ก๊อกก๊อกก๊อก
เสียงเคาะห้องสามครั้งเรียกให้คนที่กำลังนั่งเท้าคางมองซีรีย์ต่างประเทศที่หล่อนกำลังดูเพื่อฝึกการสนทนาการฟังและการพูดภาษาอังกฤษนั้นลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องให้พี่สาวได้เข้ามาโดยไม่ต้องถามหรือว่าส่องประตูตาแมวให้เสียเวลาเพราะรู้กันว่านี่คือรหัสลับเคาะสามก๊อกของหล่อนกับพี่สาว
“ทำอะไรอยู่หรือจ๊ะยัยสอง...” ราชาวดีเดินเข้ามาโอบเอวกรรณิการ์น้องสาวคนเดียวของหล่อนเอาไว้... ผู้เป็นน้องก็โอบกอดพี่สาวตอบเช่นกัน “นั่งฝึกภาษาอังกฤษอยู่ค่ะไม่ค่อยได้พูดนานแล้ว”
“เอ๋ฝึกยังไงกันจ๊ะพี่เห็นเราดูซีรีย์หรือว่าจะฝึกภาษาผ่านทางนี้”
“ใช่แล้วค่ะ... ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยลงเรียนจีนกลางกับจีนกวางตุ้งมาเสียเยอะ... ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษเลยเลยอยากรื้อฟื้นสักหน่อย”
เพราะว่าบิดามีบริษัทเกี่ยวกับการส่งออกผลไม้อบแห้งและรังนกไปขายที่ฮ่องกงนอกนั้นยังมีกิจการหลายอย่างที่เกี่ยวกับการเเปรรูปผลผลิตทางการเกษตรโดยเน้นตลาดฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่เพราะมีบริษัทคู่ค้ากันหลายที่... ราชาวดีกับกรรณิการ์จึงได้เดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างฮ่องกงกับไทยรวมทั้งเรียนหนังสืออยู่ทั้งสองประเทศเพื่อผลประโยชน์เกี่ยวกับภาษาที่ภาวันเห็นว่าสำคัญมากโดยพื้นเพคนฮ่องกงพูดกวางตุ้งกันแต่ว่าด้วยการเริ่มขยายการค้ากับจีนจึงมีการใช้ภาษาจีนกลางเพิ่มขึ้นลูกสาวของภาวันจึงต้องเรียนให้ครบ
นับว่าบิดาของพวกหล่อนมองการณ์ไกลมากที่ให้ลูกสาวได้เรียนรู้หลายภาษาซึ่งมีประโยชน์มากเมื่อต้องติดต่อสานสัมพันธ์กับ
คู่ค้า... รวมทั้งแนวโน้มการขยายตลาดไปยังประเทศอื่นด้วยภาษาอังกฤษจึงถูกเลือกมาฝึกเพิ่มก่อนที่จะไปทำงานกับบิดา...
“คนที่เรียนจบไฟแรงแบบนี้กันทุกคนเลย” พี่สาวที่เรียนจบมาแล้วเป็นปีล้อเลียนน้องสาว
“ก็แหม... พี่หนึ่งเพิ่งอายุเเค่ยี่สิบสี่เรียนจบมาสองปีไฟก็ยังเเรงเหมือนกันล่ะค่ะ... พูดเหมือนแก่หมดไฟไปแล้วขนาดนั้น”
กรรณิการ์ล้อเลียนพี่สาว...
คนเป็นพี่ได้แต่อมยิ้มหล่อนเองบอกไม่ถูกหรอกว่านับตั้งแต่เข้ามาช่วยบิดาทำงานได้เป็นปีๆ แล้วหล่อนยิ่งกว่าหมดไฟปัญหาขาดทุนเรื้อรังของบริษัทเพราะปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาเรื่องการส่งออกทำให้มีเรื่องต้องรอแก้ไขกันมากแต่หล่อนกับบิดาก็สู้เเละเครียดกันมาพักใหญ่แล้ว
แต่ปัญหาใหญ่ก็ไม่ได้เคยเเพร่งพรายถึงหูน้องสาวคนเล็กที่ตรากตรำเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยอยู่เลยสักคำเพราะว่าหล่อนไม่อยากให้น้องเสียการเรียนแล้วต้องเสียใจ...เเต่เห็นภาพน้องสาวฝึกภาษาอย่างตั้งอกตั้งใจเพื่อไปทำงานบริษัทของบิดาโดยไม่รู้เลยว่าบริษัทแทบจะเหลือเเต่ชื่อเพราะการประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักหากรู้เข้าน้องสาวของหล่อนจะเสียใจสักเเค่ไหนหนอ...
แต่ถึงกระนั้นก็เถอะหล่อนเองก็ยังไม่อยากให้โลกที่สวยงามของน้องสาวจบลงเร็วนักเพราะว่ากรรณิการ์เป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนมากเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัยและเพิ่งส่งคำร้องขอจบด้วยเกรดเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองด้านอักษรศาสตร์ทำให้หล่อนอยากให้อะไรเป็นของขวัญชิ้นที่น่าจดจำของน้องสาวบ้าง... อย่างน้อยน้องสาวของหล่อนจะได้เที่ยวอย่างสบายอกสบายใจก่อนจะกลับมาเครียดเรื่องงานและต้องระดมสมองสุดๆ กับการหาทางออกของวิกฤติการเงินที่บริษัทต่อ
ตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสไปญี่ปุ่นโดยสายการบินฮ่องกงซิตี้แอร์ไลน์ซึ่งเป็นกิจการของบ้านหลิงหลิงห้องพักสุดหรูของโรงแรมในโตเกียวเจ็ดคืนพร้อมทั้งพ็อกเก็ตมันนี่อีกเป็นแสนที่หลิงหลิงมอบให้มานั้นมันดูมีค่ามากเหลือเกินหากเทียบกับการที่ราชาวดีไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับเเผนล่มการเดตของภพเทพครั้งนั้น... แต่หลิงหลิงก็คะยั้นคะยอเอาให้หล่อนพร้อมทั้งบอกหล่อนว่า...
“ใครบอกหนึ่งไม่ช่วยอย่างน้อยที่สุดหนึ่งก็ช่วยพาหลิงหลิงไปฉะกับพี่ชายถึงไม่ได้เจอนังแนตตี้ก็เถอะหลิงหลิงไปประกาศเจตนารมณ์กับพี่ภพเทพขนาดนั้นแล้วแต่มันได้ผลนะพี่ภพเทพห่างๆ แม่นั่นแล้วเเถมยังสั่งไม่ให้หล่อนบอกนักข่าวเรื่องมีเจ้าของสายการบิน
ฮ่องกงมาหลง... แล้วพี่ชายเราก็ถามหาหนึ่งบ่อยจนเราสงสัยว่าพี่ชายเราจะเบนเข็มมาหาหนึ่งเเทนเพราะติดใจชุดเเดงปากเเดงของหนึ่ง... แต่เราสกัดกั้นเอาไว้แล้วว่าห้ามคิดอกุศลกับหนึ่ง... ไม่ใช่ไม่อยากได้หนึ่งเป็นพี่สะใภ้นะแต่หนึ่งควรได้สามีที่ดีกว่านี้... แล้วก็นี่ของขวัญเอาไปไม่ต้องเกรงใจนะอยากให้น้องได้เที่ยวจริงๆ น้องคงมีความสุขมากหลิงหลิงเองก็เอ็นดูน้องมากเลยให้พ็อกเก็ตมันนี่เพิ่มถ้าหนึ่งไม่รับแล้วเอาไปให้น้องสองหลิงหลิงจะโกรธ”
เพราะเหตุนี้หล่อนจึงได้ของขวัญให้น้องสาวทั้งที่ไม่ได้ออกแรงอะไรมากเลยหากไม่นับการปีนเข้าออกบ้านในวันนั้น
“ยัยสอง... พี่กับพ่อมีของขวัญจะให้ฉลองที่เราเรียนจบเกียรตินิยมก่อนมารับผิดชอบงานที่บริษัทช่วยพ่อกับพี่เราไปตามฝันก่อนได้เลย...” ความฝันอันสูงสุดของกรรณิการ์คือการเเบกเป้เดี่ยวเที่ยวเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่นไปใช้ชีวิตสักพักแล้วค่อยมาเริ่มงานค้าขายช่วยเหลือบิดา...