ห้องอาหาร Asen+
ในขณะที่นิพนธ์จ้องมองปวริทไม่วางตา ทว่าเจ้าตัวกลับเอาแต่ป้อนอาหารให้ภรรยาอย่างไม่สนใจสายตาของใคร
“ที่รัก... เกี๊ยวกุ้งอร่อยนะครับ มา…ผมป้อน อ้าม...” ปวริทคีบเกี๊ยวกุ้งจิ้มน้ำจิ้มบ๊วยแล้วยื่นให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย พลางใช้มือรองไว้ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจิ้มหกใส่เสื้อผ้าของเธอ ราวกับบอกว่าเขาจะเป็นคนรองรับทุกความสกปรกเอง
สายตารักใคร่เหมือนโลกทั้งใบมีกันเพียงสองคน ทำให้เมธาวีถึงกับขนลุกชัน ขนาดมีภูมิต้านทานอยู่ก่อนแล้ว แต่รอยยิ้มน้ำผึ้งเดือนห้าของเขา กลับทำลายกำแพงของเธอเสียย่อยยับ การแสดงของเขามันช่างไร้ที่ติจริง ๆ ถึงขั้นทำให้นิพนธ์กับญาติ ๆ อ้าปากค้างได้ขนาดนั้น
“ค่ะที่รัก” เสียงหวานตอบกลับพลางรับเกี๊ยวกุ้งเข้าปากอย่างยินดี เธอเคี้ยวอย่างช้า ๆ ลิ้มรสชาติชุ่มฉ่ำของเนื้อกุ้งและรสหวานของน้ำจิ้มบ๊วยที่แตกซ่านอยู่ในปาก มันหวานเหมือนกับสายตาของปวริทที่มองมาไม่มีผิด
“เป็นยังไงบ้างคะ อร่อยไหมคะ” ปวริทถามเสียงหวาน
ริมฝีปากอวบอิ่มของเมธาวีผลิยิ้มกว้าง เอ็นดูในการแสดงของปวริทสุด ๆ จ้างร้อยเล่นล้านจริง ๆ และเนื่องจากกำลังเคี้ยวอยู่จึงพยักหน้าแทนคำตอบ
ปวริทเห็นเศษน้ำจิ้มที่มุมปากของหญิงสาว จึงใช้กระดาษเช็ดมันเบา ๆ ก่อนส่งยิ้มกลับอย่างเอ็นดู
การแสดงความรักของทั้งสองทำเอาคนทั้งโต๊ะถึงกับวางตัวไม่ถูก แม้แต่นิพนธ์ที่ได้เห็นลูกสาวกำลังถูกดูแล ก็ตัวแข็งทื่อ
มาวินรู้สึกได้ถึงบรรยากาศกระอักกระอ่วนของผู้เป็นพ่อและญาติ จึงกระแอมไอสองสามที
“อะแฮ่ม... เจ๊เบล ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
เมธาวีหันมามองน้องชายแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ก็เรื่อย ๆ นะ ช่วงนี้กำลังเจรจากับลูกค้ารายใหม่อยู่ กำลังไปได้สวยเลย” เธอกับมาวินเคยถูกวางตัวให้เป็นคู่แข่งกันมาก่อน แต่หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย เธอก็ออกจากเส้นทางทายาทของบริษัททันที ทำให้มาวินกลายเป็นทายาทอย่างเป็นทางการ พวกญาติที่อยู่ข้างมาวินจึงไม่ค่อยชอบหน้าเธอเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าเธอจะกลับมาแย่งตำแหน่งของพวกเขา
“จะไปลำบากทำงานอยู่ข้างนอกทำไม บอกแล้วให้กลับมาทำงานที่บริษัท ตำแหน่งมีตั้งเยอะแยะ จะเอาตำแหน่งไหนก็เลือกเอา” นิพนธ์ไม่ชอบใจที่ลูกสาวออกไปอยู่คนเดียว คิดว่าการมอบตำแหน่งสำคัญจะโน้มน้าวให้เมธาวีกลับมาช่วยงานของตระกูลได้
ซึ่งคำพูดนี้ทำให้บรรดาญาติที่มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้ไม่พอใจเท่าไหร่
เมธาวีเห็นสายทิ่มแทงของคนพวกนี้ก็กลอกตาอย่างเบื่อหน่าย
“เบลบอกป๊าแล้วนี่คะว่าไม่ถนัด อยู่ตรงนี้ก็สนุกดี”
“ไม่ถนัดก็ฝึกได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไร อยู่ที่อื่นมันไม่มั่นคง”
“อยู่ในที่ที่มีแต่คนจ้องจะเลื่อยขาเก้าอี้ ก็ไม่มั่นคงเหมือนกันนั่นแหละค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงแข็ง
พลันบรรยากาศก็ตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม ราวกับมีระเบิดเวลาถูกหย่อนเอาไว้ ทุกสายตาหันไปจับจ้องที่หญิงสาวผู้กล้ายอกย้อนทุกคำพูดของนิพนธ์ที่เป็นประมุขของตระกูล และมีอำนาจที่จะขับไล่ใครก็ตามออกไปจากที่นี่ได้เสมอ
ปวริทรู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง หลังจากต้องนั่งอยู่ท่ามกลางการตอบโต้ระหว่างภรรยากับว่าที่พ่อตา เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเมธาวีแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว จึงคิดได้ว่าตนเองก็ไม่ควรทำให้เธอโกรธ ไม่อย่างนั้นอาจได้เห็นนรกจริง ๆ
“เถียงคำไม่ตกฟาก ลื้ออย่ามั่นใจให้มากนัก ว่าอยู่ที่นั่นแล้วจะไปรอด” นิพนธ์ตอบกลับอย่างไม่พอใจ
เมธาวียักไหล่ ไม่สนใจ และคีบเป็ดปักกิ่งมาวางบนถ้วยของปวริทแทน เพราะเริ่มรู้สึกผิดที่พาเขามาเจอกับเรื่องไร้สาระเหล่านี้
“รอดไม่รอดก็ชีวิตของเบล เบลรับผิดชอบเองได้ ป๊าไม่ต้องเป็นห่วงมากหรอกค่ะ เป็นห่วงลูกรักป๊าเถอะ” หญิงสาวกระทบกระเทียบไปถึงน้องชายผู้เป็นลูกรักของคนในตระกูล
“เจ๊เบล!” มาวินร้องเสียงดังเมื่อถูกจี้ใจดำ
เกวลินคอยลูบปลอบสามีของตัวเองเอาไว้ เพราะกลัวจะทำให้บรรยากาศวินาศสันตะโรไปมากกว่านี้
“ลื้อนี่มันปากดีจริง ๆ ไปว่าน้องมันทำไม มันทำอะไรให้ลื้อ” นิพนธ์ถามน้ำเสียงขุ่นมัว
เมธาวีเห็นการปกป้องของนิพนธ์แล้วก็น้อยใจ ไม่เคยเลยสักครั้งที่นิพนธ์จะไม่ปกป้องมาวิน
“ไม่ได้ทำ” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ
ปวริทเห็นสีหน้าผิดหวังของคนข้างกายก็ห่วงใย กอบกุมมือเล็กของอีกฝ่ายเพื่อปลอบโยน
เมธาวีรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากคนข้างกาย ก็มีกำลังใจมากขึ้น หากเป็นปกติเธอคงไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ เมื่อถูกตำหนิก็ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับ แต่วันนี้มีปวริทอยู่ข้างกาย หัวใจก็ราวกับได้รับการเยียวยา
เธอโชคดีมากจริง ๆ
“จิ๊ ลื้อนี่มันหัวแข็งเหมือนแม่ไม่มีผิด หัวแข็งแบบนี้ สักวันผัวลื้อก็จะทิ้งลื้อไป” นิพนธ์ตำหนิพร้อมกับดูถูกลูกสาวต่อหน้าญาติ ๆ ทุกคนเหมือนเป็นเรื่องปกติ
แต่การตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าแบบนี้ ปวริทเพิ่งจะเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก เขารู้แล้วว่าทำไมเมธาวีถึงชิงชังครอบครัวของตัวเองนัก คงเพราะที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเธอ และเธอก็เข้มแข็งมากจริง ๆ ที่เติบโตมาอย่างดี ท่ามกลางความกดดันที่แม้แต่เขาเองก็คงจะรับไม่ไหว
ชายหนุ่มกระชับกุมมือหญิงสาวแน่นขึ้น ก่อนตัดสินใจพูดบางอย่างเพื่อปกป้องคนรักของตัวเอง
“ผมไม่ทิ้งคุณเบลหรอกครับ”