น่านมาส่งเอมมิการ์ที่บ้าน เมื่อมารับแล้วก็มาส่งด้วย พอจะกลับชายหนุ่มก็ถูกเจ้าของบ้านชวนทานมื้อเย็นด้วย และเอมมิการ์ก็เห็นด้วย น่านจึงได้มาเป็นลูกมือของเอมมิการ์ในห้องครัวทำขนมกลีบลำดวน ส่วนกับข้าวนั้นแม่บ้านในบ้านได้เตรียมเสร็จแล้วและกำลังตั้งโต๊ะอยู่
“วันนี้ที่บ้านมีแขกเหรอเอม ทำไมน่านเห็นแม่บ้านทำกับข้าวเยอะมาก”
“ไม่รู้สิน่าน คุณแม่คงทำเลี้ยงน่านมั้ง ขนมเสร็จแล้ว น่านชิมดูสิอร่อยไหม” เธอตอบพร้อมหยิบขนมที่เพิ่งอบเสร็จให้ชายหนุ่มชิมดู และจังหวะนั้นเองที่น่านกำลังจะรับขนมจากมือของเอมมิการ์มากินก็มีเสียงเข้มดังขึ้นที่หน้าประตู
“หัดอายคนในบ้านบ้าง แถมยังใส่ชุดนักศึกษากันอีก”
น่านและเอมมิการ์หันไปทางต้นเสียงพร้อมกัน น่านทำได้แต่ขมวดคิ้ว เพราะไม่รู้ว่าผู้ชายที่ยืนหน้าประตูห้องครัวคือใคร เพราะเขามาบ้านนี้ไม่เคยเห็นชายหนุ่มหน้าบึ้งคนนี้สักครั้ง ส่วนเอมมิการ์ได้แต่ก้มหน้ามองเท้าตัวเองไม่กล้ามองไปทางคนตัวโตที่ไม่ได้เจอกันนานและไม่คิดว่าวันนี้เขาจะกลับมาบ้าน
“ทำขนมกลีบลำดวนอยู่เหรอหอมเชียว เหมือนเธอจะรู้ว่าฉันจะกลับมานะเอม” เขาพูดพร้อมเดินมาแย่งขนมที่เอมมิการ์จะให้น่านชิมไปชิมแทน
“เอมก็เพิ่งรู้ว่าคุณศึกจะกลับมาตอนนี้แหละค่ะ ส่วนขนมเอมก็ทำให้เพื่อนของเอมค่ะ น่านชิมสิ”
เธอตอบแล้วหันไปหยิบขนมในถาดชิ้นใหม่ให้น่านชิม ท่าทางไม่สนใจเขาของเอมมิการ์ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจจนอยากกระชากเธอลากออกไปข้างนอก แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เมื่อแม่ของเขาสั่งให้เขาและหล่อนต่างคนต่างอยู่ ไม่รู้จะทนได้นานแค่ไหนถ้าต้องอยู่ด้วยกันและเจอกันทุกวัน
“เหรอ...นึกว่าทำให้ฉันซะอีก ปกติเธอก็ทำให้ฉันกินประจำนี่” จับศึกเอ่ยสวนกลับพร้อมกับวางขนมในมือที่กัดกินไปแล้วครึ่งหนึ่งลงในถาด
“ใครเหรอเอม” น่านรับขนมในมือเล็กที่ยื่นให้พร้อมถาม
“คุณศึก ลูกชายของแม่จันทร์น่ะ” เธอตอบเสียงเรียบ
“สวัสดีครับ ผมน่าน เพื่อนของเอมครับ” น่านรีบยกมือไหว้อีกฝ่ายทันที ส่วนคนที่ถูกไหว้ก็พยักหน้ารับไหว้อย่างไม่เต็มใจนัก
“คุณศึกมาอยู่นี่เอง คุณเอื้องมาแล้วนะคะ” ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านั้น เสียงแหบแห้งของนมอิ่มก็ดังขึ้นและนั่นก็ทำให้เอมมิการ์อยากขอบคุณนมอิ่มเหลือเกินที่มาถูกเวลา
“ครับ นมอิ่ม” ก่อนจะไปไม่ลืมส่งสายตาคาดโทษให้เอมมิการ์ ส่วนนมอิ่มก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้หญิงสาวหนึ่งเดียวในครัว ก่อนจะเดินตามจับศึกไป
“เอมดูกลัวคุณศึก” เมื่อเหลือกันสองคน น่านก็ถามทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของเอมมิการ์ที่เปลี่ยนไปตอนเจอเขา
“เขาไม่ค่อยชอบเอมน่ะ ชิมขนมเถอะน่าน เราจะได้จัดไปตั้งโต๊ะ วันนี้คุณแม่ทำกับข้าวเยอะต้อนรับคุณศึกกับแฟนของเขาน่ะ” เมื่อรู้แล้วว่าทำไมวันนี้ผู้มีพระคุณถึงให้แม่บ้านในบ้านทำอาหารเย็นเยอะกว่าทุกวัน
“อือ” แล้วก็ชิมขนมในมือ เมื่อชิมแล้วก็ชมฝีมือพร้อมช่วยจัดขนมเรียงในจานช่วยเอมมิการ์ และแบ่งจัดใส่กล่องไว้ให้น่านเอากลับไปฝากคนที่บ้านของเขาด้วย
ในห้องรับประทานอาหารของบ้านสุขเกษมกำลังต้อนรับแขกสองคน มีน่านเพื่อนสนิทของเอมมิการ์กับเอื้องรักแฟนสาวของจับศึก นางจันทร์หอมมองทุกคนที่นั่งเรียบร้อยก็พยักหน้าให้เด็กรับใช้และนมอิ่มชวนกันตักข้าว รินน้ำทันที เมื่อเรียบร้อยก็เชื้อเชิญทุกคนทานอาหารทันที
“กินเยอะๆ นะพ่อน่าน หนูเอื้องด้วยนะจ๊ะ”
“ครับ / ค่ะ” ทั้งสองตอบรับคำพร้อมกัน
“เอมทานนี่นะ” น่านตักผัดพริกหยวกไก่ให้เอมมิการ์ ส่วนเอมมิการ์ก็พยักหน้าขอบคุณแล้วตักปลาทับทิบราดพริกให้เพื่อนบ้าง
“ขอบคุณนะเอม” น่านขอบคุณพร้อมตักเนื้อปลาที่เอมมิการ์ตักให้กับข้าวในช้อนให้พอดีคำแล้วทาน
นางจันทร์หอมมองเด็กทั้งสองอย่างเอ็นดูแล้วหันมาทางลูกชายที่นั่งเม้มปากแน่นมองจ้องเด็กทั้งสอง ‘ดูกันสิว่าพ่อลูกตัวดีจะทนได้นานแค่ไหน เจอแบบนี้แล้ว’ นางพึมพำในใจแล้วตักทานบ้าง โดยมีเอมมิการ์ตักกับข้าวให้เหมือนทุกครั้ง
“หนูเอมก็ทานเยอะๆ เถอะลูก ไม่ต้องตักให้แม่หรอก”
“ค่ะ คุณแม่”
“ศึกไม่ทานเหรอคะ ทำไมเอาแต่นั่งนิ่งคะ” เอื้องรักถามแฟนหนุ่มที่ไม่ตักทานข้าวและอาหารสักคำ
“ไม่ค่อยหิวน่ะ” เขาตอบปัดแล้วก็ยื่นมือไปหยิบช้อนกลางในถ้วยแกงจืดหมูสับตรงหน้าแล้วตักให้แฟนสาวตัวเอง
“ขอบคุณนะคะศึกที่จำได้ว่าเอื้องชอบกินอะไร”
“ผมจำได้ทุกอย่างที่เป็นเอื้อง กินเถอะครับ มีไข่เจียวหมูสับด้วยนะ ผมตักให้เอื้องนะ” แล้วเขาก็ตักไข่เจียวหมูสับให้แฟนสาวอีก โดยไม่รู้เลยว่าเสียงอ่อนโยนและการเอาใจใส่ของเขาทำให้ใครบางคนนั้นเจ็บร้าวในอกมากเพียงไร
เอมมิการ์ทำได้แค่เพียงกลืนก้อนความเจ็บปวดก้มหน้าก้มตาทานข้าวให้อิ่มเพื่อจะได้ออกไปจากบรรยากาศที่ทำร้ายตัวเองแบบนี้
เมื่อส่งแขกของตัวเองกลับบ้านแล้วก็หมุนตัวจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าข้อมือเล็กรั้งไว้ เธอหันมามองเขาพร้อมก้มมองข้อมือตัวเองแล้วบิดเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณให้เขาปล่อย แต่เขากลับกำแน่นกว่าเดิมพร้อมลากเธอเดินไปในสวนอีกต่างหาก
“ปล่อยเอมนะคุณศึก”
“ฉันบอกแล้วไงว่าให้เลิกคบมันได้แล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเป็นเพื่อนกับผู้หญิงหรอกนะ” ไม่เพียงแค่พูด แต่ยังกระตุกดึงร่างเล็กของเอมมิการ์เข้ามากอดแน่น
“อือ...ปล่อยนะคุณศึก เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอกค่ะ”
“ทุกคนยุ่งในครัว ไม่มีใครมาเห็นหรอก แล้วทำไมถึงชวนมันมาบ้าน แล้วขนมยังห่อให้มันกลับบ้านอีก”
“ก็เขาเป็นเพื่อนเอม” เธอตอบพร้อมพยายามดิ้นขืนตัวเองให้หลุดจากอ้อมกอดแข็งแรงของคนตัวโต แม้จะรักเขา แต่เขาก็มีเจ้าของแล้ว เรื่องเธอกับเขาก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เมื่อเขาเกลียดชังเธอเหลือเกิน
“เพื่อนงั้นเหรอ? เธอโง่รึไงถึงมองไม่ออกว่ามันคิดไม่ซื่อกับเธอ”
“เอมมองออกค่ะ”
“แล้วเธอก็ยอมให้มันใกล้ชิดเนี่ยนะ เธอบ้ารึเปล่าเอม เธอมีผัวแล้วยังไปอ่อยมันอีก”
“หยุดพูดได้แล้วคุณศึก และก็ปล่อยเอมได้แล้วค่ะ เอมยังโสดและมีสิทธิ์จะคบกับใครก็ได้”
“เธอมัน...เว้ย!” เมื่อนึกหาคำพูดมาโต้ตอบไม่ได้ก็ตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล
“ปล่อยเอมค่ะ”
“ปล่อยเหรอ...หึหึ เธอจำไว้ เธอเป็นเมียฉัน จะคบกับใครไม่ได้เอม”
“คุณศึกจะมีเอมเป็นเมียได้ยังไง ในเมื่อคุณศึกก็มีแฟน”
“ทำไมฉันจะมีไม่ได้ อย่าคิดมีแฟนเป็นอันขาดถ้าฉันไม่อนุญาต”
“คนเห็นแก่ตัว คน...อ่ะ...อื้อ” แล้วปากน้อยของเอมมิการ์ก็ถูกปากหนาโน้มลงกระแทกจูบปิดกลืนคำพูดทันที มือน้อยพยายามทุบตีอกแกร่งดิ้นเร่าหนีและเบือนหน้าหนี แต่มือใหญ่ก็รั้งท้ายทอยเธอไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนหนี
“อ่า...อื้ม” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งคู่เมื่อปากหนาบดเร่าเอาแต่ใจ ความหวานที่แสนคะนคะนึงหาทำให้สติของจับศึกเตลิดไปไกล แต่แล้วทุกอย่างก็พังเมื่อเสียงแหบแห้งดังขึ้นจากด้านหลัง
“ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้นะพ่อศึก!” นั่นแหละทำให้เขาต้องผลักร่างเล็กออกห่างราวกับแตะต้องของร้อน
“แม่บอกแล้วยังไงว่าห้ามแตะต้องน้องอีก ต่างคนต่างอยู่ แล้วทำไมถึงล่วงเกินน้องแบบนี้ตาศึก” นางเดินเข้ามาผลักลูกชายออกห่างจากเอมมิการ์แล้วโอบกอดปลอบโยนหญิงสาว
“หนูขอตัวก่อนนะคะคุณแม่”
เธอขืนตัวเองออกจากวงแขนของท่านแล้วเดินจากไปโดยไม่คิดจะมองคนที่ตัวเองเดินผ่านแม้แต่น้อย มือน้อยยกเช็ดถูปากตัวเองด้วยขณะเดินและยิ่งทำให้จับศึกรู้สึกไม่พอใจกรุ่นโกรธกับท่าทางของเอมมิการ์ที่แสดงให้เห็นว่าจูบของเขามันน่ารังเกียจ
“เลิกมองน้องได้แล้ว แม่บอกว่ายังไงให้ต่างคนต่างอยู่ ศึกไม่ควรล่วงเกินน้องอีก”
“หวงจริงเลยนะครับแม่จันทร์” เขาตอบท่านกลับโดยที่สายตายังคงมองไปยังคนที่เดินจากไป
“หวงสิ เลิกยุ่งกับน้องได้แล้ว แม่ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบเดิมขึ้นอีก ลูกทำตัวเป็นพี่ชายน้องไม่ได้รึไงพ่อศึก”
“ไม่ได้ ผมเป็นลูกคนเดียว อีกอย่างเป็นผัวเมียกันแล้วจะให้เป็นพี่น้องกันเนี่ยนะครับ ไม่ได้หรอกแม่จันทร์ ไปล่ะ ผมไปข้างนอกก่อน นัดเพื่อนดื่ม” ก่อนจะจากไปก็เดินมาโน้มหน้าหอมแก้มของแม่ที่รัก ก่อนจะผละเดินสาวเท้าเร็วๆ จากไป
เฮ้อ!
จันทร์หอมถอนหายใจมองตามแผ่นหลังลูกชายไปแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน อยากรู้นักว่าพ่อตัวดีของนางจะทำยังไงกับอนาคตหากว่ารู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว และเอื้องรักล่ะ ผู้หญิงอีกคนก็แสนดีน่ารัก มีแต่ลูกชายนางที่ไม่ดี ไม่คู่ควรกับคนดีๆ อย่างเอื้องรักและเอมมิการ์
ณ ผับหรูผับประจำ จิณณ์เดินมาคว้าแย่งแก้วเหล้าในมือเพื่อนรักกระดกดื่มหมดแก้ว วันนี้เขาเหนื่อยและมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นจนทำให้คิดไม่ตกจนต้องมานั่งปรับทุกข์กับจับศึกที่ผับนี่แหละ
“เป็นอะไรของมึง มาถึงก็ดื่มเอาดื่มเอา อดอยากมาจากไหนวะไอ้จิณณ์” จับศึกรินบรั่นดีสีอำพันใส่แก้วให้เพื่อนแล้วตัวเองขอแก้วใหม่จากพนักงาน
“เมียขอหย่า” จิณณ์ตอบพร้อมยกแก้วกระดกดื่มอีกครั้ง
“เมียขอหย่าก็หย่าสิวะ สนใจทำไมล่ะ”
“แม่งมึงไม่เข้าใจกูไอ้ศึก”
“มึงรักเมียแก่งั้นเหรอ”
“เออ...กูรักเมียกู และมึงรู้ไหมว่าขอหย่าพร้อมลูกของกูในท้องด้วยสิ กูไม่ยอมหรอก กูบอกถ้าอยากหย่าก็ไปฟ้องศาลเอา”
“แม่งไหนใครเคยบอกว่าไม่มีวันรักเมียแก่วะ”
“กูเนี่ยแหละพูด แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันเว้ย! กูหลงรักจนแทบเป็นบ้าตอนนี้ พอกูรักกูหลงแล้วมาขอหย่ากู ไม่มีทาง! คนอย่างไอ้จิณณ์ไม่ยอมง่ายๆ หรอก คิดจะหย่ากับกูแล้วพาลูกกูไปอยู่ต่างประเทศ ไม่มีทางหรอก” จิณณ์พูดแล้วก็แย่งขวดบรั่นดีในมือเพื่อนมารินใส่แก้วกระดกดื่ม
“พะ...พอก่อน เดี๋ยวได้เมาตายกันพอดี” จับศึกแย่งขวดบรั่นดีในมือเพื่อนที่กำลังจะรินใส่แก้วอีกมาถือไว้
“แล้วมึงเถอะ นัดกูออกมาทำไม มีเรื่องเครียดอะไรวะ” จิณณ์มัวแต่สนใจตัวเองจนลืมไปเลยว่าเพื่อนเองก็มีเรื่องกลัดกลุ้มใจไม่ต่างจากตนตอนนี้
“แค่อยากดื่มเลยโทรชวนออกมา” จะให้พูดได้ยังไงว่าตอนนี้เขาติดใจเด็กอย่างเอมมิการ์จนไม่สามารถแตะต้องแฟนสาวอย่างเอื้องรักได้ ยิ่งก่อนจะจากมาได้จูบปากแสนหวานของเด็กนั่น เขาก็ยิ่งอยากกลับไปกระชากเธอเข้าห้องให้รู้แล้วรู้รอด แต่มันติดตรงมีแม่ที่รักขัดขวางตลอด
“อือ...กูก็เครียดพอดี ตอนนี้เมียก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านพ่อกับแม่แล้ว กูตามไปบ้านก็ไม่ให้กูเข้าบ้าน มึงคิดดู หย่าก็ยังไม่หย่า แล้วมาทำแบบนี้กับกูได้ไงวะ จริงอยู่เมื่อก่อนกูไม่ชอบ แต่ตอนนี้กูขาดเมียแก่คนนี้ไม่ได้จริงๆ ว่ะ”
“อืม...ดื่มเถอะ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ” แล้วทั้งสองก็พากันรินบรั่นดีใส่แก้วแล้วชนแก้วกันก่อนจะกระดกรวดเดียวหมดแก้ว
“มึงเถอะ เอื้องกลับมาแล้ว วางแผนจะขอเอื้องแต่งงานรึยังวะ” จิณณ์ถาม เพราะก่อนหน้านี้เพื่อนรักเคยปรึกษาว่าถ้าเอื้องรักกลับมาจากเรียนต่อจะขอแต่งงาน แต่ตอนนี้ก็กลับมาได้หลายเดือนแล้ว เพื่อนกับเอื้องรักยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
“ตอนแรกก็จะขอเอื้องแต่งงาน แต่ตอนนี้เอื้องกำลังสนุกกับงานที่ทำในวงการแฟชั่น กูเลยจะให้เอื้องใช้ชีวิตในแบบที่เอื้องชอบก่อน” ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วตอนนี้จับศึกเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองยังอยากสร้างครอบครัวกับแฟนสาวอยู่ไหม
“ดื่มไอ้เพื่อน” จิณณ์ยกแก้วบรั่นดีในมือขึ้นพร้อมกระดกใส่ปากตัวเอง ส่วนจับศึกเองก็รินบรั่นดีในขวดแล้วกระดกดื่มแล้วสั่งพนักงานเอามาให้อีกขวด วันนี้เขาไม่อยากกลับไปนอนที่บ้าน เขากลัวว่าตัวเองจะบุกห้องของน้องสาว ให้ตายสิ เขาเกลียดคำว่า ‘น้องสาว’ ที่สุดตอนนี้