใช่ไม่ไว้ใจมีน อย่าเข้าใจผิดสิ เต้ยแค่ยังไม่อยากให้เดียร์รู้ ยังไม่อยากให้เดียร์เสียใจ"
มันพยายามอธิบาย ถ้าไม่อยากให้เดียร์เสียใจแล้วทำทำไม เดียร์เป็นแฟนมัน และเดียร์เป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มฉัน แต่เดียร์สอบติดอีกที่จึงต้องแยกกัน ตอนนี้ฉันก็ยังคุยกับเดียร์อยู่ แต่หลัง ๆ มาแทบไม่ได้คุยเรื่องเต้ยเลยเพราะฉันไม่เจอมันและเดียร์ก็ไม่ถาม
กับข้าวมาพอดี ฉันกับเต้ยต้องหยุดพักเรื่องที่คุยกันเอาไว้ก่อน จริง ๆ ฉันอยากลุกหนี อยากกลับเข้าหอ แต่เพื่อเห็นแก่ของฟรีตรงหน้า ฉันเลยต้องฝืน ทน ๆ เอาหน่อยนะมีนฉันบอกตัวเอง เมื่อไอ้เต้ยตักต้มยำในชามใส่จานข้าวให้ฉัน ฉันอึ้งไปสองวินาทีหนวดปลาหมึก จะกินข้าวกับมันกี่ครั้งมันก็ตักหนวดปลาหมึกให้ฉันก่อนเสมอ
"มีนชอบ กินเยอะ ๆ ดูผอมไปนะเรียนหนักหรือเปล่า” หลอกลวงอย่ามาทำเป็นห่วงใย ฉันรู้ว่ามันปลอมคนอย่างมีน แค่หนวดปลาหมึกทำมีนหวั่นไหวไม่ได้หรอก
มื้อนี้ฉันก็อิ่มจังตังอยู่ครบ เพราะป๋าเต้ยเป็นคนจ่าย โดยที่ฉันไม่ต้องช่วยแชร์ค่ากับข้าว เต้ยรวยบ้านมันขายทอง และเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดด้วย ค่าอาหารแค่นี้เต้ยไม่สนใจอยู่แล้ว
มันเดินมาส่งฉันที่หอแล้วสั่งกำชับเรื่องที่คุยกันค้างไว้ ฉันไม่ลืมหรอกและฉันก็ไม่คิดจะยุ่งกับเรื่องของเต้ยด้วย เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นแค่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมา ก็แค่นั้นเอง
End Talk.