ตอนที่1[100%]

2065 คำ
ถึงเขาจะอยากร่วมมือกับไอ้คนเขายาวไปถึงลำปางบ้านเกิดแม่ของมันกระทืบให้ยับหลับคาเท้า แต่มันก็ดันติดที่ว่าไอ้คนคิดชั่วแอบแซ่บกับเมียของลูกชายตัวเอง ไม่ละอายใจเพราะรู้ทั้งรู้นายอัครภพก็ยังจะสอยเอามากินได้ลงคอ เป็นพ่อแท้ ๆ ของเพื่อนนี่สิ โครงการป้อนบาทาให้ชู้จึงต้องพับเก็บแต่โดยไว ส่วนอีกคนที่ขนาดรู้ทั้งรู้ว่าเป็นพ่อของผัว เธอก็จะรวบเอาไว้กินไม่ยอมคายนั้น ต่อให้เขายิ่งคิดก็ให้รู้สึกแค้นแทนเพื่อนรักเพียงใด แต่คุกก็ไม่ได้มีไว้ขังแต่คนจนเท่านั้น ลูกคนรวยสมัยนี้ก็มีสิทธิ์เข้าไปนอนเล่นเช่นกัน เขาจึงอึดอัดขัดใจฉิบหาย ต้องห้ามทั้งเท้าตัวเองและเท้าเพื่อนไม่ให้ไปกระทืบคนตายเข้า แดนดนัยนั้นตอนนี้เขาไม่รู้จะด่าใครก่อนดี เพราะมองแล้วแมร่งก็จัดว่าชั่วกินกันไม่ลง สารเลวพอกันทั้งสองคนยากจะแยกได้ เพราะเอาจริงก็คือศีลเสมอกันทั้งคู่ ก็รู้ทั้งรู้ว่าคนหนึ่งก็เมียลูก ส่วนอีกคนก็พ่อผัวตัวเอง แม่เจ้าประคุณก็ยังคิดชั่วพากันมั่วไม่เลือกยิ่งกว่าสัตว์! ...เฮ้อ!... คนเราต้องชั่วขนาดไหนถึงกล้ามาทำอะไรชั่วช้าโดยไม่ละอายแก่ใจ ทั้งที่อีกแค่ไม่ถึงอีกสามอาทิตย์เท่านั้นก็จะถึงงานแต่งงานกันอยู่แล้วแท้ ๆ กลับมาทำแบบนี้ ฝ่ายนายอัครภพนั้นก็เป็นพวกกินไม่เลือกอย่างที่สุด รวยขนาดเหมาดารามานอนด้วยคืนละเป็นสิบคนยังไม่ระคายกระเป๋า แต่กลับยังมาแอบกินกับว่าที่ลูกสะใภ้ ในขณะที่ลูกชายวิ่งแจกการ์ดวิวาห์ให้วุ่น ใจคอไม่รู้ว่าทำด้วยอะไรกันแน่ เข้าตำราผู้หญิงแม่งก็ตัวเต็มได้ด้วยลายดอกฟักทองขึ้นจนไร้ที่ว่าง ส่วนคนเป็นพ่อคนก็…ต้องไร้สามัญสำนึกขนาดไหนถึงกล้าร่วมมือกับสะใภ้สวมเขาให้ผู้เป็นลูกชายแบบนี้…. …เข้าข่ายชายชั่วหญิงต่ำของแท้มาเอง… “หยุดเถอะวะ ชีวิตมึงแมร่งยังมีบุญที่มารู้สันดานดิบกันเสียตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าตอนมีลูกออกมาก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าแท้จริงเป็นลูกมึงหรือว่าเป็นน้องมึงอีกคนกันแน่น่ะไอ้ธาม กลับกันเถอะมึงเชื่อกู” แดนดนัยกอดเอวรั้งกายของคนแทบคลั่งเอาไว้แน่น พร้อมทั้งพูดให้สติเพื่อนรัก เพราะทนจับเพื่อนตัวเองเข้าคุกข้อหาฆ่าคนไม่ได้ “แมร่งเอ๊ย…ทำไมวะ…ทำกูลงกันได้ยังไง…คนหนึ่งเป็นพ่ออีกคนก็...แมร่งเอ๊ย...ทำกูได้ยังไงวะ!” ธาดาตะโกนกรีดรีดเค้นคำพูดแสนปวดร้าวจากหัวใจออกมา พร้อมน้ำตาลูกผู้ชายหลั่งริน ก็หากใครมาเจอแบบเขามันจะทนได้กี่คนกัน ทำไมตัณหาราคะทำให้คนลืมสิ้นถึงความถูกและผิดแบ่งแยกไม่ได้กันขนาดนี้เชียวหรือ “แกพามันกลับไปก่อนนายแดน เดี๋ยวฉันจะตามกลับไปคุยกันที่บ้าน” อัครภพเอ่ยออกมาได้ที่สุด เขาเสยผมที่ย้อมสีปกปิดทับผมหงอกขาวเอาไว้แนบเนียนอย่างแรง เพราะขัดใจที่ความลับดันมาแตกอย่างไม่น่าให้อภัย 'อย่าให้กูรู้ว่าใครแมร่งไปฟ้องไอ้ห่าธามก่อนเวลาอันสมควรนะมึง...กูจะตามไปกระทืบยันนรกเลยเชียว' หนุ่มใหญ่พาลโกรธไปทั่ว เพราะคิดว่าจะต้องมีใครไม่หวังดีเอาเรื่องนี้ไปฟ้องลูกชายตัวเองแน่ เพราะเขากับแพรวารีนั้นแอบกินกันมาร่วมสองปีแล้ว ไอ้เจ้าลูกโง่มันยังไม่เคยระแคะระคาย เขาจึงผูกใจเจ็บกับใครก็ตามที่เอาเรื่องนี้ไปปูดจนความลับแตกโดยไร้ความละอายใจเลยสักนิด “ไปเถอะวะไอ้ธาม ชีวิตมึงยังมีค่านะเว้ยอย่ามาแลกกับคน…สวะไร้ค่าแบบนี้เลยวะ มันไม่มีอะไรดีเลย” หากแต่ธาดาเขายังทอดสายตามองไปยังบิดานิ่ง ตอนนี้ผู้หญิงที่เขาเคยคิดว่าจะร่วมทางกันไปชั่วชีวิตไร้ค่าในสายตาของเขาไปแล้ว แต่สำหรับบิดา…มันไม่ใช่…เขาอยากรู้พ่อเขาคิดอะไรอยู่ตอนขย่มเมียเขา หรือแท้จริง...ไม่เคยคิดอะไรเลย... เพราะนี่พ่อเขาเอง...พ่อผู้ให้ชีวิตให้เลือดเนื้อ ใครมันจะทำใจยอมรับการกระทำวันนี้ได้ลง ซึ่งเขาไม่คิดว่านี่คือครั้งแรกที่บิดาของเขาทำ อย่างน้อยคนเป็นพ่อสมควรมีคำพูดที่มันชัดเจนกว่าไล่ต้อนเขากลับบ้าน ซึ่งตลอดสิบห้าปีที่เขามาอาศัยชายคาของ ‘หย่งธรรมคุณ’ ยังไม่เคยมีสักครั้งที่คนเป็นพ่อจะกลับไปคุยกันที่บ้านจริง! “กลับไปก่อนได้ไหมไอ้ธาม อย่าให้ฉันต้องลงมือกับแกดีกว่าวะ ฉันไม่อยากเจ็บมือ…ยังจะมามองหน้ากันอีก...กูไล่มึงอยู่ไปสิ...ไป๊!...ไอ้ลูกเวรนี่...ยั่วตีนเสียจริง!” …โครม! ... มันเหมือนฟางเส้นเดียวที่ทานทนรับน้ำหนักก้อนหินที่ถูกจับทุ่มเข้าใส่สุดกำลังไม่ไหว สิ้นเสียงขับไล่ประหนึ่งเขาเป็นสุนัขขี้เรื้อนไร้ค่าตัวหนึ่งจบลง ธาดาก็ฟาดกำปั้นลงไปที่กำแพงจนมันแตกทันตาเห็นเลือดไหลรินแดงฉาน ก่อนจะหันมองบิดาแน่วแน่อีกครั้ง…มอง…อย่างจะจดจำภาพวันนี้ให้มันฝังลึกกรีดลงกลางดวงใจและสลักไปยังก้านสมองว่า…บิดาช่างใจดำอำมหิตต่อเขานัก เพราะทำร้ายเขาด้วยการย่ำยีหัวใจอย่างถึงแก่นเช่นนี้ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินหนีจากไปเสียดีกว่าจะขาดสติไปมากกว่านี้ ...เขายังมีความเป็นมนุษย์อยู่...เขาจึงไม่อยากด่าทอหรือแตะต้องกายบิดาแม้เพียงปลายเส้นผม!... “เฮ้ย! ...ไอ้ธามมึงรอกูด้วย!” แดนดนัยร้องเรียกแล้วเร่งฝีเท้าวิ่งตามไปทันที ปล่อยให้เปรตทั้งสองตัวได้ปลุกปลอบกันตามแต่จะพอใจกันเลย ส่วนเขาจำต้องตามไปให้ทันก่อนคนสติพังมันจะทำอะไรโง่งมลงไป ...หวังว่ามึงจะไม่โง่จนคิดสิ้นนะไอ้แว่นธาม... ส่วนคนขาดสติ วิ่งกลับลงมาแทบเหมือนคนไร้วิญญาณ มีเพียงที่หัวใจยังเต้นกับแรงของลมหายใจยังปกติ ส่วนจิตใจมันขาดวิ่นยิ่งกว่าถูกมีดโกนคม ที่ผู้กรีดเป็นบิดาแท้ ๆ ของตัวเอง ส่วนผู้จัดเตรียมมันส่งมอบใส่มือก็คือว่าที่เจ้าสาวหรือก็คือภรรยาทางพฤตินัยของเขานั่นเอง ...ทำไม...ทำไมทำกันได้ลงคอ...ทำไม? ในหัวเขามีแต่คำถามเหล่านี้ ดังนั้นในยามนี้น้ำตาภายนอกได้หยุดไหลไปแล้ว หากแต่ภายในมันกำลังท่วมท้นจนเขาจุกแน่น พอถึงลานจอดรถจึงพบว่ากุญแจอยู่กับเพื่อนสนิท แต่ตอนนี้เขายังไม่อยากเจอใครทั้งนั้น เขาอับอายเจ็บปวดและสับสนไปหมดด้วยไม่รู้จะผ่านจุดนี้ไปได้อย่างไร จึงคิดว่าจะหารถกลับไปเอง เพราะทุกสิ่งหนักเกินไป จู่โจมถาโถมเขามารวดเร็วเกินไป ต่อให้ประสบการณ์ทั้งชีวิตยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา มันก็ยากจะเอามาต่อต้านหรือแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าให้ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะงานวิวาห์มันเกือบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว จะล่มเห็นทีมันคงจะไม่ง่ายดายอย่างแน่นอน ยิ่งคิดก็เหมือนชายหนุ่มติดอยู่ในอุโมงค์ดำมืด อย่างไรความแกร่งกล้าที่เคยคิดว่ามากมายเพียงพอ อีกทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิเขาก็ไม่น้อย แต่เหตุการณ์แบบนี้เขารับมือแทบไม่ไหว ธาดาแทบมองไม่เห็นหนทางพาเขาออกจากวังวน ภาพของสองคนที่กรีดความรู้สึกเขาจนพังยับเยินไม่มีชิ้นดีมันคอยตามหลอกหลอนจนแทบคลั่ง "ไอ้ธาม! " ก่อนที่กายสูงใหญ่ที่มีสภาพยับเยินเดินโซเซเลื่อนลอย ปริญญาถึงสองใบไม่อาจนำมาช่วยอะไรเขาได้เลย เขาเดินไปอย่างไร้ทิศทางภายในหัวเต็มไปด้วยภาพอันเจ็บปวดอัดแน่น เท้าที่ไม่มั่นคงพาเจ้าของเดินไร้สติลงไปที่พื้นถนนในช่วงเวลาเกือบสามทุ่มของค่ำวันศุกร์ หลายคนเพิ่งเลิกงานเลิกเรียนกำลังแออัดกันอยู่บนรถ ถนนเริ่มจะคล่องตัวมากกว่าช่วงเย็น พอดีกับที่แดนดนัยวิ่งตามมาทันเสียก่อน หาไม่เขาคงได้ตายลงไปแล้วแน่ ๆ "มึงอย่าคิดอะไรโง่ ๆ นะโว้ย ผู้หญิงที่ดียังมีอีกเป็นล้านแปด กับอีแค่นางพญาปลิงควายตัวเดียวมึงอย่าเอาชีวิตที่แม่มึงให้มาไปทิ้งกับมันนะเพื่อน เชื่อกู...นะไอ้เพื่อนยาก" ...ตุ้บ...ตุ้บ... แม่...คำนี้มันฉุดกระชากคนสติฟังให้กลับมาอีกครั้ง ได้ดีกว่าแรงตบลงบนไหล่ที่แดนดนัยตบเรียกสติเพื่อนเสียอีก...จริงนะชีวิตนี้นอกจากพ่อก็ยังมีแม่ที่เป็นผู้อุ้มชูเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูเขามาอย่างดี และทุ่มเทอย่างมากกว่าที่อาจารย์หนุ่มจะเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ริบหรี่ส่องมาเล็กน้อยก็เกือบจะสายเสียแล้ว "กูจะกลับลำปางว่ะ" ถึงวันนี้สิ้นแม่ ก็ยังมีคุณยายของเขาอยู่ ดังนั้นธาดาจึงตัดสินใจจะกลับไปหาท่าน อย่างน้อยขอเขากลับไปสงบจิตสงบใจสักอาทิตย์ คงพอจะกลับมาจัดการปัญหางานแต่งงานที่คงจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว ดังนั้นเขาจะกลับไปหาตักอบอุ่นของคุณยายสายหยุดคงดีที่สุดแล้ว "กูมีงานด้วยสิ คงทำได้แค่ไปส่งมึงขึ้นเครื่องได้เท่านั้น มึงไปได้ใช่ไหมวะไอ้ธาม หรือจะให้กูโทร.เรียกไอ้ยัพกับไอ้อาร์มมันไปเป็นเพื่อนมึงกลับลำปางดีวะ" หากงานนี้มันไม่เกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดระดับชาติ แดนดนัยจะไม่มีวันทิ้งเพื่อนเลย เพราะกลัวใจคนที่เพิ่งเจ็บมากกว่าอกหัก "กู...ยังไหวว่ะ" ชายหนุ่มผู้ถูกแทงข้างหลังทะลุกลางหัวใจ หันไปตอบเพื่อนหนักแน่น แล้วบีบหัวไหล่มันอย่างจะสื่อว่าเขาไหวจริงไม่ใช่พูดเพียงให้เพื่อนสบายใจ แต่แดนดนัยก็คอยชำเลืองตามองเจ้าคนปากบอกไหวจนไปถึงสนามบิน "กูไหวจริงไอ้ผู้กอง กูน่ะว่าที่อาจารย์คนหนึ่งนะมึง ถึงกูไม่ได้อัจฉริยะแต่กูก็รักชีวิตที่แม่ของกูอุ้มท้องอย่างยากลำบากถึงเก้าเดือน ต้องทนเจ็บท้องก่อนจะคลอดอีกตั้งสามวันสามคืน คนอย่างแพรวารีมันไร้ค่าสำหรับกูมาก ส่วนเขา...ละไว้ในฐานที่เข้าใจนะมึง กูยังกลัวบาปกลัวกรรมกลัวต้องตกนรกวะ" เมื่อเข้ามาถึงสนามบิน ธาดาเลยพูดความในใจออกไปอีกครั้งเพราะเขาคิดได้พอสมควรระหว่างนั่งรถมาว่าอะไรสำคัญอะไรไม่สำคัญ ถามหาความเสียใจมันก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่เสียใจจนขาดสติแล้วมาทำร้ายตัวเองเขายังไปไม่ถึงขนาดนั้น อย่างที่บอกไป ผู้หญิงแบบแพรวารีมันมีค่าไม่พอสำหรับเขาจริง ๆ "ก็ดี...กูเชื่อมึง ยังไงก็อย่าปิดมือถือนะเว้ยกูเป็นห่วง" สองเพื่อนซี้พูดจากันอีกสองสามประโยค จึงต่างแยกย้ายกันไปตามจุดหมายปลายทางที่แตกต่างกัน แดนดนัยต้องไปทางภาคอีสานเพื่อปฏิบัติภารกิจลับของหน่วยที่ตนเองประจำการ ส่วนธาดาก็กำลังจะมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปพักใจและตั้งหลักสักอาทิตย์ ก่อนจะกลับมาเคลียร์ปัญหางานวิวาห์ที่จะเกิดก็ได้ แต่เขาไม่เอาเจ้าสาวที่ชื่อแพรวารีได้อย่างเด็ดขาด! ...คงมีเพียงต้องหาใครสักคนมาสวมชุดเจ้าสาวเสียแล้วกระมัง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม