ครั้นเสียงหน้าห้องเงียบลง ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินจากไป ปิยฉัตรก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินไปฉวยเอาผ้าเช็ดตัวบนเตียง แล้วก้าวไปยังห้องน้ำ แต่ไม่นานก็ต้องนุ่งผ้าขนหนูออกมาเพราะลืมโฟมล้างหน้าที่ตัวเองคงหลงวางรวมๆ ไว้กับครีมบำรุงผิว แต่กระนั้นตาก็ยังไม่วายเหลือบไปยังประตูที่มีคนขู่ว่าจะพังเข้ามาเมื่อครู่ ก่อนจะเผลอย่นจมูก แล้วเอ่ยอย่างหมั่นไส้ให้เจ้าของรีสอร์ต
“เฮอะ…นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็ไม่กล้าพังประตู”
“ใครมันจะโง่พังประตูรีสอร์ตตัวเองวะ”
น้ำเสียงเย็นเยียบทำให้เธอหันขวับไปยังเบื้องหลัง ทันใดนั้นก็หลุดอุทานออกมา
“ไอ้จอม!”
ปิยฉัตรตาค้างเมื่อเห็นว่าคนที่เธอปรามาสไปเมื่อกี้กำลังนั่งเอกเขนกกอดอกพิงหัวเตียง แถมยังกระดิกปลายเท้าด้วยท่าทางเหมือนอารมณ์ดีเสียเต็มประดา แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือแววตาวาววับกำลังกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า จนเธอต้องรีบยกมือขึ้นกระชับปมผ้าขนหนูที่ขมวดมุ่นอยู่ตรงกลางอก
“มะ…มึงเข้ามาได้ยังไง” คุณหมอสาวขยับปากเอ่ยถามเสียงสะท้าน
“เดินเข้ามา”
ตัวร้ายสวนกลับแบบกำปั้นทุบดิน จ้องร่างขาวๆ เขม็ง พร้อมยกมือขึ้นลูบปลายคาง แต่แค่นั้นก็ทำเอาคนที่กำลังยืนตัวเกร็งหน้าแดงซ่านแทบทำอะไรไม่ถูก
“มึงไม่ควรบุกเข้ามาในห้องพักของแขกแบบนี้”
ปากเอ่ยคล้ายตำหนิ ขณะที่ขาก้าวถอยหลังด้วยท่าทางระแวดระวัง ทว่ายังไม่ทันจะหนีเข้าไปในห้องน้ำดังใจหมายอีกฝ่ายก็กระโจนลงจากเตียงมาประชิดตัว แล้วต้อนให้เธอไปจนมุมที่ผนัง
“มึงแน่ใจเหรอ ว่ามึงเป็นแค่แขก”
เขาแสยะยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะเอ่ยคาดคั้น แล้วปิยฉัตรก็ต้องหลุดสะดุ้งเฮือก และหลับตาปี๋ เมื่อคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ทาบมือข้างหนึ่งเข้าที่ผนังกักตัวเธอไว้อย่างกลายๆ
“กูถามก็ตอบสิวะ” คนบ้าอำนาจยังไม่วายไล่บี้ ลมหายใจผ่าวระอุทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ก่อนจะครางประท้วงเมื่อมือกระด้างคว้าหมับเข้าที่ชายผ้าขนหนู
“ฮื้อ…”
“คำตอบของมึงไม่เคลียร์ว่ะ แบบนี้เราควรรำลึกความหลังกันดีไหมวะ…”
“มะ…ไม่…อย่า!”
“ถ้างั้นก็ตอบมาว่ามึงเป็นอะไรกับกู” คนเผด็จการไม่วายเอ่ยเร่งเร้าแกมข่มขู่
“กูเป็นคนที่มึงเกลียดเข้าไส้ เป็นคนที่มึงไม่อยากอยู่ใกล้” ทุกถ้อยคำที่เค้นออกมาจากริมฝีปากสั่นระริกล้วนบีบคั้นให้คนมีอดีตอันแสนเจ็บปวดไม่ต่างจากเขาแทบขาดใจ
“เออ…แล้วไงอีกวะ”
เห็นอีกฝ่ายตาแดงๆ เขายิ่งขยี้ โน้มหน้าลงมาหาจนเธอสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายจมูกแทบชนกัน ก่อนจะเอ่ยคาดคั้นชิดปากที่กำลังเม้มแน่น
“ว่าไง…”
“หยุดเล่นกับความรู้สึกกูได้แล้ว กูก็มีหัวใจ กูก็เจ็บเป็น” เจ้าของเสียงสั่นเครือเอ่ยเป็นเชิงวิงวอน
“แล้วที่มึงทำให้เมียกูตายล่ะ กูไม่เจ็บหรือไงวะ” จอมพลสวนกลับเสียงดุดันติดจะแปร่งๆ นัยน์ตาอัดแน่นไปด้วยความขมขื่นอย่างหาที่สุดไม่ได้
“กูบอกมึงแล้วไง ว่ากูไม่ได้ทำ กูพยายามช่วยยัยนั่นแล้ว…” เธอพยายามจะอธิบายว่าตัวเองคือผู้บริสุทธิ์ ทว่าผลกลับเป็นดังเช่นทุกครั้ง จอมพลตวาดลั่นด้วยแรงโทสะจนน่าประหวั่นพรั่นพรึง
“หุบปาก! อย่ามาตอแหล!”
วาจาทำร้ายหัวใจทำให้ปิยฉัตรน้ำตาซึมอย่างสุดกลั้น
เธอเป็นคนเข้มแข็ง ไม่เสียน้ำตากับอะไรง่ายๆ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้
“ถ้ามึงยังเอาแต่ทิฐิเป็นใหญ่มึงจะไม่มีวันได้รู้ความจริง” ปิยฉัตรพยายามที่จะใจเย็น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอีกฝ่ายจะเปิดโอกาสให้เธอได้บอกเล่าถึงความจริงบ้าง
“ความจริงก็คือมึงพาเมียกูไปตาย แล้วมึงยังใส่ร้ายว่าเมียกูคบชู้สู่ชาย”
สุดท้ายไอ้คนใจบอดนั่นก็เชื่อคำพูดของเมียมันอยู่ดี
ใช่สิ! ก็เมียรักเขาบอกว่าเรื่องทุกอย่างมันมีสาเหตุมาจากเธอ แถมเธอยังไม่ช่วยอะไร เป็นหมอซะเปล่า หล่อนบอกเขาเช่นนั้นก่อนสิ้นใจ ซึ่งคำพูดของคนใกล้ตายที่เขารักสุดหัวใจมันย่อมมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่าคนที่เขาชังน้ำหน้าอยู่แล้ว เขาเชื่อสนิทใจว่าเธอมันชั่ว เธอมันเลว เธอพาเมียเขาไปตาย
“มึงฟังกูหน่อยไม่ได้เหรอวะ กูขอร้อง…”
“กูบอกให้มึงหยุดพูด!”
“ก็กูจะพูด กูไม่ได้ทำ! กูไม่ได้ทำ! มึงได้ยินไหม!” เธอตะโกนสวนกลับอย่างเหลืออด ก็รู้ว่าเขามาทันได้ฟังวาจาบอกเล่าจากปากเมียรักของเขา ที่ปรักปรำให้เธอกลายเป็นตัวร้ายไม่เหลือชิ้นดี แต่เขาก็ควรจะเปิดใจฟังคำอธิบายจากเธอบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ปิดกั้น และฝังใจว่าเธอคือคนผิด
“ถึงมึงจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่มึงก็พาเมียกูไปตาย”
“ถ้าวันนั้นคนที่ตายเป็นกูมันคงจะดี มันจะดีใช่ไหมวะ”
เธอเค้นเสียงถามด้วยท่าทางรวดร้าว แล้วเอ่ยต่อทั้งน้ำตา “ถ้ามันจะดีมึงก็ฆ่ากูซะสิ ฆ่ากูให้สาสมกับความคั่งแค้น เอาให้สาแก่ใจกับความเกลียดชังที่มึงมีต่อกู”
“กูบอกมึงแล้วไง ว่าชีวิตแลกด้วยชีวิต แต่ไม่ใช่ความตาย”
“แล้วมึงจะเอายังไงกับกู ไอ้คนใจร้าย!”
“เอาชีวิตแลกด้วยชีวิต แต่ไม่ใช่ความตาย”
เจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มเอ่ยยืนยันด้วยถ้อยคำเดิมอย่างหนักแน่น ก่อนที่เธอจะเค้นเสียงต่ำทว่าหน่วงหนักไม่แพ้กันสวนกลับอย่างเหลืออดกับความบ้าดีเดือดของเขา
“กูเคยบอกมึงแล้วไง ว่ากูให้มึงไม่ได้”
“หึ…ไม่แน่หรอก เมื่อคืนมึงอาจจะให้กูแล้วก็ได้”
“ไม่มีวัน! ไอ้คนใจร้าย!”
คราวนี้คนถูกกระตุ้นด้วยข้อตกลงบางอย่างถึงกับตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดหวั่นปนกรุ่นโกรธจนระงับอารมณ์ไม่ไหว และท่าทางจะเป็นจะตายก็ทำให้คนใจหินแสยะยิ้มด้วยความสาแก่ใจ
“กูไม่ใจร้ายเท่าที่มึงทำกับเมียกูหรอก และคนใจร้ายอย่างมึงก็คงไม่มีวันเข้าใจหัวอกของคนที่สูญเสีย ว่ามันรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน มึงไม่เคยสูญเสียมึงไม่มีวันเข้าใจ” เขาเค้นเสียงกระด้างสาดใส่หน้า ก่อนจะถอยห่าง แล้วหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้เจ้าของร่างสั่นเทาทรุดลงไปกองกับพื้น
“ทำไมกูจะไม่เข้าใจ มึงเสียเมีย แต่กูเสียคนที่กูรักมากที่สุดอย่างมึงไงไอ้คนใจยักษ์” ปิยฉัตรพึมพำทั้งน้ำตา ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาเธอก็เจ็บปวดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเขานักหรอก
ตราบใดที่ผู้ชายหูหนวกตาบอดอย่างเขายังไม่ยอมเปิดใจ เขาจะไม่มีวันล่วงรู้ว่าเบื้องหลังก่อนที่เมียเขาจะตายมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นเธอต้องจมปลักอยู่กับอดีตอันเลวร้ายมาตลอด ปิยฉัตรไม่ได้เสียแค่เขาไป แต่เธอเสียหลัก เสียศูนย์ เกิดภาพหลอนจนนอนไม่หลับ หวาดผวาหนักจนต้องกินยานอนหลับติดๆ กัน ที่สุดก็เข้าขั้นวิกฤตจนต้องเข้าพบจิตแพทย์ ทั้งที่เรื่องเลวร้ายในครั้งนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำ เธอก็แค่ถูกดึงเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์อัปยศนั่น เธอก็แค่เป็นเหยื่อที่เมียเขาสร้างเรื่องดึงเข้าไปมีเอี่ยวทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย
แต่คนไม่รู้อะไรเลยอย่างเธอกลับตกเป็นจำเลย กลายเป็นคนเจ็บปวดที่สุด เจ็บจากการถูกผลักไส ทรมานจากการถูกหมางเมิน และเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้เมื่อเขายังไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เพราะ ‘พันธะ’ บางอย่าง
พันธะบ้าๆ ที่คนร้ายกาจเหนือชั้นกว่าสร้างมันขึ้นมา