การพบเจอที่ผิดจังหวะ

1553 คำ
มินรญาไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยเพราะเธอเป็นทีมออกแบบส่วนมากจะเป็นงานในออฟฟิศ แต่ก็จำเป็นต้องรู้ข้อมูลของลูกค้า ต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการงานแบบไหนเพราะเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน มินรญานั่งดูงานในคอมพิวเตอร์  วันนี้ไม่มีอะไรมากเพราะงานส่วนใหญ่ได้ส่งไปหมดแล้วรอแค่เจ้าของโครงการอนุมัติ ร่างบางนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงกลุ่มคนคุยกันและเดินตามกันออกมาจากห้องของธีรเทพ โดยมีวัลลภตามออกมารั้งท้าย ทั้งหมดมาหยุดคุยใกล้ ๆ โต๊ะทำงานเธอ             "เอาเป็นว่าพี่จะส่งคนไปดูหน้างานก่อนก็แล้วกันนะ” ธีรเทพพูดกับลูกค้า มินรญานั่งฟังแบบไม่ใส่ใจนัก             "ได้ไงคะพี่ธี นั่นบ้านน้องนะคะ น้องอยากให้พี่ธีทำให้ค่ะ” สาวสวยที่ยืนหันหลังให้เธอบอกด้วยท่าทางไม่พอใจ             "น้องต้องเข้าใจนะว่าบ้านเราน่ะมันไกล ทีมงานพี่มีแต่ แม่ลูกอ่อน กับพวกพ่อบ้านกลัวเมีย” ธีรเทพตอบแบบติดตลก             "ฝากพี่ธีดูให้หน่อยนะครับ ถ้าพี่ธีไม่ทำน้องคงงอแงไม่เลิก” เสียงนุ่มทุ้มแกมเอ็นดูของชายหนุ่มที่ยืนหันหลังคู่กับหญิงสาวเอ่ยขอร้องธีรเทพ  มินรญามองข้างหลังสองคนนั้นอย่างเพลิน ๆ             "ได้ ๆ พี่จะดูให้นะ แต่ไม่รับปาก” ธีรเทพตอบอย่างเกรงใจ             "ไม่ค่ะ พี่ธีต้องทำให้น้อง” หญิงสาวยังคงเอาแต่ใจ             "ไม่เอาน่าน้อง อย่าบังคับพี่ธีสิครับ” เสียงนุ่มเอ่ยปรามคนรัก             "เต้ยน่ะ!” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มแบบแสนงอนเมื่อโดนขัดใจ             เพล้ง! เสียงวัตถุตกกระทบพื้น แก้วกาแฟในมือมินรญาร่วงตกลงพื้นทันที ที่สิ้นเสียงแสนงอนของหญิงสาวคนนั้น สายตาทุกคู่หันไปตามเสียง มินรญาเองก็ตกใจเพราะความร้อนของกาแฟที่หกราดบริเวณหน้าขา ร่างบางลุกขึ้นเต้นเป็นกุ้งในสภาพเสื้อกล้ามกับกางเกงยีนขาเดฟแบบนั้น              "เป็นไรมากไหมมีนระวังเศษแก้ว" มาลินถามอย่างห่วงใย             "ไม่ ๆ แค่นิดเดียว” มินรญาหันไปตอบมาลิน             "พักนี้เหม่อบ่อยนะเราน่ะ มีความรักใช่ไหม" มานพเอ่ยเเซว มินรญาหันไปถลึงตาใส่เพื่อน หญิงสาวหันมาทางที่เจ้านายคุยกัน ด้วยท่าทางสำนึกผิด พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ จังหวะนั้นตากลมโตก็สบเข้ากับดวงตาคู่คมดุที่แสนคุ้นเคย มินรญาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกเธอประหม่าจนดูลนลาน เจ้าของตาคมดุก็เช่นกัน เขาเองก็มีอาการตกตะลึง เมื่อสบกับดวงตาคู่สวย แต่ยังคงควบคุมตัวเองได้ดีเป็นปกติ             "ขอตัวนะครับ” วัลลภเอ่ยขอตัวกับแขกของธีรเทพ             "มีน ร้อนไหมน่ะ เลอะเทอะหมดเลย ลินเรียกแม่บ้านหน่อย" วัลลภเดินเลี่ยงอ้อมโต๊ะไปหาหญิงสาว เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก แล้วคลุมลงที่ไหลบอบบางเพื่อกันสายตาของคนนอกที่มองมา วัลลภออกอาการงงเมื่อเห็นมินรญายังยืนค้างอยู่แบบนั้น             "มีน มีน” ฝ่ามือหนาตบลงที่แก้มสวยเบา ๆ เพื่อเรียกสติด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและห่วงใย สายตาคมดุยังมองดูตลอดเวลา มือแกร่งเผลอกำเข้าหากันแน่น             "อะไรนะลภ” มินรญาขานรับเมื่อได้สติ             "ลภพามีนไปห้องน้ำเถอะ เลอะหมดแล้ว” ธีรเทพหันไปบอก เมื่อเห็นมินรญาดูลนลานจนผิดปกติ             "ขอโทษนะครับเต้ย ยายน้อง พนักงานพี่คงเป็นลม” ธีรเทพเอ่ยแก้ตัว เมื่อวัลลภกับมาลินช่วยกันประคองมินรญาเดินไปทางห้องน้ำ             สายตาคู่คมยังมองตามร่างบางที่โดนหิ้วปีกไปจนลับตา ด้วยอารมณ์ที่ยากจะคาดเดา ทั้งตกใจ แปลกใจ แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่เห็นเธอที่นี่ หลายปีแล้วที่เขาติดต่อเธอไม่ได้ ผู้หญิงโกหกหลอกลวงปล่อยให้เขาอยู่ในต่างแดนอย่างโดดเดี่ยว ภพธรกำมือแน่นกรามกัดกันจนเป็นสันนูน Mean Talk.             หลังจากวันบายศรีสู่ขวัญรับน้องใหม่ทั้งรุ่นเข้าสู่มหาวิทยาลัย ฉันกับเต้ยต่างก็แยกย้ายไปตามคณะของตัวเอง มีบ้างบางวิชาที่มีเรียนตรงกันจึงได้เจอกันอยู่บ้าง หอพักของเต้ยเดินถัดไปจากหอฉันสองช่วงตึก จริง ๆ ก็หอเดียวกันนั่นแหละ แต่อยู่คนละตึก ฉันจึงหนีมันไม่พ้น แรก ๆ เราก็เงอะงะไปเรียนพร้อมกันเดินกลับหอพร้อมกัน เต้ยแวะมาหาฉันที่หอบ้างในช่วงแรก ๆ แต่ตอนนี้มันดังจนติดลมบนไปแล้ว ฉันจึงไม่ค่อยได้เจอมันเท่าไร แล้วคนอย่างฉันก็คงถูกลืมไปตามเวลา            "มีน!” เสียงเรียกที่ดังจากข้างหลัง ฉันตกใจหันไปมองร่างสูงที่ยืนพิงกำแพงข้างตึก เต้ยในชุดนิสิตแต่ชายเสื้อหลุดออกนอกกางเกง แขนเสื้อถูกพับไปจนถึงข้อศอก           "เต้ย มีอะไร” ฉันถามทันที มาแปลกวันนี้มันมารอฉันหน้าหอ           "กลับเย็นจัง"           "อืม…พอดีหาหนังสือทำรายงานน่ะ” ฉันบอกเรื่อย ๆ           "ข้อมูลในเน็ตก็มี อยากรู้อะไรถามอากู๋เอาก็ได้” ไอ้เต้ยมันเสนอแนะแนวทาง ฉันรู้แต่ว่าบางอย่างมันก็ยังต้องหาในหนังสือบ้าง           "กินข้าวกัน” เต้ยชวนฉัน วันนี้มันมาแปลกจริง ๆ           "อืม” ฉันไม่พูดมากเดินตามมันไปที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอ ปกติฉันจะฝากท้องที่โรงอาหารมาเลย เพราะอร่อยและราคาถูก           "มีนไม่มีเพื่อนเดินเหรอกลับมืด ๆ แบบนี้” ไอ้เต้ยละสายตาจากมือถือในมือแล้วนั่งมองหน้าฉัน           "เพื่อนน่ะมี แต่วันนี้วันศุกร์เขากลับบ้านกันหมด” ฉันตอบมันไปเรื่อย ๆ ปากก็ดูดน้ำในแก้วไประหว่างรออาหาร           "ไม่กลับบ้านเหรอ” เต้ยถามต่อ           "รอกลับปิดเทอมทีเดียว ประหยัดค่ารถเมล์"           "กลับพร้อมกันก็ได้ อยากกลับวันไหนก็บอกจะขับรถให้"           "ป๋ามากเลยค่ะ ทำยังกับแกมีเวลา แล้วมารอเนี่ยมีอะไร” ฉันถามตรง ๆ ไม่อยากให้มันอ้อมไปอ้อมมา           "มีน” ไอ้เต้ยมันเรียกฉันแบบนี้ จากประสบการณ์ เป็นเพื่อนกันมาฉันรู้ว่ามันกำลังอ้อน            "มีน…เต้ยกำลังคบกับเพื่อนในห้องน่ะ คนนี้เต้ยคิดจริงจังด้วย เต้ยชอบเขาจริง ๆ” ไอ้เต้ยมองฉันด้วยสายตาวิงวอนแกมขอร้อง           "เต้ยตรง ๆ นะ อย่าแรดอยู่กับฉันมีน แกไม่ต้องแรดก็ได้บอกตรง ๆ มันเลี่ยน” ฉันหันนิ้วมาชี้ที่หน้าตัวเอง เพื่อยืนยันตัวตน ฉันเกลียดมัน เกลียดคำพูดมัน มึงจะสุภาพบุรุษที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่หน้ามีน           "เออ ตรง ๆ ก็ได้คือเรากำลังคบคนใหม่ แกอย่าบอกเดียร์นะถ้าเดียร์ถามน่ะ” นั่นไง ผลประโยชน์ผู้ชายอย่างมันไม่เคยดีกับฉันหรอก มันดีกับคนทั้งโลกได้แต่ยกเว้นฉัน           "เอาแบบนี้นะ” ฉันเว้นวรรคไปเพราะหาคำพูดไม่เจอ           "ชีวิตแก แกก็ดูแลไป แกจะคบใครก็แล้วแต่ อย่ามายุ่งกับฉัน” ฉันบอกมันตรง ๆ นึกน้อยใจเหมือนกัน นี่มันคงเห็นฉันเป็นคนปากมากสินะ           "ไม่ใช่ไม่ไว้ใจมีน อย่าเข้าใจผิดสิ เต้ยแค่ยังไม่อยากให้เดียร์รู้ ยังไม่อยากให้เดียร์เสียใจ" มันพยายามอธิบาย ถ้าไม่อยากให้เดียร์เสียใจแล้วทำทำไม เดียร์เป็นแฟนมัน และเดียร์เป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มฉัน แต่เดียร์สอบติดอีกที่จึงต้องแยกกัน ตอนนี้ฉันก็ยังคุยกับเดียร์อยู่ แต่หลัง ๆ มาแทบไม่ได้คุยเรื่องเต้ยเลยเพราะฉันไม่เจอมันและเดียร์ก็ไม่ถาม           กับข้าวมาพอดี ฉันกับเต้ยต้องหยุดพักเรื่องที่คุยกันเอาไว้ก่อน จริง ๆ ฉันอยากลุกหนี อยากกลับเข้าหอ แต่เพื่อเห็นแก่ของฟรีตรงหน้า ฉันเลยต้องฝืน ทน ๆ เอาหน่อยนะมีนฉันบอกตัวเอง เมื่อไอ้เต้ยตักต้มยำในชามใส่จานข้าวให้ฉัน ฉันอึ้งไปสองวินาทีหนวดปลาหมึก จะกินข้าวกับมันกี่ครั้งมันก็ตักหนวดปลาหมึกให้ฉันก่อนเสมอ           "มีนชอบ กินเยอะ ๆ ดูผอมไปนะเรียนหนักหรือเปล่า” หลอกลวงอย่ามาทำเป็นห่วงใย ฉันรู้ว่ามันปลอมคนอย่างมีน แค่หนวดปลาหมึกทำมีนหวั่นไหวไม่ได้หรอก           มื้อนี้ฉันก็อิ่มจังตังอยู่ครบ เพราะป๋าเต้ยเป็นคนจ่าย โดยที่ฉันไม่ต้องช่วยแชร์ค่ากับข้าว เต้ยรวยบ้านมันขายทอง และเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดด้วย ค่าอาหารแค่นี้เต้ยไม่สนใจอยู่แล้ว  มันเดินมาส่งฉันที่หอแล้วสั่งกำชับเรื่องที่คุยกันค้างไว้ ฉันไม่ลืมหรอกและฉันก็ไม่คิดจะยุ่งกับเรื่องของเต้ยด้วย เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นแค่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมา ก็แค่นั้นเอง  End Talk.  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม