เมธาวีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวยังคงสะลึมสะลือเหม่อมองเพดานด้วยสายตาว่างเปล่า แต่ทันทีที่ขยับร่างกาย ความปวดร้าวก็แล่นไปทั่วร่าง เธอรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่พาดผ่านกลางลำตัว จึงก้มมอง เมื่อเห็นว่าเป็นแขนของผู้ชายก็เรียกสติได้เป็นอย่างดี
เธอไล่สายตามองไปยังใบหน้าของคนที่กอดก่ายไม่ยอมปล่อย เมื่อเห็นเขาหลับสบาย ทั้งที่เป็นคนทำให้ร่างกายของเธอระบมจนขยับไม่ได้แบบนี้ ก็มันเขี้ยวจนเผลอหยิกแก้มของเขาเบา ๆ
ทำฉันลุกไม่ขึ้น แต่หลับสบายเชียวนะ
“อึก…” ปวริทย่นจมูกเมื่อรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ยอมลืมตา
เมธาวีถอนหายใจเบา ๆ ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันดีจนทำให้เธอคลายความกังวลลงได้ ตอนที่ทำกับเขา สมองเธอโล่งไปหมด ตัวก็เบาหวิว เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงชอบเรื่องพวกนี้กันนัก เพราะมันช่วยปลดปล่อยความเครียดได้ยังไงล่ะ
หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าที่หัวเตียงแล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาดูนาฬิกา เมื่อเห็นเวลาก็ตกใจ
เที่ยงแล้ว โดนลูกค้าวีนแน่!
เมธาวีรีบลุกขึ้นจากเตียงเพื่อแต่งตัวกลับบ้าน แต่นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เธอลาหยุดไปจนถึงวันจันทร์ จึงชะงักแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงตามเดิมพลางบ่นตัวเองในใจ
โอ๊ย สมองฉัน
ทุกกิริยาของเมธาวีล้วนอยู่ในสายตาของปวริททั้งหมด เขารู้สึกตัวหลังจากที่หญิงสาวลุกออกไปจากอ้อมแขน ก่อนจะมองดูท่าทางกระวนกระวายนั้นด้วยความเอ็นดู ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่านี้ซะอีก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้คิดมากสักเท่าไหร่ อย่างกับเป็นเรื่องไม่สำคัญ ทั้งที่มันเป็นวันสำคัญของเขาแท้ ๆ เป็นวันที่เขาจะจดจำไปทั้งชีวิต วันที่เขาได้รักเธออย่างลึกซึ้ง
ชายหนุ่มเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เจ้าของร่างอรชร ใช้ท่อนแขนแข็งแกร่งรวบเอวคอดดึงลงมานอนด้วยกัน ก่อนซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาวเนียนแล้วกระซิบถามด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกผมบ้าง คุณคิดจะกินแล้วหนีเหรอครับ”
เมธาวีขนลุกซู่เมื่อถูกกระซิบชิดใบหูขนาดนี้
“ปะ เปล่า ไม่ได้คิดจะหนีสักหน่อย” หญิงสาวพยายามเบี่ยงใบหน้าออกจากการหยอกเย้าด้วยปลายจมูก แต่ก็ไร้ผลเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ
ปวริทยิ้มกริ่ม พรมจูบแก้มขาวอย่างรักใคร่
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะรับผิดชอบผมใช่ไหมครับ ได้ผมแล้วจะทิ้งผมไปไม่ได้นะ”
เมธาวีขมวดคิ้วมองเจ้าคนทำหน้าออดอ้อนอย่างระแวง ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนถูกกล่าวหาได้เล่า ในเมื่อคนที่เริ่มก่อน ไม่ใช่เธอสักหน่อย แถมคนที่กินอย่างตะกละตะกลามก็ไม่ใช่เธอ แต่เป็นเขาต่างหาก หลังจากจบรอบแรกเธอก็หลับไป นึกว่าเขาพอใจแล้วแต่ที่ไหนได้ พอเธอตื่นก็เริ่มรอบสอง รอบสาม และอีกหลายรอบจนกว่าจะได้นอนจริง ๆ ก็ฟ้าเกือบสางแล้ว
“นั่นมันบทของฉันมากกว่ามั้ง อีกอย่างปล่อยในขนาดนี้ เกิดท้องขึ้นมาจะทำยังไง” เสียงหวานตอบกลับพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น
ปวริทได้ยินเช่นนั้นก็กอดหญิงสาวแน่นขึ้นอย่างดีใจ ที่อย่างน้อยความสัมพันธ์นี้ก็ไม่ได้จบแค่ครั้งเดียว
“ถ้าคุณเบลท้อง ผมก็ต้องเป็นพ่อเด็กสิ ผมก็มีความรับผิดชอบนะครับ”
เมธาวีถอนหายใจเบา ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหรืออย่างไร ทำไมเธอถึงใจอ่อนได้ง่ายขนาดนี้ แต่ก็ยอมรับว่าเธอพอใจการทดลองงานเมื่อคืนมากทีเดียว
หญิงสาวเหลือบมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาในระยะใกล้ พลางคิดว่าบางทีอาจรวมหน้าตาของเขาด้วย ก็ดันตรงสเปคเธอเกินไปน่ะสิ
นิ้วเรียวบางบีบจมูกเจ้าเด็กขี้อ้อนเบา ๆ อย่างมันเขี้ยว
“เสียใจด้วยนะ แต่ฉันกินยาคุมปรับฮอร์โมน คงไม่ท้องง่าย ๆ หรอก”
ปวริทฟังแล้วตาเป็นประกาย “อย่างงั้น…”
“เป็นไปได้ก็อยากให้ป้องกันนะ” เมธาวีดักทาง
ปวริทพยักหน้าระรัว เขาไม่กล้าขัดใจเพราะกลัวไม่ได้ทำอีก ก่อนจะถามถึงอนาคตของพวกเขาต่อไป
“แล้วคุณ…พอใจรึเปล่าครับ ผมทำดีใช่ไหม”
เมธาวีรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า เธอหลบสายตาซุกซนที่มองมาอย่างประหม่า
เขาถามมาตรง ๆ แบบนี้แล้วจะให้เธอตอบว่ายังไงเล่า พอใจมาก ชอบมาก อยากให้ทำอีกเยอะ ๆ อย่างนั้นเหรอ ถ้าตอบไปแบบนั้น มีหวังไม่ได้ลุกจากเตียงแน่
“ก็…พอใช้ได้…” เสียงหวานตอบอ้อมแอ้ม
ปวริทฟังแล้วก็ตาวาว รู้สึกราวกับถูกท้าทาย ทั้งที่เมื่อคืนเธอร้องครวญครางด้วยความเสียวจนขอให้เขาหยุดกระแทกแท้ ๆ แต่กลับบอกว่าพอใช้ได้ นี่มันหยามกันเกินไปแล้ว!
ชายหนุ่มขึ้นคร่อมร่างหญิงสาวอีกครั้งอย่างหมายมาด
เมธาวีร้องออกมาอย่างตกใจ
“คุณจะทำอะไรน่ะ!”
ปวริทแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มใบหน้าเข้าใกล้ ตอบด้วยน้ำเสียงเชิญชวน
“ผมก็จะแก้มือน่ะสิ ผมเอาจนคุณคอแห้งขนาดนั้นยังบอกว่าแค่พอใช้ได้ ก็เท่ากับยังไม่พอใจไม่ใช่เหรอครับ งั้นผมก็จะทำอีกจนกว่าคุณจะพอใจ”
เมธาวีอ้าปากค้าง เหมือนเห็นประกายไฟในดวงตาของเขา ก็คิดว่าไม่รอดแน่ จึงออกแรงผลักอกหนาตรงหน้าออกไป
“ไม่เอานะ ฉันไม่อยากทำตอนกลางวันแสก ๆ”
ปวริทยิ้มกว้าง ตอบกลับอย่างหน้าไม่อาย
“ปิดผ้าม่านปิดไฟก็มืดแล้ว” พูดจบก็จับขาของคนตัวเล็กอ้าออกอีกครั้ง แล้วล้วงมือเข้าไปในกางเกงชั้นใน แหย่นิ้วเข้าไปทันที
เมื่อรู้สึกถึงความชุ่มชื้นก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งยั่ว
“ปากบอกว่าไม่ แต่แฉะพร้อมเอาขนาดนี้ คุณนี่ปากอย่างใจอย่างจริง ๆ อยากก็บอกกันดี ๆ สิครับ”
เมธาวีหน้าแดงด้วยความอาย ที่ปวริทพูดมานั้นถูกทุกอย่าง เธอเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ เพราะถูกสอนให้อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เด็ก เป็นพี่ก็ต้องเสียสละความสุขส่วนตัวให้น้อง ต้องไม่เอาแต่ใจสร้างปัญหาพ่อแม่ ถึงจะเป็นเด็กดี เธออยู่ในกรอบนั้นมานาน จนนิสัยอดกลั้นต่อความต้องการ มันฝังลึกลงถึงกมลสันดานไปแล้ว
หญิงสาวช้อนตามองคนตรงหน้าด้วยความกังวล
“ฉันพูดได้ด้วยเหรอ”
ปวริทชะงักเล็กน้อย สงสัยว่าทำไมคนที่มั่นใจในตัวเองอย่างเมธาวี ถึงได้กังวลขนาดนั้น
“ถ้าคุณต้องการ ผมจะทำทุกอย่างให้คุณเอง…เพราะงั้น คุณพูดได้ทุกอย่างเลยครับ” ชายหนุ่มตอบพลางขยับนิ้วเร็วขึ้น เขารู้ว่าเมธาวีมีอารมณ์แล้ว จึงไม่อยากปล่อยให้เธอค้างคา ส่วนเขาค่อยไปช่วยตัวเองทีหลังก็ได้
เมธาวีกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกราวกับมีค้อนทุบกำแพงอยู่ในใจ แค่คำพูดไม่กี่คำของปวริท ก็ทำให้เธออยากแสดงความต้องการออกมาจริง ๆ
หญิงสาวโอบกอดรอบคอหนา ตัดสินใจกระซิบตอบเบา ๆ
“อยากทำค่ะ”
คนเหนือร่างฟังแล้วก็ชะงัก แค่ได้ฟังคำตอบด้วยน้ำเสียงแสนหวาน ก็ทำให้ลำเนื้อตั้งตรงชูชันยิ่งกว่าเดิม